พา เจนนิษฐ์ BNK48 มาคุยกันเรื่อง ‘เพื่อน’ ที่ไม่ว่าจะอยู่ตรงไหนก็ยังมีกันเสมอ

หลังจากที่เราได้คุยกับ มิวสิค BNK48 ในมุมมองเรื่องเพื่อนกันไปแล้ว วันนี้ NYLON ก็อยากชวนให้มาคุยกับอีกหนึ่งตัวละครจากภาพยนตร์ที่ถ่ายทอดเรื่องราวของสองสาวเพื่อนสนิทใน Where We Belong อย่าง ซู ที่รับบทโดย เจนนิษฐ์ โอ่ประเสริฐ ว่าสำหรับเธอแล้วคำว่า เพื่อน มีความหมายอย่างไรกับเธอบ้าง

ความหมายของคำว่าเพื่อน เจนนิษฐ์ให้นิยามของคำนี้ไว้ว่าอย่างไรบ้าง

หนูคิดว่าเพื่อนสำหรับหนูเนี่ย น่าจะเป็นคนที่เราสนิทใจที่จะทำบางสิ่งบางอย่างร่วมกัน สบายใจที่จะอยู่กับเขา อย่างกลุ่มเพื่อนเรียนเราก็สบายใจที่จะเรียนกับเขาหรือว่าทำกิจกรรมในโรงเรียนกับเพื่อนกลุ่มนี้ อันที่จริงก็ไม่ได้เฉพาะเจาะจงว่า เพื่อนจะต้องเป็นเพื่อนสนิทในการทำเรื่องใดเรื่องหนึ่งเท่านั้นนะคะ ก็มีหลายๆ แบบแล้วก็หลายสถานการณ์ด้วย แต่อย่างน้อยก็ขอให้มีสักหนึ่งเรื่องที่เราสนิทใจที่จะทำร่วมกันกับเขา

ทั้งก่อนและหลังเข้าวงการ เจนนิษฐ์มีมุมต่อเพื่อนเป็นอย่างไร แตกต่างกันไหม

ไม่เปลี่ยนนะคะ หนูก็ยังเป็นเจนนิษฐ์คนเดิมที่ไปเที่ยวและสนิทกับเพื่อนกลุ่มเดิม ก็ยังเป็นกลุ่มคนที่เราอยู่ด้วยแล้วสบายใจอยู่ตลอด ไม่ได้เป็นเพราะว่าเรามีเพื่อนกลุ่มใหม่ แต่มันเป็นเพราะงานเราเยอะขึ้นและเรามาเป็น BNK48 มากกว่า พอเรามีงานเยอะก็มีเวลาเที่ยวกับเพื่อนน้อยลง มีเรื่องต้องทำมากขึ้น มีเพื่อนหลายกลุ่ม เราก็แค่หาเวลาให้เพื่อนมากขึ้น ก็คือต้องไปหลายรอบหน่อย

เพื่อนที่เราสนิทก่อนเข้าวงการ ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง

เขาก็เข้าใจนะคะ มีแค่บ่นนิดหน่อยประมาณแบบ ถ้าว่างก็มาหาบ้าง เมื่อไหร่ว่างก็บอก จะได้นัดกัน แต่ก็ไม่ได้น้อยใจอะไร เขาเข้าใจว่าเรามีหน้าที่ต้องทำ

ตั้งแต่ที่ได้เข้ามาเป็น BNK48 ยังติดต่อกับเพื่อนๆ อยู่ไหม แล้วปกติคุยเรื่องอะไรกับเพื่อนๆ บ้าง

ก็คุยทั่วไปเลยค่ะ เรื่องกิน เรื่องเที่ยว บ่นสารพัด อย่างล่าสุดเพื่อนยังโทรมาถามเรื่องแชมพูอยู่เลย หนูกำลังซ้อมเต้นก่อนขึ้นงานพอดี อยู่ๆ ก็โทรมาถาม แชมพูที่หนูใช้อันไหนนะ? (หัวเราะ)

หน้าที่การงานส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์หรือเปล่า ?

