Ghost Towns… เมืองผีที่ (อาจ) ไม่มีผี

  • Ghost towns หรือเมืองร้าง หมายถึง เมืองที่เคยมีคนอยู่อาศัย แต่เกิดเหตุบางประการ เช่น ภัยพิบัติ การย้ายฐานกิจกรรมทางเศรษฐกิจ หรือเหตุอื่น ๆ ทำให้ไม่มีใครใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นอีกต่อไป แต่ยังคงมีซากอาคาร บ้านหลงเหลืออยู่เหมือนก่อนที่จะกลายเป็นสถานที่รกร้าง
  • เมืองร้างส่วนใหญ่ไม่ได้รับการบูรณะให้กลับมาอยู่ในสภาพเดิม แต่บางแห่งก็ได้รับการปรับเปลี่ยนให้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยว พิพิธภัณฑ์ และแหล่งเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์ในภายหลัง

เชื่อหรือไม่ว่า เมืองผีมีอยู่จริง แต่เมืองผีที่คนเรียกขานกัน ไม่ได้หมายความถึง เมืองที่มีผีอาศัยอยู่หรือเป็นเมืองที่อยู่ในตำนานหรือเรื่องเขย่าขวัญ ทว่ามีความหมายว่า เมืองที่เคยมีคนอยู่มาก่อน แต่ในวันหนึ่งกลับถูกทอดทิ้งเอาไว้เบื้องหลังจนกลายเป็นเมืองร้างที่ไม่มีใครใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นอีกต่อไป แต่ยังคงมีซากอาคาร บ้านหลงเหลืออยู่เหมือนเช่นเคยเป็นมา

แล้วเมืองที่เคยมีคนอยู่กลายเป็นเมืองร้างหรือเมืองผีได้อย่างไร?

สาเหตุของการกลายสภาพจากเมืองที่มีชีวิตชีวาด้วยผู้คนไปเป็นเมืองที่ไม่มีใครอาศัยอยู่มีหลายประการด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นเหตุทางธรรมชาติ เช่น การแพร่กระจายของโรคระบาด ภัยพิบัติทางธรรมชาติ หรือการกระทำของมนุษย์ เช่น สงคราม การสังหารหมู่ การย้ายฐานการผลิตหรือศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ และการสร้างสิ่งปลูกสร้างขนาดใหญ่อย่างเขื่อนทำให้ต้องย้ายที่อยู่ไปจากที่เดิมเป็นต้น บางเมืองถูกทิ้งร้างอย่างถาวร บางเมืองกลายเป็นสถานที่ถ่ายทำสารคดีและภาพยนตร์ และบางเมืองก็ได้รับการพลิกฟื้นให้ใช้ประโยชน์ในรูปแบบใหม่

ต่อไปนี้ คือตัวอย่างของเมืองร้างที่มีความเป็นมาเป็นไปน่าสนใจ และอาจกลายเป็นหนึ่งในสถานที่ที่ใครบางคนเก็บไว้เป็นตัวเลือกในการท่องเที่ยวในสถานที่ที่ไม่ซ้ำแบบใครก็เป็นได้

.
เมืองคราโค, ประเทศอิตาลี

เมืองคราโค (Craco) ประเทศอิตาลีเป็นอดีตเมืองที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานแต่กลายเป็นเมืองร้างที่ปราศจากคนอาศัยด้วยสาเหตุด้านภัยธรรมชาติในปี ค.ศ. 1963 ไม่ว่าจะเป็นภัยแล้งที่ทำให้ทำการเกษตรไม่ได้ผล ภัยจากดินสไลด์ที่หนักหน่วงที่สุดในช่วงยุค 1960s ที่ทำให้เริ่มมีการอพยพผู้คนไปยังเมืองข้างเคียง และปิดท้ายด้วยภัยน้ำท่วมถล่มซ้ำจนสาธารณูปโภคในเมืองเสียหายเป็นผลให้เมืองที่มีกลุ่มอาคารยุคกลาง (Medieval) ที่สร้างลดหลั่นกันมาตามภูเขาถูกละทิ้งไว้เบื้องหลังในที่สุด

ถึงจะไม่มีผู้คนอยู่อาศัย แต่คราโคที่ยังคงอยู่ในสภาพที่ค่อนข้างสมบูรณ์และสวยงามก็กลายเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์หลายเรื่อง โดยเฉพาะภาพยนตร์แนวประวัติศาสตร์ เช่น The Passion of Christ (2004) ภาพยนตร์แอคชันอย่างเจมส์ บอนด์ตอน Quantum of Solace (2008) ก็เคยถ่ายทำที่นี่มาแล้ว


เมืองโคลมันสค็อป, ประเทศนามิเบีย

การค้นพบเหมือนแร่ แหล่งน้ำมัน หรือแหล่งอุตสาหกรรมที่ทำให้เกิดการตื่นตัวทางเศรษฐกิจและเกิดการพัฒนาเมืองขึ้นในบริเวณใกล้เคียงก่อนที่ทุกอย่างจะถูกทิ้งไว้ข้างหลังเมื่อทรัพยากรหมดหรือเศรษฐกิจทรุดตัวก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดเมืองร้างในหลายพื้นที่บนโลก เช่น เมืองโคลมันสค็อป (Kolmanskop) ที่ถูกฝังอยู่ใต้เนินทรายของทะเลทรายนามิบ (Namib)

