คุยกับ “มิวสิค-ปลายฟ้า-เปียโน” 3 นักแสดงนำจาก “Runaway หนีไปก็ตายเปล่า” ซีรีส์ GL แนวสยองขวัญเรื่องแรกของไทย
หญิงสาวที่ชีวิตถูกจองเวรจนดูเหมือนไร้ทางออก หมอผีที่ต้องใช้พลังจากการเป็นร่างทรงปกป้องคนที่ตัวเองรัก และผีที่สุมความอาฆาตแค้นไว้อย่างยาวนานข้ามภพชาติ คือ 3 ตัวละครหลักของ ‘Runaway หนีไปก็ตายเปล่า’ ซีรีส์แซฟฟิกแนวสยองขวัญ ผลงานกำกับของ โอ๊ต-วทัญญู อิงควิวัฒน์ ที่เพิ่งออกอากาศทางช่อง 3 HD เป็นตอนแรกในวันที่ 4 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา
ซีรีส์เรื่องนี้เป็นหนึ่งในโปรเจกต์ที่น่าจับตามองที่สุดเรื่องหนึ่งในแวดวงซีรีส์ ด้วยพล็อตเรื่องที่คนดูจะต้องลุ้นทุกตอนเพราะสร้างจากนิยายที่ได้รับความนิยม และยังมีตัวเลือกนักแสดงที่น่าสนใจ รวมถึงบทบาทที่ได้รับยังเป็นความท้าทายของนักแสดงแต่ละคนที่มารับบทในเรื่องนี้ด้วย
เริ่มตั้งแต่ ‘มิวสิค-แพรวา สุธรรมพงษ์’ ที่รับบทเป็น ‘วิน’ หญิงสาวที่ไม่ใช่แค่เห็นผี แต่ต้องหนีเอาชีวิตรอดจากเจ้ากรรมนายเวรที่ไม่ยอมปล่อยให้เธอได้ใช้ชีวิตอย่างคนปกติ ต่อด้วย ‘ปลายฟ้า ศิระอาชา’ เมมเบอร์เกิร์ลกรุ๊ปจากวง VIIS ที่ครั้งนี้ได้รับบทหมอผีในแบบที่ฉีกไปจากภาพของหมอผีในซีรีส์หรือหนังไทย และปิดท้ายด้วย ‘เปียโน-ณิชาพัชร์ น้ำทรัพย์อนันต์’ ที่เปิดตัวในวงการซีรีส์ด้วยบทผีที่เราเชื่อว่า ความมีมิติของบทนี้จะเป็นสิ่งที่แจ้งเกิดให้กับเธอในวงการแสดงได้
ความรู้สึกของแต่ละคนตอนที่ได้รู้พล็อตเรื่องและบทของตัวเองครั้งแรกเป็นอย่างไรกันบ้าง
เปียโน: ท้าทายมากค่ะ เพราะไม่เคยเล่นซีรีส์มาก่อนเลย เรื่องนี้เป็นเรื่องแรกและเล่นเป็นผี ตอนแรกก็ไม่เข้าใจว่าเขาโดนอะไรมา ถึงได้แค้นและอาฆาตขนาดนั้น แต่พอได้ทำเวิร์กช็อป ได้อ่านเรื่อง ก็เข้าใจขึ้น
ปลายฟ้า: ตอนเห็นบทครั้งแรกหนูสนใจเลย เพราะว่าชอบหนังผีมาก ถึงจะไม่ได้เล่นเป็นผีก็ไม่เป็นไร ได้เล่นเป็นคนปราบผี ซึ่งก็ท้าทายดี ในไทยหนูยังไม่เคยเห็นผู้หญิงคนไหนเล่นเป็นหมอผี แล้วในบทต้องเป็นคนที่ปกป้องคนอื่น ในชีวิตจริงหนูปกป้องใครไม่ได้เลย เป็นโอกาสยากมากที่เราจะได้ทำเรื่องนี้ ก็เลยมองว่าเป็นอะไรใหม่ๆ ในชีวิตมาก ไม่รับไม่ได้แล้ว
