ดีไซเนอร์พลิกวงการแฟชั่นไทย เขากล้าเสียดสีสังคม และยังคงมองโลกแง่ดี!

 

Q-07

วาดรูปคือสกิลล์ติดตัวมาตั้งแต่เกิด

อาทเริ่มเรื่องราวการเป็นดีไซเนอร์ของเขา มาจากอะไรที่ใกล้ตัวเขา ตั้งแต่เด็กเขาบอกว่า “จำความได้ก็วาดรูปมาตั้งแต่เด็ก แม่จะให้วาดบนผนังที่บ้านเลย ตั้งแต่4-5 ขวบก็จะเริ่มวาดอะไรที่ดูดราม่าๆ แล้วอย่างรูปดอกบัว รูปวิว” อาทวาดทุกสิ่งออกมาจากสิ่งที่เขาเห็น และบวกกับจินตนาการของเขา “อาทชอบวาดหน้าคน ชอบวาดตาคน แล้วก็ชอบแนวแอบสแทรคท์แบบที่ไม่ใช่ต้นไม้ ไม่ใช่บ้าน จะวาดไปเรื่อยๆ ที่เหมือนจะไม่ใช่ของจริง” อาทไม่ยึดติดกับสิ่งที่มองเห็น เขาชอบแปลงสิ่งนั้นๆ ออกมา และเขาฝึกฝนมาเยอะในระดับที่อาร์ติสท์คนหนึ่งจะฝึกออกมาได้เลยทีเดียว อาทวาดทั้งดรออิ้ง สีน้ำ สีน้ำมัน สีโปสเตอร์

พอได้เข้าเรียนที่เอแบค อาทเลือกเรียนกราฟิค ดีไซน์ และพอเรียนจบอาทก็เริ่มสนใจงานอาร์ตแบบที่มีความเสียดสีสังคมด้วย “อาทชอบงานเสียดสี เป็นตลกร้าย เหมือนจิกกัดแบบโพสิทีฟ ดูแล้วยิ้มๆ ไม่ใช่ดูแล้วดาร์ค มีสะท้อนสังคมจากเรื่องราวจริง ที่เราเห็นแล้วรู้สึกว่าทำไมไม่มีคนพูดนะ อาทก็เลยอยากพูดมันออกมา” ตรงนี้ล่ะที่เป็นพลังขับของอาท เป็นจุดเทิร์นนิ่ง พอยท์ของเขาเลย คอลเล็คชั่นบนรันเวย์ของเขา สะท้อนทุกสิ่งที่อยู่ในใจอาทออกมา จนทำให้วงการแฟชั่นต้องหันขวับมามองเขา Q Design and Play คือใคร?

Q-00

อีกสิ่งหนึ่งที่ขับเคลื่อนเขา ก่อนจะมาเป็นดีไซเนอร์

“อาทเรียนจบมาแบบบอกตัวเองเลยว่า เราต้องสู้นะ เพราะเรียนมาด้วยความพยายามมาก แล้วอาทมีพ่อแม่เป็นแกนหลักของชีวิต อาทเป็นลูกคนเดียวด้วย รู้สึกเลยว่าเราต้องทำเพื่อเขา ฝังใจมากว่าเราจะป่วยไม่ได้ ตายไม่ได้  แล้วอาทดูแลคนรอบๆ ตัวด้วย” สิ่งนี้เลยทำให้อาทเป็นคนที่ทำงานแบบใส่ใจรายละเอียด และถ้าได้เริ่มคิดอะไรแล้ว เขาจะต้องคิดให้ครบทุกด้าน เรียกว่าต้องชนกันให้ได้หมด อาทถึงจะเลิกคิด

