full throttle

ความเหน็ดเหนื่อยที่แก๊งสามเทยต้องเก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋าเดินทางนับร้อยครั้งในรอบ 2 ปีที่ผ่านมา คงคุ้มค่ากับยอดผู้ชมตอนละแสนกว่าวิวบน YouTube บวกกับเสียงหัวเราะอีกนับไม่ถ้วนผ่านหน้าจอโทรทัศน์

 

 

เผลอแป๊ปเดียว รายการเทย เที่ยว ไทย ก็ออกอากาศมาถึงตอนที่ 105 เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นครบรอบ 2 ปี นับจากตอนแรกเมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2554 ทางช่อง Bang Channel และช่อง Bangvdo ทาง YouTube โดยมีสามทหารสาว ป๋อมแป๋ม-นิติ ชัยชิตาทร กอล์ฟ-กิติพัทธ์ ชลารักษ์ และก๊อตจิ-ทัชชกร บุญลัภยานันท์ รับหน้าที่เป็น ‘มากกว่า’ ผู้ดำเนินรายการ จะเรียกว่าพวกเขาเป็นไอคอนของเทย เที่ยว ไทย ก็คงไม่ผิดนัก

 

 

หลังจากเสร็จสิ้นการถ่ายภาพคู่กับรถเต่า Volkswagen ทั้งสามที่ต่างจัดเต็มอยู่ในชุดเดินทางสไตล์วินเทจกำลังนั่งคุยกับ NYLON ที่ชั้น 30 อาคารจีเอ็มเอ็ม ป๋อมแป๋มเริ่มบทสนทนาด้วยการเล่าจุดเริ่มต้นของรายการเทย เที่ยว ไทย “ตอนนั้นป๋อมแป๋มได้รับโจทย์ว่าต้องทำรายการท่องเที่ยวให้ Bang Channel โดยเขาอยากได้รายการที่สนุก เราก็ไปรีเสิร์ชดูรายการท่องเที่ยวต่างๆ และพบว่ามันไม่ค่อยมีความพอดี ถ้าไม่เที่ยวหรูไป ก็เที่ยวสมบุกสมบันแบบแบ็กแพ็ก ซึ่งเรามองว่าถ้าเราไปเที่ยวเองก็คงไม่อยากไปเที่ยวแพงเพราะไม่มีเงิน แต่เราก็ไม่ได้อยากไปลำบาก ไม่ต้องเที่ยวแบบอันซีนก็ได้ คือถ้าเราไปปารีสก็คงไม่หยีกับการไปยืนถ่ายรูปกับหอไอเฟล สุดท้ายมันก็คือการเที่ยวแบบชนชั้นกลาง แบบคนทำงานออฟฟิศ” ป๋อมแป๋มยังเสริมอีกประเด็นว่ารายการท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่เคยดูมักไปเที่ยวคนเดียวและมีบรรยากาศที่ไม่สนุกนัก จึงเกิดไอเดียในการชักชวนกอล์ฟและก๊อตจิเพื่อนร่วมงานที่ Bang Channel ที่สนิทสนมกันตั้งแต่เรียนอยู่คณะอักษรศาสตร์จากรั้วจามจุรีมาเป็นพิธีกร บวกกับอีกเหตุผลคือ “ไปเที่ยวกับกลุ่มกะเทยสนุกที่สุด” ป๋อมแป๋มบอก “มันจะมีความเยอะ เวิ่นเว้อ ถ่ายรูปกันแบบเวอร์วัง หรือไปนั่งกินร้านอาหารที่ไม่อร่อย แต่พ่อค้าหน้าตาโอเค อะไรแบบนี้” กอล์ฟและก๊อตจิหัวเราะชอบใจ “สิ่งที่เห็นในรายการก็คือการไปเที่ยวในแบบของเราจริงๆ”

 

 

ชื่อรายการเทย เที่ยว ไทย เหมือนบ่งบอกว่าเราสนับสนุนให้คนเที่ยวเมืองไทยหรือเปล่า ป๋อมแป๋มตอบกลับว่า “ที่ตั้งใจจะเที่ยวเมืองไทย เพราะรายการนี้งบน้อยมาก” ก๊อตจิและกอล์ฟร้องสนับสนุนว่า “ใช่” และตามด้วยเสียงหัวเราะ ก่อนที่ป๋อมแป๋มจะพูดต่อว่า “ไม่หรอก เอาเข้าจริงๆ ตอนนี้คนไทยเที่ยวเมืองไทยกันเยอะ แต่เราก็ไม่ปฏิเสธที่จะไปเที่ยวเมืองนอก ระยะหลังเราก็เริ่มไปถ่ายเมืองนอกบ้างอย่างญี่ปุ่น เกาหลี หรือไกลหน่อยก็ฝรั่งเศส” สิ้นประโยค ก๊อตจิก็ต่อมุกว่า “พอกลับมาเลยเป็นหนี้ อีก 4 เทปถัดไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์หมดเลยค่ะ” พวกเขาเผยว่าการบินไปต่างแดนแต่ละครั้งมักได้รับเชิญจากสายการบินหรือเป็นทริปสื่อมวลชน แต่กอล์ฟก็ยังย้ำว่า “ถึงไปต่างประเทศก็เห็นได้ว่าเราเที่ยวแบบชนชั้นกลาง เที่ยวกันเอง ขึ้นรถไฟบ้าง เดินบ้าง ไม่ใช้เงินมาก”ทั้งสามยังจำกัดการเดินทางไปต่างประเทศไว้ไม่ให้มากเกินหนึ่งครั้งภายในสามเดือน เพื่อรักษาคอนเซ็ปต์การท่องเที่ยวเมืองไทยของรายการ