มิวสิค: คือหนูไม่เคยอ่านนิยายเรื่องนี้มาก่อน ตอนที่มาแคสต์ เรียกได้ว่าแทบไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับบทนี้ แล้วพอได้บทนี้มา เราก็ต้องไปทำการบ้านต่อ ช่วงนั้นที่อ่าน หนูรู้สึกคลื่นไส้ตลอดเวลา เพราะเราจะต้องเล่นเป็นคนที่เจอทุกอย่างทั้งหมดนี้ แล้วมันเหนื่อยมาก เราเองก็ไม่เคยเจอผีตลอดเวลาขนาดนั้น รวมถึงประสบการณ์เฉียดตายที่ตัวละครจะต้องผ่านไปให้ได้ แต่เวิร์กช็อปช่วยได้เยอะมาก ยิ่งกับปลายฟ้า เราเจอกันครั้งแรกและต้องรู้สึกเลยว่าเขาคือเนื้อคู่ มันเลยเป็นจุดที่ยากนิดหนึ่งเพราะไม่เคยเจอกันมาก่อน กับเปียโนเองก็เหมือนกัน เป็นผีที่ต้องมาจองล้างจองผลาญเรา แต่เขาสวยขนาดนี้ เราจะกลัวเขาได้ยังไง
ปลายฟ้า: สวยแบบนี้ ใครจะปราบลงคะ (หัวเราะ)
พอเรายังไม่เคยเห็นหมอผีที่เป็นผู้หญิงมาก่อนในซีรีส์หรือหนังไทย ถ้าอย่างนั้นปลายฟ้าคิดไว้ว่าเราจะดีไซน์คาแรกเตอร์นี้ออกมาแบบไหน
ปลายฟ้า: คิดว่าคงไม่เป็นแบบกระโตกกระตาก หยิบอะไรขึ้นมาสวด เพราะในเรื่องเราจะมีวิชาอาคมติดตัวเก่งกล้าพอสมควร มีวิธีต่อสู้กับผีที่หลากหลาย ทำให้ผีทั่วไปค่อนข้างกลัว
มาเล่นซีรีส์ผีแบบนี้ เลยอยากรู้ว่าแต่ละคนกลัวผีกันอยู่แล้วไหม
มิวสิค: หนูว่าหนูกับปลายฟ้ากลัว แต่เปียโนอะ… (หัวเราะ)
เปียโน: …หนูชอบ (หัวเราะ) ชอบแล้วก็อยากเจอจริงๆ ตอนเด็กๆ หนูกับเพื่อนๆ ในหมู่บ้านชอบวิ่งเข้าบ้านคนอื่น ไปหาผี หนูเคยพูดในไลฟ์ว่า หนูไม่อยากเล่นยูริที่มุ้งมิ้ง หนูจะเล่นซีรีส์หรือหนังที่มันเป็นดราม่าเหมือนลัดดาแลนด์เมื่อก่อน เพราะมันมีความสมจริง มีมิติ
แต่เห็นปลายฟ้าเคยให้สัมภาษณ์ว่าตอนเด็กๆ เคยเห็นผีบ่อยๆ
ปลายฟ้า: จริงๆ ตอนโตก็ยังเห็นอยู่ค่ะ อย่างล่าสุดที่เพิ่งไปเกาหลีก็เจอที่ห้องเลย กำลังนั่งอ่านบทซีรีส์เรื่องนี้นี่ล่ะ ตอนนั้นอยู่ห้องคนเดียวแล้วหนูเป็นคนชอบอ่านออกเสียง จะได้จำได้ พออ่านแล้วเงยหน้าขึ้นไปทางกระจกระเบียงที่เปิดม่านทิ้งไว้ มันเลยสะท้อนให้เห็นด้านหลัง เห็นเป็นผู้ชายยืนอยู่ ก็เลยทำเป็นไม่เห็น แล้วอ่านบทต่อ แต่เริ่มเงียบ สักพักก็มุดเข้าผ้าห่มเลย
พอเรามีประสบการณ์ตรงแบบนี้ทำให้เข้าใจบทบาทในเรื่องนี้มากขึ้นไหม