หลังจากเรียนจบอาทเริ่มงานแรกที่โอกิลวี่ แอนด์ เมเธอร์ ทำงานเป็นกราฟิก ดีไซน์มา 2 ปี เขาได้เรียนรู้อะไรเยอะมาก แล้วพออาทอายุเข้า 25 ปี ไฟในตัวเขาเริ่มลุกโชนแล้ว เขารู้สึกเลยว่า “อยากทำอะไรของตัวเองแล้ว รู้เลยว่าคืออยากทำเสื้อผ้ามาก” อาทเริ่มจากรับเสื้อผ้ามาขาย เปิดเว็บ ออนไลน์ขาย อาทเลือกเสื้อผ้าผู้ชาย มีเสื้อยืด กระเป๋า ลายกราฟิกก็จะเป็นแนวจีโอเมตริกซ์ มีลายหมาป่า กวาง ตอนนั้นเขาใช้ชื่อแบรนด์ว่า “Q Style” ถามเรื่องชื่อว่าทำไมเอาตัวคิวมาตั้งเป็นชื่อ อาทบอกว่าไม่มีอะไรมาก ชอบตัวคิว ดูสวยดี

Q00

ความพีคของชีวิตได้เริ่มขึ้นแล้ว..

เขาขายเสื้อผ้าที่ออนไลน์ และเปิดขายที่สวนลุม ไนท์ บาซาร์ สมัยนั้นขายได้วันละเป็นหลักพัน ไม่นานนักเหตุการณ์พลิกชีวิตแรกในชีวิตอาทก็เกิดขึ้น “อาทเจอม็อบ เป็นความพีคครั้งที่หนึ่งของชีวิต พีคตรงที่จากที่คนมาเดินเยอะมาก เป็นไม่มีคนเลย อาททนอยู่อย่างนั้นไปพักใหญ่มาก จนเริ่มมีสู้รบกัน จนเราเข้าไปในสวนลุม ไนท์ไม่ได้” อาทต้องรวบรวมความกล้าทั้งหมดเดินฝ่าม็อบ เพื่อไปเอาของออกมา “ภาพติดตามาก เหมือนอยู่ในสงคราม ก็เอาของออกมาเปิดขายที่อะรีน่าเท็น ต้องตื่นตีห้าไปจองที่ คือไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อนในชีวิตเลย ขายไปแบบไม่รู้อนาคต ต้องสู้เพราะเราต้องซัพพอร์ตตัวเราเองให้ได้”

หลังจากนั้นอาทเอาเสื้อผ้าของตัวเองไปขายที่ซีดีซี ไปแบกะดินขายที่สยาม ขายโฮลเซลที่จตุจักรตอนกลางคืน สิ่งที่เกิดตอนนั้นกับอาทก็คือ “เรายังหาตัวตนไม่เจอ คิดอะไรได้ก็ทำไปก่อน เคว้งคว้างมาก ขายไปแบบนี้จนถึงกลางปี 2010 พอดีเห็นที่โรงหนังลิโด้มีห้องเช่า ก็ไปติดต่อ ตอนนั้นเริ่มคิดจะทำเสื้อผ้าเป็นคอลเล็คชั่นแล้ว” และชื่อแบรนด์ Q Design and Play ก็เกิดขึ้นในตอนนั้น

Q-06

“ชื่อแบรนด์นี้มาจากว่า we design แล้ว you play นะ อยากให้คนรักแบรนด์นี้ เป็นเสื้อผ้าผู้ชายที่มีความคิด มีความรู้สึกในตัวมัน แรกๆ ก็จะทำเป็นคาร์ดิแกน เสื้อยืด กางเกงออกมา โชคดีมากที่อาทเป็นที่รักของช่างตัด” พอเริ่มเห็นความเป็นอาทมากขึ้นมาในงานดีไซน์ ถามถึงกระบวนการคิดงานดีไซน์ของอาทในหัว เขาเล่าว่า “คิดลายหนึ่งทีเป็นเดือนเลยนะ คิดจนจบ แล้ววันหนึ่งไอเดียจะปิ๊งออกมาเอง อาจเป็นเพราะตอนเด็กๆ พ่อแม่ให้เล่นของเล่น ก็จะเล่นต่อเลโก้มาตลอด อาทอ่านอินสตรัคชั่นประกอบของเล่นมาตั้งแต่ 4-5 ขวบ เลยกลายเป็นสเต็ปสร้างงานของอาทไป ช่วยจัดระบบความคิดได้ดีมากๆ”