ส่งผลต่อเรื่องเวลามากกว่าค่ะ พอมีเรื่องงานเข้ามาทำให้เรามีภาระหน้าที่มากขึ้น มีกลุ่มเพื่อนมากขึ้น เพราะฉะนั้นเวลาจะนัดเพื่อนแต่ละกลุ่มก็เลยต้องหาเวลาว่างมากกว่าเดิม เพื่อจะไปเที่ยวกับเพื่อนได้ทุกคน ส่วนเรื่องความสัมพันธ์ไม่ได้ส่งผลกระทบอะไร หนูก็ยังสนิทกับเพื่อนอยู่เหมือนเดิม

คิดว่าอะไรที่ทำให้เพื่อนคนหนึ่งสามารถยอมทำทุกอย่างเพื่อเพื่อนอีกคนได้อย่างสุดตัว จนถึงขนาดที่โดนคนอื่นเรียกว่า เบ๊

หนูว่ามันก็ขึ้นอยู่กับความสมัครใจ ขึ้นกับเงื่อนไขของแต่ละคน ถ้าเขาทำแล้วมันไม่เดือดร้อนอีกฝ่าย แล้วทั้งสองฝ่ายสบายใจกับความสัมพันธ์แบบนี้ ก็ไม่น่าจะเป็นอะไรนะคะ มันเป็นสิทธิ์ของเขาที่จะทำได้ด้วย ถ้าเรามีเพื่อนที่เขาทุ่มให้กับเพื่อนอีกคนหนึ่งจนตัวเองเดือดร้อนวุ่นวายไปหมด หนูก็คงไม่พอใจ ในฐานะที่หนูเป็นเพื่อนอีกคนหนึ่งของเขา หนูก็คงรู้สึกไม่โอเค ถ้าสนิทกันจริงๆ ก็คงรู้กันอยู่แล้วว่าระดับไหนที่เราโอเคกัน

มีอะไรที่ไม่เคยบอกเพื่อนเลย แล้วอยากบอกเพื่อนบ้างไหม

ก็ไม่มีนะคะ เพราะเพื่อนที่เหลือก็สนิทมากอยู่แล้ว คุยกันได้ทุกเรื่อง เราก็ยังติดต่ออยู่ด้วย มีอะไรก็บอกกันตลอด

คิดว่าความรักแบบเพื่อนสนิทกับความรักแบบคนรักกันต่างกันอย่างไร?

หนูว่ามันมีทั้งส่วนที่ต่างและส่วนที่เหมือนกันค่ะ บางคนเขาก็พูดว่าคบกับแฟนเหมือนเพื่อน อาจจะมีกิจกรรมที่ทำเหมือนเพื่อนอย่าง ชอบเล่นเกมด้วยกัน ชอบอ่านหนังสือด้วยกัน ชอบดูหนังด้วยกัน แต่ส่วนที่ต่างก็อาจจะเป็นเรื่องความสัมพันธ์ที่มีสถานะบางอย่างที่มาครอบเอาไว้ มันจะมีกฏเกณท์เพิ่มขึ้นมาเช่น ต้องมีการให้เกียรติกันเพราะว่าเราเป็นแฟนกันอะไรแบบนี้ ซึ่งมันต่างจากเพื่อนที่ถึงจะด่ากัน ทะเลาะกัน ยังไงเราก็ยังเป็นเพื่อนกันอยู่ดี มันเลยสบายใจกว่า

ถ้าอย่างนั้นคิดว่าการทะเลาะกันทำให้คนเราสามารถเลิกเป็นเพื่อนกันได้ไหม

ได้ค่ะ เพราะถ้าเรารู้สึกว่าการกระทำของเพื่อนคนนี้มันเดือดร้อนกับชีวิตเราจนถึงขีดจำกัดแล้วจริงๆ ไม่สามารถปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปได้อีกแล้วและถ้าเราตัดเพื่อนคนนี้ออกจากชีวิตแล้วมันไม่ได้ส่งผลกระทบและเป็นผลดีกับเรามากว่า ก็ทำได้นะคะ หมายถึงว่าถ้ามันแย่มากจริงๆ นะคะ เราก็เลิกได้  หนูก็อาจเสียดายช่วงเวลาดีๆ ที่มีร่วมกันมาบ้าง แต่ถ้าปัจจุบันมันแย่จริงๆ ก็คงเลิกเป็นเพื่อนกันดีกว่าค่ะ