ปลายฟ้า: ถามว่าเข้าใจในบทบาทมากขึ้นไหม โดยส่วนตัวหนูไม่เคยชินกับการที่เห็นอะไรแบบนี้เลย หนูเห็นบ่อยจนต้องไปทำพิธีปิดตาเพื่อให้มันเห็นน้อยลงหรือไม่เห็น แต่สุดท้ายก็ยังเห็นเหมือนเดิม แต่บังเอิญที่มีพี่ในกองคนหนึ่งที่เขาก็เห็นเหมือนกัน พี่คนนั้นสอนหนูว่า ถ้าคนมันจะเห็นแล้ว ยังไงก็หนีไม่พ้น ต้องมาปรับที่ตัวเราเอง ทำจิตให้แข็ง ให้เข้าใจมากขึ้นกับสิ่งที่เราต้องอยู่ตรงนี้ แล้วเราจะใช้ชีวิตอยู่ได้โดยที่เราไม่ตั้งคำถามกับมัน ซึ่งก็ทำให้รีเลทกับบทด้วย เพราะในบทเขาก็เห็นบ่อยเป็นปกติจนควรจะชิน เลยเป็นเรื่องที่ต้องเรียนรู้กันไปตรงนี้ หนูก็ต้องเรียนรู้ตัวเองในตอนนี้ด้วยเหมือนกัน
นอกจากเรื่องนี้ ปลายฟ้าคิดตัวเองมีอะไรที่เหมือนกับในบท ‘บุญ’ อีกไหม
ปลายฟ้า: น่าจะเป็นคนพูดน้อยเหมือนกัน อาจจะไม่ได้เก่งเรื่องมนุษยสัมพันธ์เท่าไหร่ถ้าเพิ่งรู้จักกัน แล้วยิ่งหนูเป็นคนรู้สึกอะไรจะไม่ค่อยแสดงออก ถ้าชอบใครนี่เงียบเลย ตึงใส่ กับคนอื่นก็อาจจะพูดคุยปกติได้ ซึ่งในบทก็เป็นอย่างนั้น
แล้วมิวสิคกับ ‘วิน’ มีอะไรที่เหมือนหรือต่างกันบ้าง
มิวสิค: ไม่ค่อยเหมือนเลยค่ะ จริงๆ สิคเป็นคนที่เงียบแล้วก็อินโทรเวิร์ตมากๆ เป็นคนพลังงานต่ำ ชอบอยู่กับตัวเอง แต่ในเรื่อง วินเขาเคยเป็นคนที่ปกติมาก่อน แต่พอเจอเหตุการณ์แบบนั้นทำให้พลังของเขาเดรนลงเรื่อยๆ เลยต้องหาช่องว่างความต่างระหว่างตอนที่เขาเจอผีกับยังไม่เจอผีว่าเป็นยังไง หนูรู้สึกว่าตัวละครนี้มีไดนามิกค่อนข้างเยอะในตอนที่เล่น
ของเปียโนล่ะ มีอะไรที่เหมือนหรือต่างกับ ‘จอมขวัญ’ บ้าง
เปียโน: ก่อนที่จอมขวัญจะขิต เขาก็เป็นลูกคนเล็ก อยู่ในตระกูลดีที่พ่อแม่คาดหวัง ทุกคนจะมองว่าเขาเป็นลูกคุณหนู เอาแต่ใจ อันนี้อาจจะตรง (หัวเราะ) แต่ถ้าอ่านไปเรื่อยๆ จะเห็นว่าเขาเป็นคนให้ใจและจริงใจมาก แล้วก็เป็นห่วงคนรอบตัวก่อนเสมอ เขายอมทุกทำอย่างเพื่อคนที่เขารัก จริงๆ ที่หนูรู้สึกว่าตรงเพราะเขาเป็นคนที่รักอิสระ ถึงจะเจอพ่อแม่คาดหวังว่าเขาต้องทำแบบนี้ ใจจริงเขาไม่อยากอยู่ในกรอบ แต่เขายอมทำ เพื่อจะได้มีอิสระ
แต่ที่คิดว่าไม่ตรงเลยคือเรื่องที่ที่บ้านเขาคลุมถุงชน ที่บ้านหนูจะไม่มีวันจับคู่ให้ลูกเลย บ้านหนูถ้าลูกรักใคร เขาก็จะรักด้วย เป็นห่วงหรือให้คำแนะนำอยู่ห่างๆ แล้วจอมขวัญเป็นคนที่เจ้าคิดเจ้าแค้นมาก ตอนแรกหนูเล่นไม่ได้เลยเพราะหนูเป็นคนโกรธง่ายหายเร็ว หนูเป็นคนคิดว่าถ้าเราอยากมีชีวิตที่มีความสุขต่อไป ต้องจัดการที่ความรู้สึกตัวเอง
