McQueen พระเจ้าหนึ่งเดียวแห่งโลกแฟชั่น

“I Think there is beauty in everything,
what ‘normal’ people would perceive as ugly,
I can usually see something of beauty in it”
MCQUEEN –

ภาพยนตร์สารคดีชีวิตของ Alexander McQueen แฟชั่นดีไซน์เนอร์ ที่ทั้งสนุก สะเทือนใจ และสร้างแรงบันดาลใจ เหมือนดูหนังดราม่าประวัติชีวิตของฆาตกรอัจฉริยะทางด้านแฟชั่น

ไม่เหมือนสารคดีทั่วไป เราได้มาชมประวัติชีวิตของอัจฉริยะทางด้านแฟชั่นที่ไม่เรียบง่ายของ Lee Alexander McQueen การดำเนินเรื่องของสารคดีนั้นสนุกและน่าติดตามมาก ให้ความรู้สึกเหมือนดูหนัง Inside the criminal mind ในเวอร์ชั่นแฟชั่นที่สนุกกว่ามาก เรารับรู้ถึงเบื้องความคิด และอารมณ์ของศิลปิน ไม่มีตอนไหนที่รู้สึกเบื่อ จนบางครั้งลืมไปด้วยซ้ำว่ากำลังดูภาพยนตร์ แบบสารคดีอยู่ สารคดีเรื่องนี้ชวนตื่นเต้น มีหลายรสชาติและอารมณ์ รู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดและความโศกเศร้า จนทำให้เราน้ำตาคลอและรู้สึกเศร้าตามไปด้วย แต่ก็สนุกกับอารมณ์ขันแบบตลกร้าย ที่แสดงให้เห็นมุมที่น่ารักของศิลปินและเพื่อนๆ นี่ทำให้เนื้อเรื่องชวนติดตามและหัวเราะตามตลอดทั้งเรื่อง ทั้งตื่นเต้น ทึ่ง และประหลาดใจกับความคิดสร้างสรรค์เมื่อเห็นผลงานของแม็คควีน ทึ่งจนทำให้เรารู้สึกอินและติดอยู่ในห้วงอารมณ์และคงจะติดอยู่ในความทรงจำต่อไป

จาก “Savage Beauty” นิทรรศการที่ถ่ายทอดชีวิตของศิลปินที่จัดแสดง New York’s Metropolitan Museum ในปี 2011 ที่ได้ตราตรึงใจหลายคนแล้ว คราวนี้ถึงตาภาพยนตร์สารคดี MCQUEEN กันบ้าง ที่เราเชื่อว่า จะตราตรึงหัวใจของใครหลายคนเช่นเดียวกัน

สารคดีนี้ แบ่งออกเป็น 5 บท โดยแต่ละบทจะนำเสนอผลงานของเขาในแต่ละช่วงชีวิต เริ่มตั้งแต่ “Jack the Ripper Stalks His Victims” จากลูกของคนขับแท็กซี่ ที่ต้องดิ้นรนและต่อสู้ เพื่อจะเข้าสู่วงการนี้ จนเกิดผลงานคอลเลกชันแรก

“Highland Rape” ผลงานสุดอื้อฉาวที่สุด และได้รับการวิพากวิจารณ์อย่างมากจนเกิดคำพูดของแม็คควีนที่ว่า ผมไม่สนว่าใครจะคิดกับผมยังไง ความสุดโต่งนี้เอง ทำให้อดยิ้มไม่ได้ เพราะเราเห็นความเป็นอัจฉริยะที่แท้จริงและความหมายที่ซ่อนอยู่ในผลงานของเขา และต้องเป็นคนหัวรั้นแบบนี้แหละ ที่จะกล้าสร้างสรรค์ผลงานแบบนี้ได้

เราเห็นได้ว่าชีวิตของเขาไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ไม่ได้โตมาจากกองเงินกองทอง ทั้งหมดนี้ต้องใช้ความพยายามอย่างมาก คือทั้งเก่งและมีความพยายามจริงที่แท้จริง บทที่สาม “Search for the Golden Fleece” เป็นบทที่พูดถึงผลงานชุดแรกที่เขาทำให้กับ Givenchy แบรนด์ยักษ์ใหญ่ของวงการแฟชั่น


