raw talent

ขณะที่นักร้องหน้าใหม่ในบ้านเราทุกวันนี้แจ้งเกิดจากเวทีประกวดร้องเพลงเสียส่วนใหญ่ ไม่ก็เป็นหนุ่มสาวหน้าตาดีที่เน้นทำเพลงสไตล์เคป๊อปขายกลุ่มวัยรุ่นเป็นหลัก การมีใครสักคนก้าวเข้ามาเป็นศิลปินเดี่ยวด้วยการใช้ความสามารถของตัวเองล้วนๆ ถือเป็นสิ่งที่น่าจับตามองในวงการดนตรีของไทย ถึงตอนนี้หลายคนอาจบอกว่า ‘ก็มีอยู่ถมไป’ แต่ถ้าเราแย้งกลับว่า ‘เธอคนนี้คือศิลปินคนแรกในสังกัดของโอม-ชาตรี คงสุวรรณ’ ล่ะ คุณคงเริ่มสนใจใคร่รู้ว่าเธอมีดีตรงไหน ถึงได้เข้าตาโปรดิวเซอร์มือทองคนนี้

 

เธอที่เราพูดถึงในย่อหน้าก่อนมีชื่อว่า คริส เชาวลิต สาวไทยที่บินไปเรียนต่อที่อเมริกาตั้งแต่ม.4 และใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นนานเกือบ 10 ปี กระทั่งเรียนจบปริญญาตรีและทำงานฟรีแลนซ์ด้านแอนิเมชั่น วิชวลอาร์ต และอินเตอร์แอคทิวิตี้ ตามที่เธอร่ำเรียนมา โดยใช้เวลาอีกส่วนหนึ่งของชีวิตไปกับการเล่นดนตรี “ตอนอยู่ที่นั่นคริสกับเพื่อนๆ มีวงดนตรีเล่นด้วยกันบ่อยๆ ทุกซัมเมอร์ คริสจะบินกลับมาเมืองไทยตลอดและนำแซกโซโฟนกลับมาด้วย” คริสเล่าย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 8 ปีก่อน ถึงวันที่ได้พบกับศิลปินรุ่นใหญ่ “มีอยู่ซัมเมอร์นึงคริสได้ไปดูพี่โอมเล่นที่งานโปรแจม ตอนนั้นคริสไม่รู้จักว่าพี่เขาเป็นใคร และบังเอิญวันนั้นนำแซกโซโฟนไปด้วย เพื่อนก็ยุให้ขึ้นไปแจม เพราะมันเป็นเหมือนแจมไนท์แบบเมืองนอก เขาก็ชมว่าเรากล้าดีนะ แล้วก็ได้คุยกัน นั่นคือได้รู้จักพี่โอมเป็นครั้งแรก” หลังจากนั้นโอมและคริสก็อัพเดตเรื่องเพลงผ่านทางเอ็มเอสเอ็นมาโดยตลอด กระทั่งถึงจุดเปลี่ยนเมื่อโปรดิวเซอร์ชื่อดัง อดีตสมาชิกวงดิ อินโนเซ็นต์ คนนี้โบยบินออกจากแกรมมี่มาเปิดค่ายเพลงอิสระ จวบจนปี 2551 นับเป็นช่วงเวลาที่ประจวบเหมาะสำหรับทั้งสอง คริสกลับมาอยู่เมืองไทยและโอมออกอัลบั้ม Into the Light “ตอนนั้นคริสได้ออกทัวร์กับพี่โอม ได้เล่นแบ็กอัพในคอนเสิร์ตใหญ่ และคงเป็นเพราะคริสได้เล่นทุกอย่าง เลยทำให้คนดูเริ่มรู้จัก เพราะเห็นเราเล่นโน่นเล่นนี่อยู่ข้างหลังพี่เขาตลอด” คริสเล่นดนตรีได้แทบทุกชนิด ทั้งกีตาร์ เปียโน คีย์บอร์ด แซกโซโฟน และกลอง “ตอนคริสอยู่ป.6 คุณพ่อซื้อกีตาร์ให้ตัวหนึ่ง สอนให้เล่นอยู่สี่คอร์ด แล้วบอกว่าอยากเล่นเป็นก็ไปหัดต่อเอง” คริสพูดพร้อมหัวเราะ “เขาอยากให้เราจริงจังกับสิ่งที่เราทำ”

 