 

 

แต่ละทริปของสามเทยเริ่มต้นด้วยการกำหนดจุดหมายขึ้นมา โดยพยายามเลือกให้มีความหลากหลาย จากนั้นครีเอทีฟก็จะค้นหาข้อมูลมานำเสนอ โดยมีป๋อมแป๋มเป็นผู้พิจารณา “ทุกครั้งที่ไปจะไม่มีสคริปต์ จะมีแค่ตารางการเดินทางและข้อมูลพื้นฐานของสถานที่ต่างๆ ซึ่งมันก็ปรินต์มาจากอินเทอร์เน็ตนั่นแหละค่ะ” ป๋อมแป๋มเล่าขั้นตอนการถ่ายทำในแต่ละตอน “ขอพูดตรงนี้เลยว่าสถานที่ท่องเที่ยวบ้านเราส่วนใหญ่ ของจริงไม่ดีเหมือนที่โฆษณานะ ดูในเน็ตแบบนึง แต่พอเราไปถึงก็จะมองหน้ากันแล้วแบบว่า ‘ทำอะไรกันดี’ คือสถานที่ท่องเที่ยวไม่ได้แย่นะ แต่มันเป็นความสวยตื่นตาทางธรรมชาติ ซึ่งเมื่อเราไปเห็นก็จะร้อง ‘โอ้โห’ และตื่นเต้นอยู่ 5 นาทีแล้วก็จบ หน้างานเราก็ต้องหากิจกรรมทำเพื่อให้มันไม่น่าเบื่อ ตั้งชื่อก้อนหินกันบ้าง เล่นซ่อนแอบกันบ้าง” พาหนะส่วนใหญ่ในการเดินทางแต่ละครั้งคือรถตู้ แต่หากเป็นจุดหมายที่ไกลก็ใช้วิธีโดยสารเครื่องบินและถ่ายทำเก็บไว้ 2-3 เทป “เป็นรายการที่ไม่มีสต็อกยิ่งกว่าละครช่อง 7 อีกค่ะ ออกถ่ายทำกันแทบทุกอาทิตย์” ก๊อตจิกล่าวก่อนที่ป๋อมแป๋มจะให้เหตุผลว่า “เมื่อก่อนเราเคยพยายามอัดให้ได้วันละ 2 เทป แต่สุดท้ายมันกลายเป็นชะโงกทัวร์ อีกอย่างรายการนี้ไม่มีสคริปต์เลย เราต้องพึ่งพาจิตที่ปกติของพิธีกร ซึ่งถ้าจัดทริปแน่นเกินไปเราจะเหนื่อยมาก และพอมาตัดต่อจะเห็นชัดเลยว่ามันไม่สนุก”

 

 

พิธีกรทั้งสามคนสารภาพว่าปัญหาอย่างหนึ่งในการเดินทางไปถ่ายทำในสถานที่ต่างๆ ไม่ใช่เรื่องอื่นใดนอกจาก “ความโง่ของเราเอง” ป๋อมแป๋มสารภาพโดยดี ก่อนจะเล่าเรื่องปล่อยไก่ที่ลืมไม่ลง “เคยไปภูหินร่องกล้า ที่จังหวัดพิษณุโลก เขามีแลนด์มาร์กเป็นลานหินแตก ไอ้เราก็ไม่รู้จัก พอไปถึงก็เดินตามป้ายและก้มมองที่พื้น เริ่มเห็นเป็นหินแตกเป็นเส้นๆ มีดอกไม้จิ๋วๆ โผล่ขึ้นมาหยุมหยิม เราว่ามันต้องใช่แน่ๆ เลยยืนถ่ายและพร่ำพรรณนากันว่าสวยจังเลย เล่นใหญ่มาก สักพักกำลังจะเดินกลับกัน มีเสียงจากคนขับรถตะโกนมาว่า ‘เฮ้ย หินแตกมันอยู่ข้างหน้าอีก 500 เมตรโน่น!’ คือถ้าพี่คนขับรถไม่บอก คนดูก็คงได้เห็นแบบนั้น เป็นกองคนโง่มาก!” เสียงหัวเราะดังขึ้นอีกครั้ง