ลายแรกของ Q Design and Play

“ลายแรกๆ เลยเป็นแนวฝูงสัตว์นะ ตอนนี้ยังไม่เจอตัวตนเท่าไหร่ ยังไม่เข้มข้นพอ แต่ก็ได้เริ่มดีไซน์ตลอด เริ่มขายได้หลักแสนแล้ว แต่ก็มีกลัวๆ เพราะเคยเจอเหตุการณ์ที่ทุกอย่างพังหมดมาแล้ว เลยรู้สึกว่าเราประมาทอะไรไม่ได้” แล้วพอเข้าปี 2013 ปีนี้ล่ะที่ความเป็นตัวตนของอาท ของ Q Design and Play เริ่มชัดขึ้นอย่างจริงจัง

Q-08 (Fall-Winter 2013)

“เสื้อผ้าเราได้ขึ้นห้างแล้ว แต่เราก็ยังรู้สึกว่าเราเป็นเด็กคนหนึ่งนะ เราเอาใจไปขอโอกาสเขา แล้วเขาก็สนับสนุน ได้ขายที่สยามเซ็นเตอร์ ชั้น 4 อาทขายได้เป็นอันดับ 2 เป็นลายหิมาลายันที่ขายดีมากๆ เราเริ่มมีลายปรินท์บนผ้าแล้ว ทางห้างก็อึ้งว่าเราเพิ่งมา ไม่น่าจะขายดีได้ขนาดนี้ แต่อาทเป็นคนไม่เหลิง ขายดีก็ไม่ได้แปลว่าจะต้องทำอะไรเกินตัวขึ้นนะ”

ความพีคกระตุกอีกครั้งให้ต้องสู้ต่อไป

แล้วพอเข้าปี 2011 ก็เกิดเหตุการณ์กับ Q Design and Play ขึ้นอีกครั้ง “ น้ำท่วมไง คราวนี้กระทบหนักเลย แต่ต่อให้ท่วมยังไง เราก็ยังต้องทำต่อไป คนไทยเริ่มพฤติกรรมเปลี่ยนก็ตอนนี้ เริ่มไม่เที่ยวกลางคืน ไม่ใช้เงิน แต่แล้วเหตุการณ์นี้ก็ผ่านไปได้ เพราะเหมือนเรามีภูมิต้านทานแล้ว” จนพอเข้าปี 2013 แบรนด์ของอาทเริ่มเป็นที่จับตามองของสื่อต่างประเทศ “มีโมโนเคิล แมกกาซีน มาทำเรื่องเกี่ยวกับแบรนด์แฟชั่นไทย ก็มี Greyhound, Fly Now, Stretsis แล้วอยู่ดีๆ ก็มีแบรนด์ Q Design and Play โผล่มาด้วย อาทงงมาก เขามาสัมภาษณ์อาท แล้วพอได้ลงแมกกาซีนเขา ก็เลยมีสื่อจากไทย จากต่างชาติเมลเข้ามาหาเยอะเลย” ยังไม่พอแค่นั้น เหมือนฉุดไม่อยู่ อาทได้รับเชิญให้ไปโชว์งานที่เกาหลีด้วย “ก็โชคดีมาก เพราะเขาหาแบรนด์ไทยหน้าใหม่ๆ อยู่ เราได้อยู่กลุ่ม Young Generation ด้วย คือดีใจมากๆ”

