โลกของแม่มด ไพ่ยิปซี และมิวเซียม อินสไปร์อาร์ติสท์สาวคนนี้!
@Lafynagirl คือชื่อที่เธอใช้ในไอจี สาวน้อยหน้าตาแฟรี่เทล ชื่อจริงของเธอคือ ‘เกิร์ล-ณิชา ทวีเจริญสุข’ ผลงานของเธอกำลังเป็นที่จับตามองของวงการอาร์ตในบ้านเรา เกิร์ลฝึกสกิลล์วาดรูปมาตั้งแต่เด็ก และวันนี้เธอกำลังจะฉีกความเป็นตัวตนของเธอออกมา
เรารู้จักเกิร์ลมาสักพักใหญ่ ผลงานแรกๆ ของเธอที่เห็นก็จะเป็นภาพวาดแนวเรียลลิสติค วาดเหมือนจริงทั้งสี ลายเส้น และงานเกิร์ลจะค่อนไปทางอังกฤษๆ นึกภาพชุดชาผู้ดีอังกฤษที่มีลายเป็นดอกไม้นะ งานของเกิร์ลเป็นแบบนั้นเลย จะวิคตอเรียนๆ แอบมีความอลังๆ ของยุคเรอเนสซองท์ด้วย เกิร์ลวาดรูปไปอยู่ดีๆ วันหนึ่งเกิร์ลบอกว่า “มีอะไรสะดุดๆ อยากหาแนวใหม่ๆ แต่ไม่รู้ว่าจะไปยังไง” เกิร์ลได้เจอกับอาร์ติสท์รุ่นพี่อย่างพี่ โอ๊ต-มณเฑียร พี่โอ๊ตไม่ได้สอนอะไรเกิร์ล แต่แค่เล่าเรื่องของเขาให้ฟัง และมันเต็มไปด้วยความหลงใหลกับความรู้สึกล้วนๆ หลังจากนั้นเกิร์ลเดินทางต่อไป เธอเรียนจบจากคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ สาขาวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยพระจอมเกล้าลาดกระบัง เกิร์ลเดินทางต่อตามความรู้สึกของตัวเอง เธอไปเทคคอร์สที่ลอนดอน 6 เดือน และที่นี่ล่ะจุดประกายแรงๆ ให้เกิร์ลอีกครั้ง เธอกลับมาพร้อมกับความเป็นตัวตนที่ชัดขึ้น จนไปเข้าตาใครหลายๆ คน เกิร์ลมีงานวาดรูปยาวไปจนปลายปีแล้ว สาวน้อยอายุ 24 ปีคนนี้พูดได้เต็มปากเลยว่า “อาชีพวาดรูปมีงานเยอะ มีเงินเยอะได้แน่นอน” อย่างเดียวเลยที่ต้องมีคือ “ต้องกล้าแหกกฎให้เป็น” เกิร์ลเลยกลายเป็นอาร์ติสท์ที่กล้าแหกกฎของเราที่น่าจะเป็นแรงบันดาลใจให้สาวไนลอนได้อีกหลายๆ คน
ความเป็นตัวตนที่เริ่มฉีกออกๆๆ
เกิร์ลจะรู้ตัวเองมาตลอดในเรื่องค้นหาตัวเอง เหมือนเป็นโจทย์ที่อาร์ติสท์ต้องเป็นกันทุกคน เธอเล่าเรื่องนี้ว่า “เหมือนกับว่าปกติเราจะวาดสวยอย่างเดียว แต่พอกลับมาจากลอนดอน ลองวาดไปเรื่อยๆ เราเริ่มถอดความเป็นจริงออกไป เริ่มใส่จินตนาการมากขึ้น ไม่เน้นรูปแบบความเป็นจริง ปกติวาดดอกไม้สวยๆ เน้นเหมือนจริงมาก แต่ตอนนี้เกิดความคิดอะไรบางอย่างขึ้นแล้ว” เกิร์ลไปเรียนคอร์สที่ลอนดอน ได้รับอิทธิพลแฟชั่นมาเต็มๆ บวกกับที่เธอชอบแบรนด์อย่างวาเลนติโน่ที่สุด เธอไปโบสถ์ เข้ามิวเซียมเกือบทุกวัน เธอเลยตกผลึกเอากลิ่นอายของความหลงใหลในทุกสิ่งมาเป็นงานของเธอ “พอได้เติมอย่างอื่นเข้าไป มันนอกกรอบขึ้นเลย อย่างบางรูปอินสไปร์มาจากโบสถ์ที่ไป ก็เลยลองเอาลายโบสถ์มา มีไปกินขนมไทยแล้วลองเอาลายขนมไทยมาใส่เข้าไปด้วยเหมือนกัน”
เจอกับตำราแม่มด แรงขับมาเต็มเลย