“Voss” เราชื่นชอบผลงานนี้เป็นพิเศษ เป็นผลงานที่มีความบ้าคลั่งอย่างน่าประทับใจ ไม่เหมือนกับศิลปินคนอื่นที่หาความสวยงามจากสิ่งที่สวยงามอยู่แล้ว เขาสามารถหาความสวยงามจากสิ่งที่ผู้อื่นมองว่าน่ารังเกียจ และเขาก็ทำออกมาได้อย่างงดงาม ไม่ใช่เพียงแค่สวยเท่านั้น แต่ผลงานของเขาสามารถสื่ออารมณ์ได้อย่างลึกซึ้งจริงๆ


คงปฏิเสธไม่ได้ว่าสิ่งที่เขาต้องเจอในวัยเด็ก ความโหดร้ายที่เขาต้องประสบนั้น หล่อหลอมให้เขาสร้างสรรค์ผลงานที่มีอารมณ์รุนแรง แต่ที่น่าทึ่งแบบนี้ เขาเลือกที่จะแสดงความรู้สึกโกรธแค้นนั้นออกแบบในรูปแบบของงานศิลปะ แต่ขณะเดียวกันสิ่งที่เขาต้องเผชิญในวัยเด็ก และมีเรื่องยาเข้ามาเกี่ยวข้อง จึงทำให้เขาเข้าสู่ด้านมืด และอารมณ์ที่แปรปรวน จนในที่สุดเข้าตัดสินใจจะจบชีวิตลง ผลงานสุดท้าย “Plato’s Atlantis” เป็นผลงานที่เขาอุทิศให้กับเพื่อนสนิท คนที่เห็น และเชื่อมั่นในตัวเขา Isabella Blow

หลังจากที่เธอเสียชีวิต และตามมาด้วยการเสียชีวิตของแม่ ทำให้เขา จบชีวิตของตัวเองในวัยเพียง 40 ปี ตลอดทั้งเรื่องได้ถูกเล่าผ่านคนหลายคน จากหลายมุมมองนี้เอง ทำให้เราเข้าใจตัวตนของแม็คควีน รวมถึงว่าทำไมเขาเลือกที่จะจบชีวิตของตัวเอง ในช่วงที่รุ่งเรืองที่สุด

ก่อนหน้าที่จะมาชมภาพยนตร์สารคดีเรื่องนี้ เรารู้จัก Alexander McQueen ในฐานะแฟชั่นดีไซน์เนอร์ชื่อดัง ที่มีซิกเนเจอร์เป็นกะโหลก และได้เข้ามาร่วมงานกับ Givenchy แต่พอดูจบเราเปลี่ยนความคิดที่มีต่อแม็คควีน ที่เป็นแค่แฟชั่นดีไซน์เนอร์คนหนึ่งไปโดยสิ้นเชิง เขาคือศิลปินที่แท้จริง สิ่งที่เขาได้อุทิศให้ต่องาน ความรักที่มีต่อครอบครัว อารมณ์และความรู้สึกที่มีอย่างแรงกล้า มันบ่งบอกถึงตัวตนเขาได้มากจริงๆ เราเชื่อว่าถึงแม้คนที่ไม่ได้สนใจ ไม่ได้รู้อะไรเกี่ยวกับวงการแฟชั่น หรือตัวแม็คควีนเลย ก็สามารถเข้าใจหนังเรื่องนี้ได้ ไม่ใช่แค่เข้าใจ แต่ร่วมความรู้สึกไปกับหนัง และต้องได้แรงบันดาลใจกลับมาไม่มากก็น้อย

Sources:
https://crixeo.com/mcqueen/
https://makingtheunfinished.wordpress.com

https://bon.se/blogs/vnivrs/the-stages-of-alexander-mcqueen-ss-2001-voss/

https://bleeckerstreetmedia.com/mcqueen

Written by Kritrin Thunglaohavichien, Patt

 

0 replies

Leave a Reply

Want to join the discussion?
Feel free to contribute!

Leave a Reply