 

คณะเดินทางแต่ละครั้งประกอบด้วยพิธีกร 3 คน ครีเอทีฟ 1 คน ตากล้อง 2 คน และแอดมิน 1 คน “อย่าคิดว่าจะมีช่างแต่งหน้าและคอสตูมนะคะ แต่งกันเองค่ะ” ก๊อตจิพูดจบทั้งสามก็หัวเราะ บทสนทนาเริ่มวกเข้าประเด็นการแต่งตัวซึ่งเป็นเรื่องที่คุยกันได้ยืดยาว “ชุดที่เห็นเป็นของพวกเราเองทั้งนั้นค่ะ เราเคยขอสปอนเซอร์แล้วเขาไม่ให้ กลัวใส่แล้วจะทำให้แบรนด์เขาต่ำลง” ยังไม่ทันที่ก๊อตจิจะพูดจบ ป๋อมแป๋มก็รีบแก้ตัวว่า “ไม่หรอก เราเข้าใจว่าถ้ายืมมาแล้วต้องไปเที่ยวแบบลุยๆ จะทำให้เสื้อผ้าเขาเสียหายได้” ต่อด้วยการเผยเทคนิคของป๋อมแป๋มว่า “หลังๆ จะแอ๊บว่าเป็นยูนิฟอร์มของตัวเอง ซื้อเสื้อยืดขาวมาเลยโหลนึง แล้วเปลี่ยนกับท่อนล่าง” แต่เหมือนเทคนิคนี้จะใช้ไม่ได้สำหรับก๊อตจิที่บอกว่า “หนูเอาเสื้อใหม่มาใส่สลับกับกางเกงเก่า คุณผู้ชมใน YouTube ก็คอมเมนท์ว่า ‘อุ๊ย ใส่ซ้ำ’ ก็เลยไม่รู้จะทำยังไง บริจาคมาให้หน่อยนะคะ” ก๊อตจิที่ยังคงสวมหมวกปีกกว้างหัวเราะเบาๆ

 

 

หัวข้อเรื่องเสื้อผ้ายังคงดำเนินต่อไปอย่างเมามัน โดยกอล์ฟโยงมาถึงเรื่องการจัดกระเป๋าด้วยคำอธิบายว่า “เป็นสิ่งที่หลอนมาก” ระยะเวลา 2 ปีเท่ากับ 104 สัปดาห์ รายการเทย เที่ยว ไทย ออกอากาศทุกสัปดาห์มาแล้ว 105 ตอน นั่นหมายความว่าพวกเขาต้องจัดกระเป๋าเดินทางกันแทบทุกอาทิตย์! สมการนี้คงพอให้คุณนึกภาพตามได้ “ช่วงเวลาที่ต้องหยิบกระเป๋าเดินทางลงมาจากตู้แล้วเปิดออกเนี่ย…” ป๋อมแป๋มพูดถึงกลางประโยคก็ถูกก๊อตจิแทรกว่า “ฉันไม่เก็บเลย ฉันวางกางไว้ตรงนั้นแหละ” จากนั้นป๋อมแป๋มก็เล่าวิธีจัดกระเป๋าของเขาที่ “โกยๆ เสื้อผ้าใส่กระเป๋า แล้วโยนเตารีดเข้าไปด้วย ค่อยมาเลือกหน้างาน” เล่นเอาอีกสองเทยฮาลั่น “แต่มีอยู่ทีนึง โกยมันไปทุกอย่าง ยกเว้นกางเกงใน” ป๋อมแป๋มหัวเราะ

 

 

“เมื่อก่อนหนูก็คิดนะว่าต้องมีชุดเช้า ชุดบ่าย ชุดเย็น พอหลังๆ นี่ยัดไปชุดเดียวก็พอแล้ว รำคาญ” ก๊อตจิพร่ำบ่นแบบขำๆ และพูดต่อว่า “รายการเราไม่มีการคอนทินิวใดๆ ทั้งสิ้น สองเบรกแรกใส่ชุดนึง เบรกสามใส่อีกชุด เบรกสี่กลับไปใส่ชุดเดิม เบรกห้าเปลี่ยนเป็นอีกชุด แล้วจะเห็นชุดนี้ในสัปดาห์ต่อไปอีกต่างหาก เราถือคติว่าคนดูไม่ได้ดูชุดเรา แต่ดูที่เราตลก เราเลยมองข้ามสิ่งนี้ไป” ป๋อมแป๋มพูดสนับสนุนว่า “บางทีเราไปทริปกับรายการอื่น เขากลัวเรื่องคอนทินิวมาก พิธีกรต้องใส่เสื้อตัวเดิมสามวัน เหม็นมากกก” ทั้งสามหัวเราะพร้อมกัน “ถ้าเขามาเห็นความไม่คอนทินิวของเรานะ คงร้องไห้ กระโดดน้ำตายไปเลย” อารมณ์ขันของสามคนนี้มีเหลือเฟือจริงๆ