เมื่อทัวร์คอนเสิร์ตจบลง คริสได้มีโอกาสเป็นพิธีกรรายการโทรทัศน์ ‘108 ดนตรี’ ทางช่อง Thai PBS อยู่สองปี จากนั้นคริสเริ่มขีดเส้นทางสายดนตรีให้ชัดเจนขึ้นด้วยการมาจับงานครีเอทีฟและเบื้องหลังให้กับบริษัท Music Union by OHM ของโอม “คริสได้ทำงานที่เรียนมาคือวิดีโอโปรดักชั่น แต่ขณะเดียวกันก็ทำงานเพลงของตัวเองไปด้วยและทำเองทั้งหมด ตั้งแต่เขียนเนื้อ ทำดนตรี และโปรดิวซ์ โดยมีพี่โอมเป็นเอ็กเซ็กคูทีฟโปรดิวเซอร์คอยดูไดเร็กชั่นให้” คริสเล่าถึงการทำงานเพลงชิ้นแรกของเธอ “คริสเริ่มจริงจังกับโปรเจ็กต์นี้เมื่อปีที่แล้ว แต่จะมีเพลงที่แต่งสะสมไว้อยู่แล้ว และเราก็พัฒนากันมาเรื่อยๆ จนมาถึงเวอร์ชั่นปัจจุบันที่ได้ฟังกัน” เพลงที่เธอพูดถึงคือ Raw Love เพลงรักเท่ๆ ผสานซาวน์อีเล็กทรอนิกส์ ซึ่งถือเป็นซิงเกิลเปิดตัวของคริส นอกจากจะลงมือทำทุกอย่างเองในตัวเพลงแล้ว เธอยังรับหน้าที่สร้างสรรค์มิวสิกวิดีโออีกด้วย “พี่โอมเห็นว่าทำด้านนี้อยู่แล้ว ถ้าเราไม่ทำแล้วจะให้ใครทำล่ะ” คริสพูดอย่างขบขัน “ถ้าดูมิวสิกวิดีโอเพลง Raw Love จะเห็นเป็นภาพตัวหนังสือ แล้วค่อยๆ ฟอร์มเป็นรูปตัวเรา รูปต้นไม้ เพราะต้นไม้คือสัญลักษณ์ของชีวิต เพลงนี้สื่อถึงความรักที่เป็นต้นตอ ซึ่งมาจากความรู้สึกล้วนๆ ยังไม่มีอะไรเข้ามาเจือปน สามารถพัฒนาและเติบโตขึ้นเป็นความรักที่งอกงามได้ มันเป็นเพลงโรแมนติกที่ไม่ได้ปรุงแต่ง แต่มันมีความหวังตรงที่มันยังสามารถเติบโตได้ คริสยังไม่อยากนำเสนอมิวสิกวิดีโอให้ออกมาเป็นเนื้อเรื่อง เพราะคิดว่าความรักแบบนี้มันเป็นเรื่องราวที่สื่อออกมาได้หลายแบบ” คริสพูดจบก็ยกกาแฟขึ้นจิบ เธอนั่งคุยกับเราที่ร้าน All Six To Twelve ด้วยท่าทางสบายในเสื้อเชิ้ตสีขาวแขนกุด จับจีบเป็นเส้นเล็กๆ ที่ด้านหน้า ตัวเดียวกับที่เธอสวมถ่ายปกซิงเกิล Raw Love จับคู่กับกางเกงยีนส์เข้ารูปสีดำและรองเท้าผ้าใบหุ้มข้อ สะท้อนบุคลิกที่ดูมั่นใจ เข้มแข็ง แต่ฉาบความหวานแบบผู้หญิงหวานไว้ประมาณหนึ่ง

 

“เราอยากทำดนตรีให้ได้มาตรฐานเดียวกับฝรั่งแต่ร้องเป็นภาษาไทย” คริสพูดถึงประเด็นความท้าทายของการทำเพลงป๊อปในรูปแบบของเธอ “คริสทำเพลงออกมาสองภาษา เพราะเป็นสิ่งที่เราอยากทำ และไม่ได้มองว่าเพลงจะต้องแมสหรือเปล่า แต่ถ้าแมสก็ดีเพราะนั่นหมายถึงคนไทยเปิดใจกว้างในการฟังเพลงมากขึ้น สิ่งท้าทายของการทำเพลงป๊อปบ้านเราคือการทำเพลงที่สามารถทำให้คนที่ฟังภาษาไทยไม่รู้เรื่องรู้สึกชอบขึ้นมาได้ สมมุติคริสบอกเพื่อนฝรั่งว่าช่วยฟังเพลงเราหน่อย แล้วเขาบอกว่าเพลงเราเจ๋ง เราก็ดีใจแต่ถ้าเปิดมาปุ๊ปสี่ท่อนแรก เขาไม่ชอบ มันก็จบ”

 

หลังจากซิงเกิล Raw Love คริสเปรยว่าจะปล่อยซิงเกิลเรื่อยๆ และน่าจะมีอัลบั้มอีพีในช่วงปลายปีก่อนจะพูดถึงการร่วมงานกับโปรดิวเซอร์รุ่นเก๋าคนนี้ “ดนตรีเป็นเหตุผลที่ทำให้คริสกลับมาอยู่เมืองไทยเพราะหลังจากที่ได้คุยกับพี่โอมมานานและรู้สึกว่าเราคุยภาษาเดียวกัน เลยคิดว่าถ้าจะทำเพลงก็ต้องทำกับพี่โอมนี่แหละ” คริสกล่าวถึงพี่โอมอีกครั้ง ด้วยน้ำเสียงที่ภาคภูมิใจในการเป็นศิลปินเบอร์แรกของเขา “คริสคิดว่าถ้าทำงานด้วยกันก็ต้องเชื่อใจกัน ตัวเราเป็นศิลปินที่ทำงานเพลงเอง และพี่โอมก็ไว้ใจให้เราทำงาน เราก็ต้องไว้ใจเขาที่จะชี้ไดเร็กชั่นให้เราเดินไปตรงนั้น เคยมีบางช่วงที่ไม่มั่นใจ แต่เราก็มองคนรอบข้างและบอกตัวเองว่าเราจะไม่มั่นใจไม่ได้ เพราะคนรอบข้างเชื่อใจเราฉะนั้นเราก็ต้องมั่นใจ เดินไปข้างหน้า และทำให้ได้”

 

 

เรื่อง: ณัฐวุฒิ แสงชูวงษ์

ภาพ: สุดเขต จิ้วพานิช

สถานที่: all six to twelve เฟรเซอร์ เพลส เออร์บานา ถนนหลังสวน โทร. 0-2250-6799

0 replies

Leave a Reply

Want to join the discussion?
Feel free to contribute!

Leave a Reply