อีกโลกหนึ่งที่เกิร์ลบอกว่าพอไปเจอว่ามี ตกห้วงอย่างจัง! ก็คือโลกของแม่มด “เดินเล่นอยู่ลอนดอนแล้วไปเจอร้านแม่มดเยอะมากๆ ก็เลยเข้าไป เปิดเจอหนังสือแม่มด เลยรู้ว่าแม่มดนี่มีหลายแบบนะ แม่มดขาว แม่มดสายดาร์ค สายปรุงยา สายทำสวนก็มี ของเราอินกับแม่มดขาวมากที่สุด” เกิร์ลไปเจอแม่มดตัวจริงด้วย เธอเล่าเรื่องโลกของแม่มดให้เกิร์ลฟัง อย่างในหนึ่งปีแม่มดจะมารวมตัวกันทำพิธีตอนพระจันทร์เต็มดวง ศาสตร์ด้านมืดของแม่มดก็มี ถ้าสายทำสวนก็คือแม่มดที่ปลูกพืชมงคล ส่วนแม่มดขาวจะเป็นแม่มดแนวเคารพธรรมชาติ จะเอาธรรมชาติมารักษาตัวเอง ใช้ธรรมชาติเยียวยาทุกสิ่ง เกิร์ลสนใจเรื่องแม่มดมากจนเอามาเป็นพลังอย่างหนึ่งในงานอาร์ต สังเกตว่ารูปของเธอสีจะเข้มๆ ก่ำๆ มีพลัง เหมือนเธอใส่แมจิกเข้าไปในงานอะไรอย่างนั้นอีก
ไพ่ยิปซีคืออีกหนึ่งแรงบันดาลใจของเธอ
พอได้ความน่าค้นหาของโลกแม่มดแล้ว เกิร์ลยังไปเจอกับศาสตร์ไพ่ยิปซี หน้าไพ่แต่ละสำรับคือโลกอีกมิติที่เกิร์ลเจอว่าช่างขลัง และสวยงามเหลือเกิน เธอเลยใช้สิ่งนี้เป็นตัวดันอะไรบางอย่างในตัวเธอ “เอาไพ่ยิปซีมาเป็นตัวตั้งก่อนวาดรูปเลย คือจะเปิดไพ่ก่อนสามใบแล้วตีความ อย่างล่าสุดเปิดได้ถ้วยหนึ่งใบ ได้ไม้เท้าหนึ่งอัน ได้ดาบสามดาบ ก็จะแปลว่า ได้รับโอกาสนั้นมา แล้วอาจมีคนคิดร้ายใส่ ก็วาดออกมาเป็นถ้วย มีปีกผีเสื้อ ตรงกลางเป็นหัวใจของเราเอง ด้านล่างเป็นขาเราที่ต้องก้าวเดิน” เกิร์ลวาดรูปของเธอจนกลายเป็นเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร เวลามีใครถามเกิร์ลก็จะเล่าความเป็นตัวตนทั้งหมดของเธอผ่านรูปภาพได้อย่างหมดจด
แฟชั่น และมิวเซียมอินสไปร์เธอยังไงบ้าง?
เกิร์ลเรียนจิตรกรรมมาตลอดปริญญาตรี เป็นไฟน์อาร์ตล้วนๆ แต่พอเทคคอร์สที่ลอนดอนเท่านั้นล่ะ ความเป็นแฟชั่นมาฉาบเธอทันทีเลย เกิร์ลเล่าว่า “คือลอนดอนเป็นเมืองแฟชั่นอยู่แล้ว แต่ก็ไม่นึกว่าเพื่อนๆ ที่เรียนคอร์สเดียวกัน เขาจะเปรี้ยวกันทุกวันได้ขนาดนั้น ผู้ชายแมนๆ มีใส่กระโปรงมาเรียนด้วยนะ” ความแต่งเต็มของเพื่อนๆ เกิร์ลเลยเริ่มเปลี่ยนแนวตัวเองบ้าง“แต่ก่อนชอบใส่เดรสหวานๆ ตอนนี้อยากเท่ๆ ขึ้นมากเลย” เธอได้แหกอีกกฏของตัวเอง แต่จริงๆ เกิร์ลก็มีแหกกฎมาตลอด เธอเคยทำผมสีม่วง สีแดงมาแล้วด้วยซ้ำ
เรื่องเพื่อนแต่งตัวแล้ว ยังมีเรื่องอาจารย์ที่ทำให้เกิร์ลอิสระมากๆ “อาจารย์คูลมาก แทบจะไม่ได้สอนอะไรนะ อาจารย์ให้โจทย์แล้วแต่ละคนก็ไปทำกัน อย่างมีโจทย์หนึ่งอาจารย์ให้ทำงานสองชิ้น กลับมาปรากฏว่าเพื่อนทำกันไปคนละ 10 ชิ้น อาจารย์เลยบอกเราว่า ไม่ต้องทำตามเป๊ะที่อาจารย์บอก ยูว์สามารถเอาไปคิดเพิ่มเองได้เสมอ” แค่นี้เกิร์ลอึ้งและเหมือนปลดล็อคให้ตัวเองเลย เธอบอกว่า “มีเพื่อนคนหนึ่งแหกทุกกฏ เพราะเขาวาดรูปด้วยเท้าส่งอาจารย์!” โลกที่ไม่ได้แบ่งแยกอะไรที่ลอนดอน ทำให้เกิร์ลทำตามความรู้สึกตัวเอง และความรู้สึกเธอก็พาเธอเดินเข้ามิวเซียม เธอตกเข้าไปในโลกของงานอาร์ตมากขึ้นๆ