แต่ละคนต้องทำการบ้านเพิ่มอย่างไรบ้างเพื่อรับบทในเรื่องนี้
ปลายฟ้า: ถ้าสำหรับหนูเลย หนูจะต้องสังเกตกิจวัตรประจำวันตัวเองมากขึ้น โดยปกติแล้วไม่ค่อยได้สังเกตว่าเราทำอะไรยังไง ซึ่งตรงนี้เอามาใช้พัฒนาตัวเองได้ เพราะหนูเป็นคนวอกแวกมาก แล้วในบทค่อนข้างจะนิ่ง เวลาแสดงก็คิดว่านิ่งมากพอแล้ว แต่เอาเข้าจริงยังไม่พอ อาจจะต้องทำสมาธิเพิ่มกว่านี้ด้วย แต่ในเรื่องการเข้าใจตัวละคร คิดว่าเข้าใจอยู่แล้วประมาณหนึ่ง แค่ต้องทบทวนว่า เขาพูดแบบนี้ออกมาหมายความว่ายังไง ไม่ใช่ว่าแค่ว่าพูดออกไปเฉยๆ แต่มีความหมายทุกคำ
เปียโน: หนูต้องทำการบ้านทุกอย่างค่ะ เพราะไม่เคยเล่นซีรีส์มาก่อน เรื่องนี้เรื่องแรก แล้วต้องเล่นเป็นผี มันท้าทายจริงๆ ยาก แต่ก็สนุก เพราะในชีวิตจริงไม่สามารถที่จะเป็นผีที่บ้าได้ มันต้องอยู่ในฉากเท่านั้น แล้วหนูเป็นคนพูดเร็ว หลายๆ คำพูดไม่ชัด อย่างล่าสุดคำว่า สะเปะสะปะ ก็พูดว่า สะเบะสะบะ แล้วไม่รู้ว่าพูดผิด ก็เลยเป็นเรื่องที่กดดัน เพราะถ้าจำบทไม่ได้หรือพูดอะไรผิด พี่ๆ ก็ต้องคอยมาเล่นใหม่ เป็นเรื่องที่กังวลที่สุดเรื่องหนึ่ง
ใน pilot ของ ‘Runaway หนีไปก็ตายเปล่า’ ที่ปล่อยออกมาก่อนหน้านี้ มีการตั้งคำถามกับคนดูว่า คุณเชื่อเรื่องเจ้ากรรมนายเวรไหม ก็เลยอยากคำถามนี้มาถามนักแสดงนำทั้งสามคนด้วยว่าเชื่อหรือเปล่า
ปลายฟ้า: เชื่อค่ะ หนูไม่รู้หรอกว่าเจ้ากรรมนายเวรมาในรูปแบบไหน แต่เชื่อว่าทุกการกระทำมีผลทั้งนั้น ไม่ว่าจะดีหรือไม่ดี ถ้าเราทำไม่ดี ผลมันจะตามมาอยู่แล้ว ไม่ว่าจะช้าหรือเร็ว หนูเรียกสิ่งนั้นว่าเจ้ากรรมนายเวร ซึ่งอาจจะไม่ต้องเป็นผีก็ได้ แต่เป็นผลของการกระทำ
มิวสิค: หนูก็เชื่อนะคะ คือถึงจะไม่เคยเจอเจ้ากรรมนายเวรโดยตรง แต่ก็จะมีคนรอบตัวที่เขาบอกว่าเจอเรื่องนี้ แล้วปีนี้ก็เป็นปีชง ก็มีคนทักเหมือนกันว่าเป็นช่วงที่เราชดใช้เวรกรรมของเราอยู่ แต่เขาบอกว่าเราไม่ได้มีเวรกรรมติดตัวเยอะนะ คือเวรกรรมมันก็มาในรูปแบบอื่นที่ไม่ใช่ผี
เปียโน: หนูไม่เคยคิดว่าเจ้ากรรมนายเวรจะต้องเป็นคนที่เราเคยไปทำให้เขาเจ็บ แล้วเขาต้องมาแก้แค้น เพราะหนูคิดว่า Everything happens for a reason. เหมือนอย่างที่พี่ปลายฟ้าบอก ทุกอย่างมีเหตุและผล