Q-04

คอลเล็คชั่นที่สร้างชื่อให้ Q Design and Play เข้าสู่สายตาระดับอินเตอร์

ถือว่าจุดนี้เป็นเทิร์นนิ่ง พอยท์ของ Q Design and Play แล้ว เพราะแบรนด์เดินรันเวย์ระดับโลก “คือการได้เดินแฟชั่น เป็นเป้าหมายของเราด้วย ก็เลยทำคอลเล็คชั่นนี้ใช้ชื่อว่า อินทรีย์แดง มาจากที่รู้สึกว่าบ้านเมืองวุ่นวายจัง อินทรีย์แดงก็เลยมีความเป็นซูเปอร์ฮีโร่หน่อย หลังจากนั้นก็เลยมีออกเดอร์เข้ามา ที่เมืองไทยก็เริ่มขายดีขึ้น คนเริ่มเชื่อแบรนด์เรา เลยได้เปิดเป็นบริษัทขึ้นมาเลย” แต่เหตุการณ์ความพีคก็ได้เกิดกับอาทอีกครั้ง!

“เจอม็อบอีกครั้ง อันนี้กระทบหนักเลย เพราะเขามาปิดตรงสยาม ก็ภาวนาไปขอให้ม็อบจบเร็วๆ พอหลังม็อบจบ แบรนด์ก็ชัดเจนแล้ว ได้ไปเดินแฟชั่นที่เมืองนอก ลงสื่อเมืองนอก คือพอเสร็จจากที่เกาหลี ก็ไปมาเลเซีย งาน เมอร์ซีเดส เบนซ์ เอเชีย แฟชั่น วีค” เรียกได้ว่าอาทต้องฝ่าฟันมาแบบกัดฟันอยู่หลายรอบ จนมาถึงวันที่เขาพูดได้เต็มปากว่า “คอลเล็คชั่นเราเริ่ม speak out แล้ว”

Q-01

แฟชั่น โชว์ครั้งแรกในไทยก็คืองาน Bangkok International Fashion Week

งานที่จัดขึ้นที่ลานปาร์ค พารากอน เป็นโชว์ที่ทำให้ Q Design and Play ดังมากๆๆๆ ในหมู่วัยรุ่นไทย และคนในวงการแฟชั่นไทย แรงบันดาลใจของโชว์นี้ของอาทก็คือ “มาจากประสบการณ์ที่เราเคยโดนเพื่อนแกล้งมาก่อน ตอนนั้นเราเป็นเด็กเนิร์ดเอ๋อๆ ก็เลยเอาแรงบันดาลใจนี้มาเล่า” ทั้งโครงเสื้อ กราฟิค สี และคำบนเสื้ออย่าง bully, geek, weird จะโดนใจคนในวงกว้างมาก พอเดินจบอาทบอกว่า “มีหนังสือชื่อ The Fader ของนิวยอร์คมาสัมภาษณ์ เขาเข้าใจว่าอาทสื่ออะไร เขาเลยเรียกงานเราว่าเป็น The Revenge of the Nerd เราเลยยิ่งชัดในดีเอ็นเอของเรามากๆ”

BIFW 2014

BIFW 2014

อาทเจอตัวตนชัดแล้ว เสื้อผ้าของเขาจะเป็นสตรีทแวร์ที่โอเวอร์ไซส์ แขนใหญ่ๆ กางเกงขาบานๆ มีลายกราฟิคที่สะท้อนความเป็นเด็กผู้ชายในตัวของเขา และมีข้อความบนเสื้อที่คืออินเนอร์จากความรู้สึกถึงสังคมบางอย่างของเขา “หลังจากนั้นอาทออกคอลเล็คชั่นชื่อ mars plastic เอามาจากยางลบ stadler มีคำนี้อยู่ จริงๆ อินสไปร์มาจากตอนเราเอ็นทรานซ์ไม่ติด ก็เลยแอบน้อยใจกับตัวเอง เลยเอาทฤษฎีการวาดรูปต่างๆ มาทำเป็นคอลเล็คชั่น ยอดขายในเมืองไทยและเมืองนอกขายหมดทุกชิ้น คนชอบมาก” และคอลเล็คชั่นนี้ล่ะที่เปลี่ยนแอตติจูดของแบรนด์แฟชั่นไทยไปอย่างกระชากกันเลยก็ว่าได้