 

 

นอกเหนือจากช่วงประกวดถ่ายภาพ Wanna Be On Top ที่ได้ไอเดียจากรายการ America’s Next Top Model และช่วงคำคมกาละแมร์ ที่หยิบคำต่อล้อต่อเถียง หรือแม้แต่คำที่จับความไม่ได้จากแม่ค้าที่พบเจอมาพูดปิดท้ายล้อรายการเก็บตก (ที่มีกาละแมร์-พัชรศรี เบญจมาศ เป็นพิธีกร) อีกช่วงที่เป็นขวัญใจเก้งกวางบ่างชะนีคือพ่อค้าแซบ ที่ออกตระเวนหาพ่อค้าหน้าตาดีจากทั่วไทย แต่ก็ใช่ว่าพ่อค้าแซบทุกคนที่ได้รับการแนะนำมาจะแซบจริง “ถ้าเราไปแอบส่องก่อนได้ก็จะไป หรือไม่ก็ส่งทีมงานไปส่อง แต่บางครั้งหล่อนางก็ไม่หล่อเรา” กอล์ฟพูดและก๊อตจิก็ร่วมผสมโรงว่า “บางทีนั่งรถตู้ไปส่องด้วยกัน อยู่ไหนๆ ค่อยๆ เปิดประตูลงไปดูว่าพ่อค้าหน้าดีหรือเปล่า พอพ่อค้าโผล่หน้ามา เฮ้ย ปิดโว๊ย แล้วก็ขับรถหนีเลย” ทุกคนหัวเราะ ป๋อมแป๋มแอบหยอดต่อว่า “เคยมีบางคนที่ถ่ายไปแล้ว แต่พอดูเทปแบบว่ามันไม่ได้จริงๆ เลยตัดออก แล้วแอ๊บว่าเทปเสีย”

 

 

เมื่อว่างจากการรับหน้าที่พิธีกรเทย เที่ยว ไทย เพื่อนสนิทและเพื่อนร่วมงานสามคนนี้ยังช่วยดูแลงานเบื้องหลังของหลายรายการใน Bang Channel อีกต่างหาก พวกเขาไม่ปฏิเสธว่ายิ่งทำนานขึ้น ความยากก็มากขึ้น “มันไม่ได้ตันเรื่องสถานที่นะ แต่ตันเรื่องกิจกรรมที่เราจะไปทำ” ป๋อมแป๋มอธิบาย “สถานที่ท่องเที่ยวในเมืองไทยส่วนใหญ่มันแค่ได้เดินดู ได้ไปเห็น แต่พอไปเห็นแล้วยังไงต่อ จริงๆ นี่เป็นสิ่งหนึ่งที่เป็นปัญหา” ก๊อตจิขยายความว่า “บ้านเรามีวัฒนธรรมและหลายอย่างที่น่าสนใจ แต่มันก็แค่นี้ ถ้ามีการนำมาบิดให้น่าสนใจ สร้างคอนเซ็ปต์หรือมีกิจกรรมให้ทำกว่านี้ มันจะช่วยเพิ่มคุณค่าให้กับของที่เรามีได้อีกมาก” แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้พวกเขามองข้ามจุดอ่อนนั้นไป ก็คือความหวงแหนในชุมชนและการชื่นชมสถานที่ท่องเที่ยวของผู้คนในท้องถิ่น ดังเช่นที่กอล์ฟเล่าว่า “เราได้รับอีเมลมากมายจากคนหลายท้องที่ แนะนำให้เราไปที่นั่นที่นี่” สามเทยยอมรับว่ามีบางครั้งที่ไปและไม่ได้รู้สึกว่าประทับใจกับสถานที่มากนัก “แต่เราก็รู้สึกยินดีที่ไป” ป๋อมแป๋มพูดปิดท้าย “เพราะเราคิดว่าเหมือนคนดูเชิญเราให้ไปเยี่ยมบ้านของเขา นั่นแหละที่ทำให้เรารู้สึกปลื้มใจและยังคงเที่ยวได้ต่อไป”
NYLON TV THAILAND

ชมวิดีโอเบื้องหลัง

 

 

 

 

เรื่อง: ณัฐวุฒิ แสงชูวงษ์

ภาพ: ไชยวัฒน์ ไชยโชติ

0 replies

Leave a Reply

Want to join the discussion?
Feel free to contribute!

Leave a Reply