เท่าที่อ่านบทและเริ่มถ่ายทำไป สิ่งที่คิดว่าน่าจะเป็นความท้าทายที่สุดในการเล่นซีรีส์เรื่องนี้คืออะไร
มิวสิค: ถ้าของหนูน่าจะเป็นเรื่องร่างกาย มันมีการเล่นกับลมหายใจหรือว่าความกลัวค่อนข้างเยอะ แล้วมันทำวันต่อวัน เลิกกองสี่ทุ่ม นอนห้าทุ่ม ตื่นตีสี่ครึ่งไปทำงาน วนลูปแบบนี้ ตายังไม่หายช้ำเลย แต่ว่าวันถัดมาเราต้องทำเหมือนกับไม่เคยร้องไห้มาก่อน ก็เลยค่อนข้างกังวลว่าฉันจะทำร่างกายของฉันยังไงดีให้เตรียมพร้อมรับสถานการณ์ อย่างเช่นก่อนหน้านี้หนูเป็นคนติดเกม ต้องล็อกอินเข้าเกมทุกวัน พอมาเล่นเรื่องนี้ หนูลบเกมออกไปเลยเพื่อที่จะโฟกัสกับงาน หยุดเล่นทั้งปลูกผัก ทั้งเกมในคอมพิวเตอร์ ใน PS5 ด้วย เรื่องนี้ถือว่าเป็นบทนำสุดๆ ครั้งแรกด้วย ก็เลยอยากให้รู้ว่าทุ่มเทกับเรื่องนี้มากจริงค่ะ
ปลายฟ้า: ของหนูคิดว่าเป็นตัวเองค่ะ อาจจะฟังดูตลก แต่จริงๆ แล้วหนูเป็นคนไม่มั่นใจในตัวเองเลย อย่างเรื่องการร้อง การเต้นเวลาเป็นศิลปิน อันนั้นอาจจะเปิดโหมด auto pilot ได้เพราะเราชิน แต่สำหรับเรื่องนี้เป็นสิ่งใหม่ ทุกครั้งที่จะถ่าย หนูต้องเตรียมใจตัวเองตลอด บอกตัวเองว่าให้มั่นใจในตัวเอง ต้องทำได้ ถ้าทำไม่ได้ก็เชื่อว่าทุกคนอยู่ทีมเรา พร้อมซัพพอร์ตเราเสมอ เรียกว่าต้องสู้กับใจตัวเองมากกว่า ที่จริงตอนเป็นศิลปินก็มีช่วงที่ไม่มั่นใจ เพราะอะไรที่มันใหม่สำหรับเรา เราจะกลัวเสมอ แต่ในเมื่อเราเคยผ่านมาได้แล้ว ครั้งนี้ก็ต้องผ่านไปได้เหมือนกัน
เปียโน: ความคิดของหนูค่ะ เพราะกลัวว่าจะเล่นแล้วตลก อย่างเสียงตัวเองก็ไม่ได้น่ากลัว ถ้าปิดตาฟังเสียง หนูก็เป็นผีที่แบ๊ว ถ้าเขาไม่แต่งหน้าให้หนูดูน่ากลัว หนูก็ไม่รู้สึกว่าตัวเองดูน่ากลัวเลย เพราะฉะนั้นอันนี้คือความคิดของหนูที่ต้องข้ามผ่านให้ได้ ทุกฉากจะคิดว่าเราต้องทำให้น่ากลัว ไม่ใช่แค้นอย่างเดียว ต้องอยู่ในคาแรกเตอร์มากๆ
ทั้งสามคนมองว่าบทในเรื่องนี้มีความสำคัญกับอาชีพนักแสดงของตัวเองอย่างไรบ้าง