Q-12 (MARS PLASTIC)

โชว์ของอาทจะต้องคิดใหม่ จะต้องแตกต่าง

อีกสิ่งหนึ่งนอกจากงานดีไซน์ของคอลเล็คชั่นแล้ว เวลาคิดโชว์ อาทจะคิดให้ครบด้วยเสมอ อย่างเมื่อปี 2016 ในงานแอล แฟชั่น วีค อาททำให้คนที่มานั่งฟรอนท์ โรว์ต้องอึ้ง เพราะเขาเปิดโชว์คือให้นายแบบวิ่งออกมา แล้วมีเดินๆ อยู่ดีๆ ก็วิ่งกลับเข้าไป เปิดเพลงที่คอนทราสท์กัน เขาให้แมสเซจทุกคนจากโชว์ว่า “เราไม่ใสนะ เราจะดื้อ และจะซน” โชว์นี้ล่ะที่เสื้อโอเวอร์ไซส์ลายเลียนแบบถุงยางอนามัย ทำให้ Q Design and Play ดังที่สุด ก็เพราะอินเนอร์ของเขาคือ “เราไม่เห็นต้องอายตอนซื้อถุงยางเลย ทั้งๆ ที่มันช่วยรักษาชีวิตคน เราต้องภูมิใจสิที่เราจะถือมัน” อาทแอบเล่าเรื่องปัญหาเด็กท้องในวัยเรียน มาเล่าผ่านงานดีไซน์ของเขา ก็ไม่ต้องแปลกใจว่าทำไม เขาถึงกลายเป็นดีไซเนอร์ผู้พลิกแผ่นดินดีไซน์ของบ้านเราไป

Elle Men Fashion Week 2016

Elle Men Fashion Week 2016

Elle Men Fashion Week 2016

Elle Men Fashion Week 2016

งานคอลแลบล่าสุด!

เป็นที่ฮือฮาไปทั้งวงการอีกครั้งเมื่อ Q Design and Play ออกงานคอลแลบกับรองเท้า Kito รองเท้าแตะที่มีส้นเป็นสนีคเกอร์ อาทดีไซน์ออกมาได้โดนใจผู้ชายอย่างแรง ถึงขั้นที่ว่าเปิดขายวันแรก หมดเกลี้ยงทุกคู่ หมดจริงจัง ไม่มีเหลือให้ซื้อวันรุ่งขึ้นสักคู่! เพราะดีไซน์ของอาททันสมัย เข้ากับเมืองไทย ดูมีความเป็นตัวของตัวเอง และใส่สบาย ยังมีส้นเสริมให้ผู้สูงขึ้นอีก

ทำให้เราต้องรอๆๆๆๆๆ ว่าคอลเล็คชั่นหน้า Q Design and Play จะออกอะไรมา อีกชิ้นหนึ่งที่เราชอบคือกระเป๋าคาดเอวที่มีคำว่า “Tourist” ของเขา มีความอาทตัวพ่อ และเข้ากระแสทัวริสท์จริงๆ ชอบมากกกกก

Q-05

และผู้หญิงคนไหนลองใส่ Q Design and Play จะรู้สึกเลยว่าตัวเองเท่ขึ้นหลายขุม เดี๋ยวนี้แฟชั่นกลายเป็นยูนิเซ็กซ์ไปแล้ว เราว่าน่าไปลองนะ

credit: instagram/qdesignandplay

0 replies

Leave a Reply

Want to join the discussion?
Feel free to contribute!

Leave a Reply