“ชอบเข้ามิวเซียมมาก ได้ไปนั่งวาดรูปสดหน้ารูป เขามีกระดาษ ดินสอ เก้าอี้ให้ทุกมิวเซียม พอไปนั่งวาดก็จะเจอคนมาทัก ได้มีสัมพันธ์กับคนมากขึ้น เลยได้พลังงานของสิ่งรอบตัวมาพัฒนางานต่อไปอีก”
ลายเส้นตอนเป็นเด็กนั่นล่ะ แม่นและมีพลังที่สุด
เป็นที่รู้กันว่าอาร์ติสท์มักจะต้องหาลายเส้นที่เป็นของตัวเองจริงๆ ที่จำบอกถึงคาแร็คเตอร์ และคอนเซ็ปต์ของอาร์ติสท์คนนั้นได้ชัดเจนที่สุด เกิร์ลเองก็ผ่านสภาวะแบบนี้มาเหมือนกัน “ตอนที่วาดๆ แล้วลายเส้นเราเริ่มหลุดจากความเป็นเรียลลิสติคมากขึ้นนี่ นั่งทะเลาะกับตัวเองเลยว่าทำไมมันเป็นแบบนี้ มันเริ่มเพี้ยนๆ แล้ว ก็เลยมองเข้าไปใหม่ เอ๊ะ! ลายเส้นคุ้นๆ แฮะ เดจาวูเลย เพราะนี่มันคือลายเส้นที่เราเคยวาดตอนเด็กๆ นี่นา ตอนนั้นเราใช้ใจวาดอย่างเดียว ไม่มีกรอบอะไรทั้งนั้น” เกิร์ลบอกว่าบางทีเราฝึกวาดเยอะๆ จนลืมไปว่างานศิลปะมาเพื่อชะโลมจิตใจ ไม่ใช่ต้องบี้ตัวเองเพื่อให้ได้สิ่งที่ดีที่สุด มาถึงตรงนี้ที่เกิร์ลค้นพบลายเส้นใหม่ของตัวเอง เลยกลายเป็นจุดเทิร์นนิ่งพอยท์ของเธอไปเลย “พีคมาก เห็นรูปที่เด็กๆ วาดแล้วรู้สึกเลยว่า อยากกลับไปตรงนั้น” อีกเรื่องที่เธอกลับมาจำได้ก็คือ “เราชอบวาดรูปมาตั้งแต่อนุบาล 3 เราเคยมีลายเส้นของตัวเอง แล้วมันก็หายไป แอบรู้สึกผิดกับตัวเองเหมือนกันนะ” จุดนี้ล่ะที่เกิร์ลบอกว่าทำให้อาร์ติสท์ประสบความสำเร็จ คือเมื่อเขาเจอลายเส้นเส้นนั้นของเขาแล้ว
ถ้าเคยสงสัยอะไรกับตัวเอง ต้องฉีกออกมาเท่านั้นถึงจะเข้าใจตัวเองได้
เกิร์ลเคยเป็นเด็กสาวที่ใช้ชีวิตตรงๆ เป๊ะๆ มาก่อน แต่ตลอดเวลาสิ่งที่เธอมีไม่เคยเปลี่ยนเลยคือ “เคยอยู่ในกฏนะ แต่อีกอย่างที่เป็นก็คือเราชอบสงสัย พอสงสัยก็เลยอยากออกนอกกรอบ เราต้องค้นว่าของหนึ่งสิ่งมันต้องมีหลายๆ ด้านสิ แต่ทำยังไงถึงจะเจอ เราก็ต้องไปค้นหาเอง เพราะบางอย่างอาจไม่มีใครให้ความรู้เราได้หรอก เราต้องหาเองจริงๆ” แล้วการเดินทาง ลอนดอนก็ให้คำตอบกับเรื่องนี้ของเธอ เกิร์ลเหมือนเด็กสาวที่ค้นวิธีหาตัวตนของตัวเองเจอแล้ว และเธอก็จะค้นไปเรื่อยๆ
เธอบอกกับเราว่า “เราต้องมีแรงขับต่อไป ความอัดอั้นเป็นเรื่องดี มันจะทำให้เราระเบิดตัวเอง แล้วทำให้เราค้นพบ ถ้าอัดอั้นให้ลงมือทำเลยนะ แล้วอย่าคิดเยอะ ทำไปเลย นั่นคือเรากำลังเปิดโลกบางอย่างให้ตัวเองแล้ว”
Nylon ขอขอบคุณเกิร์ล @Lafynagirl รักงานเธอ และรักความตั้งใจที่จะแหกกฎตัวเองไปเรื่อยๆ ของเธอ!!!
Leave a Reply
Want to join the discussion?Feel free to contribute!