มิวสิค: หนูค่อนข้างจะแยกพาร์ตระหว่างพาร์ตตัวละครกับตัวเองค่อนข้างชัด เพราะเคยเจอประสบการณ์เข้าแล้วออกไม่ได้ แล้วเรื่องนี้มันพาหนูกลับไปอยู่จุดนั้นอีกครั้ง ก็เลยคิดว่าอาจจะเป็นการท้าทายตัวเองอีกรอบ เพราะสภาพจิตใจหนูคือการเข้าไปอยู่กับตัวละคร แล้วเราหลุดออกมาไม่ได้ ในแง่ดีก็เป็นการที่เราได้ฝึก อาจจะฟังดูเป็นสายธรรมะนิดหนึ่ง แต่ก็ต้องฟังขันทิเบตหรือว่าร้องไห้ทุกคืน ไม่อย่างนั้นมันออกไม่ได้จริงๆ มันเลยท้าทายและสำคัญในแง่ที่ว่า ถ้าเราทำอาชีพนี้ เราก็อาจจะต้องแยกมันให้ชัดมากขึ้นกว่านี้นะว่าอันนี้คือการแสดง อันนี้คือชีวิตจริง จริงๆ หนูก็กลัวเปียโนจะเข้าแล้วออกไม่ได้เหมือนกัน เพราะหลายครั้งที่เวิร์กช็อปแล้วเขาซึมยาวอะไรอย่างนี้ เป็นห่วงเหมือนกัน
เปียโน: หนูอาจจะคิดเรื่องอื่นอยู่…
มิวสิค: แต่พอรู้จักกันมากขึ้น พี่ก็คิดว่าเป็นไปได้ที่คิดอยู่ (หัวเราะ)
เปียโน: ออกได้ค่ะ แต่เข้าแล้วหยุดไม่อยู่
มิวสิค: จริง นั่งจ๋องเลยนะ จากที่ร่าเริง
เปียโน: สำหรับหนู เรื่องนี้น่าจะเป็นจุดเปลี่ยนได้เลย หนูได้รับโอกาสที่ดีมากๆ เพราะเรื่องนี้มีมิติและมี plot twist ที่ดีมาก ถ้าหนูเล่นได้ดี อาจจะดังเปรี้ยงเลยก็ได้ เพราะว่าถึงหนูไม่ได้มีซีนออกมาเท่าบุญและวิน แต่หนูคิดว่าทุกคนคาดหวังกับผี มั่นใจ (หัวเราะ) ถ้าหนูเล่นได้ไม่สมบทบาท เขาจะผิดหวังเลย หรือว่าถ้าหนูเล่นดี เขาจะ โห ปลื้มผี อันนี้เป็นเรื่องที่หนูกังวลจริงๆ แล้วก็คิดว่าท้าทายมากๆ
ปลายฟ้า: อย่างที่เปียโนบอกมันเป็นโอกาสด้วย หนูเลยรู้สึกว่าซีรีส์เรื่องนี้เป็นครูที่ดีมากๆ เลย เพราะว่าเราได้ลองผิดลองถูกไปด้วยกันกับคนที่พร้อมที่จะสอนเรา แนะแนวเราอย่างดี แล้วก็มีเพื่อนร่วมงานที่ไม่มีใครกดดันหนูเลย ทำให้เป็นประสบการณ์ที่ดี แล้วหนูจะไม่มีวันลืมเลย เพราะว่ามันสนุกมากๆ แล้วก็ทำให้มีเพื่อนมากขึ้น
อย่างตอนเจอกันครั้งแรก ยังจำได้ไหมว่าความรู้สึกตอนนั้นเป็นอย่างไร
มิวสิค: ตอนแรกกับตอนนี้มันก็ค่อนข้างต่าง (หัวเราะ) แต่ต่างในแง่ดี อย่างในแวบแรกที่เจอคือเขาเป็นคนสวยกันทั้งคู่เลย สวยจังเลย เธอมาเล่นหนังผีเหรอ แต่พอตอนนี้ได้รู้จักกันมากขึ้น ทั้งสองคนคุยกันมากขึ้น ก็เหมาะกับบทแล้ว เปียโนกับปลายฟ้าสนิทกันขึ้นมากๆ อย่างหนูกับเปียโนจะไม่ค่อยได้เจอกันเท่าไหร่
เปียโน: แต่พอเจอกันก็พูดมากหน่อยค่ะ