Where We Belong เป็นการแสดงหนังครั้งแรกอย่างเต็มตัว จากการเป็นไอดอลสู่นักแสดง มีอะไรที่แตกต่างกัน แล้วต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง

การเป็นไอดอล เวลาที่เราแสดง หนูถือว่ามันเป็นการแอคติ้งอย่างหนึ่งเหมือนกัน คือเราก็มีการทำสีหน้าท่าทางประกอบเพลง บางเพลงช้าซึ้งๆ เราก็ต้องดึงอารมณ์ เพลงที่สนุกเราก็ต้องมีความสดใสขึ้นมา ก็ถือเป็นพาร์ทหนึ่งของการแอคติ้ง แต่มันแค่ไม่ได้มีคำพูด มันอาจจะเป็นเนื้อเพลงแทน แล้วก็มีแพทเทิร์นที่ค่อนข้างตายตัว ส่วนเรื่องการแสดง จริงๆ ก็ขึ้นอยู่กับแต่ละครอย่างบุคลิกของเรา ไม่เกี่ยวกับตอนเป็นไอดอลนะคะ หมายถึงตัวตนของเรามันอาจจะมีความแตกต่างจากตัวละคร เช่น  เราเป็นคนเรียบร้อยแต่ตัวละครจะเป็นคนห่าม ห้าวๆ เราอาจจะต้องมีการทำการบ้านเกี่ยวกับบุคลิกบ้าง ต้องปลดล็อคตัวเองตรงนั้นออกมาให้ได้ เราต้องทำให้ชินกับบุคลิกนั้นไปเลยไม่งั้นเราจะลำบาก เวลาเราแสดงจริง แต่โชคดีอย่างหนึ่งที่ตัวละครซู มีความใกล้เคียงกับหนูบ้าง ไม่อ่อนหวาน ห้าวๆ (หัวเราะ)

ถือว่าเป็นการท้าทายตัวเองในระดับไหนกับการแสดงหนัง

ถามว่าท้าทายไหม ก็ท้าทายนะคะ เพราะปกติเวลาเป็นไอดอลส่วนใหญ่จะเป็นการแสดงออกเพื่อสื่อสารกับแฟนคลับมากกว่า แต่พอมาเป็นการแสดงเราต้องสื่อสารกับตัวเอง สื่อสารกับตัวละครที่ได้รับเพื่อแสดงออกมาให้สมบทบาท มันเป็นการสื่อสารคนละมุมนะสำหรับหนู

ยากไหมกับการที่ต้องมารับบทซู

ก็ยากนะคะ ด้วยงานแสดงเราก็ค่อนข้างเยอะ ต้องไปถ่ายหนัง กลับมาทำงาน แล้วก็ไปถ่ายใหม่ จริงๆ ก็มีการแอคติ้งโค้ชก่อนด้วย แต่ด้วยเรื่องงานและเรียนทำให้มีคิวซ้อมน้อยมาก เลยได้เรียนแค่ 3-4 ครั้งแบบหลักสูตรเร่งรัด

ถ้ามีโอกาสได้เล่นหนังอีก อยากจะรับบทแบบไหน เพราะอะไร

อยากเป็นตัวร้าย แต่เป็นตัวร้ายที่ฉลาด ไม่ได้โจ่งแจ้งแบบกรี๊ดๆ ดูลึกลับ วางแผนเก่ง มีความคิดของตัวเอง โดนจับยาก แบบโจ๊กเกอร์ก็ดีนะคะ แต่อันนั้นน่าจะยากเกินไป

 

ได้เห็นมุมมองระหว่างเพื่อนของทั้งมิวสิคและเจนนิษฐ์ไปแล้ว คราวนี้ก็ต้องตามไปดูเรื่องราวของเบลและซูกันได้กับ Where We Belong ที่ตรงนั้น มีฉันหรือเปล่า ในวันพรุ่งนี้ (20 มิถุนายน) แต่ขอบอกเอาไว้ก่อนว่าเฉพาะโรงภาพยนต์ SF เท่านั้น ใครจะไปดูก็ลองเช็คโรงให้ดีกันก่อนนะจ๊ะ

0 replies

Leave a Reply

Want to join the discussion?
Feel free to contribute!

Leave a Reply