ประเทศนามิเบีย เป็นเมืองที่เจริญรุ่งเรืองในช่วงคนตื่นตัวและเศรษฐกิจเติบโตด้วยอุตสาหกรรมเหมืองเพชร ในช่วงทศวรรษที่ 1950 เมืองโคลมันสค็อปเคยมีแม้กระทั่งโรงแรมหรูและบ่อนคาสิโน แต่หลังจากเศรษฐกิจหลังสงครามโลกครั้งที่สองถดถอยและราคาเพชรตกต่ำ เมืองที่เคยคึกคักก็ถูกปล่อยทิ้งจนกระทั่งทรายกลบฝังเอาไว้มิด แต่ถึงจะกลายเป็นเมืองร้าง สภาพอาคารต่าง ๆ ที่เคยมีอยู่บางหลังก็ยังอยู่ในสภาพที่ค่อนข้างสมบูรณ์ และทำให้โคลมันสค็อปกลายเป็นเมืองร้างที่ติดอันดับสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกแห่งหนึ่ง


หมู่บ้านโอราดูร์-ซูร์-กลาน, ประเทศฝรั่งเศส

บางครั้งสาเหตุของการกลายเป็นเมืองร้างก็เกิดขึ้นเพราะฝีมือของมนุษย์ที่กระทำต่อมนุษย์ด้วยกันเองด้วย หมู่บ้านออราดูร์-ซูร์-กลาน (Oradour-Sur-Glane) ในประเทศฝรั่งเศสกลายเป็นเมืองร้างตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่สองด้วยเหตุชวนสลด นั่นก็คือเหตุสังหารหมู่ในปี 1944 ในสมัยนั้นบางส่วนของประเทศฝรั่งเศสอยู่ภายใต้การปกครองของพรรคนาซีเยอรมัน ในช่วงท้ายของสงคราม หลังการยกพลขึ้นบกของฝ่ายสัมพันธมิตรที่หาดนอร์มองดี หน่วยเอสเอสที่ปกครองพื้นที่ดังกล่าวได้รับคำสั่งให้ทำลายหมู่บ้านและคนที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านออราดูร์-ซูร์-กลานทั้งหมด

ชาวบ้านจำนวน 642 คนถูกสังหาร โดยผู้ชายถูกต้อนเข้าไปในโรงนาและสถานที่ปิดก่อนจะถูกยิงที่ขาก่อนที่หน่วยเอสเอสจะจุดไฟเผาอาคาร ส่วนผู้หญิงและเด็กถูกกักขังในโบสถ์จากนั้นก็ถูกระดมยิงจนเสียชีวิต มีผู้หญิงที่เหลือรอดจากการสังหารครั้งนี้มาได้เพียงคนเดียวเท่านั้น คือ มาเกอริต รูฟฟองช์ เมื่อสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่สอง มีการสร้างหมู่บ้านแห่งใหม่ขึ้นในพื้นที่ใกล้เคียง ส่วนหมู่บ้านออราดูร์-ซูร์-กลานที่ปราศจากคนอาศัยอยู่แล้วนั้นก็ได้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์และสถานที่รำลึกถึงเหตุการณ์สังหารหมู่ที่เคยเกิดขึ้น


เมืองวัลฮัลลา รัฐวิคตอเรีย, ประเทศออสเตรเลีย

แม้เมืองร้างส่วนใหญ่จะไม่ได้รับการบูรณะให้กลับมาเหมือนเดิม แต่ก็ได้เปลี่ยนสถานะกลายเป็นมรดกทางประวัติศาสตร์ พิพิธภัณฑ์ อย่างไรก็ตาม มีเมืองร้างบางแห่งที่ได้รับการพลิกฟื้นให้กลับมามีชีวิตขึ้นใหม่ เช่น เมืองวัลฮัลลา (Walhalla) ในรัฐวิคตอเรีย ประเทศออสเตรเลีย ซึ่งเคยเป็นเมืองที่ทำกิจการเหมืองทองและเกือบถูกทิ้งให้เป็นเมืองร้าง แต่เนื่องจากมีทำเลที่ดีและมีสาธารณูปโภคพื้นฐานเดิมที่ค่อนข้างพร้อม ทำให้วัลฮัลลาเปลี่ยนสภาพไปเป็นเมืองท่องเที่ยวและสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นมรดกทางประวัติศาสตร์ และเป็นหนึ่งในเส้นทางท่องเที่ยวด้วยการเดินเท้าที่เรียกว่า Australian Alps Walking Track ด้วย

ถึงเมืองร้างจะเป็นสถานที่ที่ไม่มีคนอยู่อาศัยในชีวิตประจำวัน ถูกลืม ถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง แต่อดีตที่รุ่งเรืองและความเป็นมาของเมืองร้างก็ยังมีจิตวิญญาณบางอย่างที่หลงเหลืออยู่ให้เราเรียนรู้จากประวัติศาสตร์ได้เหมือนกัน และไม่แน่ว่า เมืองร้างในหลายที่อาจอยู่ในแผนการท่องเที่ยวของใครสักคนบ้างแล้วก็ได้

References:

  1. 10 Ghost Towns Around the World.
  2. The Strangest and Most Tragic Ghost Towns from Around the World.
  3. 12 of the Most Eerily Abandoned Towns in America.
  4. A Historic Ghost Town in California Is Up for Sale.

Written by Piyarak.

0 replies

Leave a Reply

Want to join the discussion?
Feel free to contribute!

Leave a Reply