ปลายฟ้า: หนูว่าตอนเวิร์กช็อปช่วยละลายพฤติกรรมทำให้สนิทกันเร็วมาก แต่ครั้งแรกที่หนูเจอมิวสิค หนูไม่กล้าคุยด้วย หนูเขิน เพราะเขาน่ารัก เราก็รู้อยู่แล้วว่าเขาเป็น BNK แล้วหนูรู้จักเขาตั้งแต่ตอนหนูอยู่ ม.ปลาย ที่ชลบุรี ยังไม่เข้ากรุงเทพฯ แล้วพอได้เจอตัวจริงมันเหมือนฝัน ส่วนเปียโนไม่รู้จักมาก่อนก็จริง แต่เจอแล้วสวยมากเลย
เปียโน: เฮ้ย แต่มีคนบอกว่าหนูหน้าเหมือนพี่ปลายฟ้านะ เหมือนจริงเหรอ
ปลายฟ้า: แล้วไม่อยากเหมือนเหรอ (หัวเราะ)
เปียโน: วันแรกที่หนูเจอ หนูไม่รู้ว่าพี่เขารู้ไหมว่าหนูเล่นเป็นจอมขวัญ ตอนแรกหนูกลัวว่าเขาจะผิดหวังหรือเปล่า เพราะหนูไม่เคยมีผลงานเล่นซีรีส์เลย แล้วหนูก็ไม่แน่ใจว่า ณ ตอนนั้นใครจะได้เล่นจริงๆ แต่เราก็ได้เจอกันแล้ว ตอนแรกที่เห็นพี่มิวสิค หนูทราบดีอยู่แล้วว่าอยู่ BNK และมีผลงานเยอะ หนูก็เลยกังวลว่าถ้ามาเล่นกับหนู หนูจะถ่วงหรือเปล่า แล้วก็กลัวว่าเราจะทำงานเป็นทีมเวิร์กกันไหม แต่ตั้งแต่เจอวันแรก หนูรู้สึกว่าพี่มิวสิคค่อนข้างที่จะช่วยด้วยซ้ำ ช่วยไกด์ ไม่กั๊กอะไร ไม่มีใครกั๊กกันเลย หรืออยากให้ตัวเองเด่น ไม่มีเลย ทั้งพี่มิวสิค พี่ปลายฟ้า เป็นทีมผู้หญิงที่หนูอยากทำงานด้วย ทุกคนช่วยกัน
แต่ละคนดูซีรีส์แนว GL แนวแซฟฟิกกันอยู่แล้วไหม
มิวสิค: หนูไม่ได้ดูเลยค่ะ แต่อาจจะเป็นเพราะเราเองอยู่ในความ GL ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เปิดตัวแต่แรกว่าชอบผู้หญิงนะ ก็เลยค่อนข้างตั้งเป้าไว้ว่า อยากจะได้มาสวมบทในเรื่องของ GL สักครั้งในชีวิต
ปลายฟ้า: เวลาทำงานพาร์ตศิลปิน จะมีคนชอบพูดว่า พี่นางเอกๆ ซึ่งหนูแย้งในใจตลอดเลยว่า สักวันหนูอยากเป็นพระเอก หนูไม่ได้อยากจำกัดว่าต้องเป็นแค่นางเอก พอโอกาสมันมาแล้ว ทำไมถึงจะไม่เอา มันสานฝันที่อยากเป็นพระเอก ลุคเราอาจจะดูเป็นผู้หญิง แต่หนูคิดว่าหนูทำตัวหวานๆ ไม่เป็น เราชอบอะไรเท่ๆ อยู่แล้วด้วย เลยคิดว่าน่าจะง่าย แต่จริงๆ แล้วไม่ง่ายเลย
เปียโน: จะมีช่วงหนึ่งที่พี่หลิงหลิงพีค เห็นแล้วรู้สึกว่า พี่คนนี้เท่จังเลย หนูชอบผู้หญิงที่มีเสน่ห์แล้วก็เท่ ก็เลยชอบพี่หลิงหลิง แล้ววันหนึ่งก็อยากเป็นแบบพี่เขา หนูอาจจะชอบผู้หญิงที่มีคาแรกเตอร์ชัดเจน พอมีโอกาสนี้เข้ามาก็เลยอยากลองดู
พอเราได้เป็นส่วนหนึ่งของซีรีส์เรื่องนี้แล้ว มองวงการซีรีส์ GL ของเมืองไทยเป็นอย่างไรบ้าง
ปลายฟ้า: หนูดีใจที่มันมีเยอะขึ้นมาก แล้วความรักมันไม่ใช่แค่ชาย-หญิง หญิง-หญิง ชาย-ชาย หนูว่ามันเป็นเรื่องปกติ การที่มีซีรีส์แบบนี้เกิดขึ้นมาเยอะๆ มันก็ดีตรงที่ทำให้เรื่องพวกนี้เป็นปกติ เพราะมันคือเรื่องเบสิกมากสำหรับความรัก หนูเลยคิดว่ามันดีมากๆ แล้วค่ะตอนนี้ และเชื่อว่ามันจะดีไปได้กว่านี้ด้วย
เปียโน: หนูรู้สึกว่าการเปลี่ยนแปลงน่าจะเร็วมาก มีซีรีส์เยอะมากตั้งแต่ BL จนมามี GL แต่หนูรู้สึกว่าของเรามีมิติเพราะว่ามันเป็น GL เรื่องแรกที่เป็นผี แล้วเรื่องก็ไม่ได้จะมีแต่เรื่องคู่อย่างเดียว มีเรื่องความสัมพันธ์แล้วก็เรื่องสยองขวัญด้วย หนูก็เลยรู้สึกว่าหนูชอบแนวนี้
มิวสิค: หนูไม่ค่อยนับเรื่องนี้ว่าเป็น GL เท่าไหร่ เพราะจริงๆ แล้วมันไม่ค่อยมี love line เข้ามาเกี่ยวมากขนาดนั้น หนูรู้สึกว่าเดี๋ยวนี้มันค่อนข้างเกิดการฟิกซ์โพสิชันใน GL มากขึ้น มีการพูด
ถึงในเชิงว่าต้องเป็นคู่ยังไง มันค่อนข้างจริงจังและ intense สำหรับหนูมากๆ คือมันไม่มีใครมาฟิกซ์โพกันในชีวิตจริงหรือเปล่า ก็เลยรู้สึกว่าจริงๆ ไม่อยากให้เรื่องนี้เป็นเรื่องที่มานั่งฟิกซ์ว่าใครควรจะเป็นแบบไหนยังไง อยากให้ดูด้วยความรู้สึกว่า เราอาจจะไม่ได้นั่งดู GL แต่เรากำลังนั่งดูชีวิตของคนคนหนึ่งที่กำลังเจอกับคนนี้ๆ นะ แล้วลองไปค้นหาคำว่า รัก ในแบบที่ทุกคนได้ดู ดูว่าทำไมมันถึงเกิดความสัมพันธ์แบบนี้ขึ้น
การที่ทำให้เรื่องราวเป็นชีวิตคนคนหนึ่งมันน่าจะทำให้ทุกคนรู้สึกว่า อยู่กับพวกเราแล้วจะสบายใจมากกว่าการที่ดูแล้วคิดว่าคนนี้ต้องอยู่กับคนนี้ ด้วยความที่มันเป็น 3 คน อยากให้พวกเราทำงานด้วยกันแล้วเรารู้สึกสบายใจ ทั้งกับแฟนคลับและตัวพวกเราเองด้วย
ติดตามข้อมูลและข่าวสารเกี่ยวกับ “Runaway หนีไปก็ตายเปล่า” ได้ทาง IG: runawaytheseries และ X: @Runaway_GL
.
Interviewed by Panicha Imsomboon
.
Model: Valentina Ploy
Clothes: Aprilpoolday
Photographer: Tanisorn Vongsonton
.
[Editorial]
Project Coordinator: Wittawat Karpkert
Content Creator: Maytinee Teatananun
Project Manager: Pornnapat Suporn
Art Direction: Narin Machaiya
Group Editor-in-Chief: Top Koaysomboon





















