คุยกับ ‘กองทัพ พีค’ ศิลปินที่เรียนรู้ในทุกบทบาท เป็นทั้งเบื้องหน้าเบื้องหลังในคนเดียวกัน

Artist: KONGTHAP PEAK

Lyrics: KONGTHAP PEAK

Directed by: KONGTHAP PEAK

Edited by: KONGTHAP PEAK

ทั้งหมดนี้คือเครดิตที่มีชื่อของ ‘กองทัพ พีค’ ใน ‘Paradise’ มิวสิกวิดีโอเพลงใหม่สไตล์ทรอปิคัลป็อปของเขาที่ปล่อยออกมาเมื่อกลางเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา การทำงานเพลงของศิลปินและนักแสดงคนนี้จึงไม่ใช่แค่งานเบื้องหน้า แต่ยังรวมไปถึงงานเบื้องหลังแทบทุกขั้นตอนด้วย

         “จริงๆ แล้วพีคไม่ได้มีประสบการณ์ด้านงานกำกับมากเท่าไหร่ แต่ก็เคยกำกับและตัดต่อเพลง ‘VIP’ ที่เป็นเพลงก่อนหน้านี้มา จากตอนนั้นเราได้เรียนรู้ว่าเรายังขาดตกบกพร่องอะไรในด้านนี้ เพลงนี้พีคถือว่าเราประสบความสำเร็จในสถานการณ์ที่เราต้องอยู่เบื้องหลังด้วย เพราะว่าได้เรียนรู้จากข้อบกพร่องของเราที่ผ่านมาและเอามาปรับใช้” พีคเล่าถึงผลงานที่เขาต้องเป็นทั้งคนเบื้องหน้าและคนเบื้องหลังในเวลาเดียวกันที่ทำให้เขาได้เติบโตขึ้นผ่านการทำงาน

จังหวะชีวิตของเขาเอื้อให้มีเรื่องที่ต้องเรียนรู้อยู่ตลอด ไม่ว่าจะเป็นการเรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตต่างแดนด้วยตัวเองตั้งแต่ตอนอายุ 11 ปี เรียนรู้ทักษะใหม่ๆ ทั้งที่ชอบและไม่ชอบในช่วงเวลาที่เรียนอยู่ที่อังกฤษ เรียนรู้ที่จะทุ่มเทอย่างหนักในการฝึกซ้อมช่วงที่เข้าแข่งขันในรายการเรียลลิตี้ที่เกาหลี เรียนรู้เกี่ยวกับศาสตร์ของงานแสดงเมื่อมาเป็นนักแสดง และในการทำงานเพลงซึ่งเป็นบทบาทที่เขาใฝ่ฝันมาตั้งแต่เด็ก ก็ยังมีอะไรให้พีคได้เรียนรู้ตลอดเวลา

        “เพราะการเรียนรู้ไม่ที่สิ้นสุดครับ” เป็นคำอธิบายสั้นๆ ที่ทำให้วัย 24 ปีของเขาเป็นช่วงเวลาที่เติบโตขึ้น แต่ก็ยังพร้อมที่จะปรับเปลี่ยนไปตามสิ่งใหม่ๆ ที่เปิดรับ 

พีคเข้าไปมีส่วนร่วมในการเขียนเนื้อเพลงนี้ได้อย่างไร

         เพลงนี้เป็นหนึ่งในเพลงที่พีคทำงานกับโปรดิวเซอร์เกาหลีตั้งแต่เมื่อ 5 ปีก่อน ออริจินัลที่เขาแต่งมาเป็นภาษาเกาหลี แล้วก็มีการแปลเป็นภาษาญี่ปุ่น ก่อนจะแปลเป็นเกาหลีอีกครั้ง พีคเลยคุยกับพี่โปรดิวเซอร์ว่า ขอแปลเป็นภาษาอังกฤษได้ไหม คนฟังฟังแล้วจะได้เข้าใจเลย พอลองเขียนออกมาแล้วพี่โปรดิวเซอร์ชอบ ก็เลยปล่อยเวอร์ชันภาษาอังกฤษก่อน และจะมีภาษาไทยด้วยซึ่งเขียนเนื้อเพลงเองเหมือนกัน มีเวอร์ชัน spin off ด้วย

         ตอนก่อนจะเขียนก็ถามเขาก่อนว่า แรงบันดาลใจในการเขียนเพลงนี้ของเขาคืออะไร แล้วก็ได้เป็นธีมทะเลมา แล้วเราก็แปลแบบเอาฟีล ท่อนแรกของเพลงก็เลยเป็น Like a paradise. Watching sunrise, blue eyes, the ocean. ซึ่ง ‘โอเชี่ยน’ ก็เป็นชื่อแฟนคลับของพีค ตอนที่เขียนก็เลยนึกถึงว่าเราเขียนเพลงนี้ให้กับโอเชี่ยนด้วย

         แต่หลังจากเพลงนี้ไป ตั้งแต่คัมแบ็กหน้าจะเป็นเพลงที่พีคแต่งเองทั้งหมดแล้ว

ถ้าสมมติมีคนมาบอกพีคว่า ชอบเพลงนี้เพราะเหมือนเพลงเกาหลีดี พีคจะรู้สึกแบบไหน

         ก็โอเคนะครับ เพราะเวอร์ชันแรกของเพลงก็เป็นเกาหลี โปรดิวเซอร์ก็เป็นคนเกาหลี เพราะฉะนั้นก็เป็นเรื่องปกติถ้าจะมีคนบอกว่ามันเป็นเพลงสไตล์ K-pop เพลงนี้พีคถือว่ามันเป็นการเรียนรู้อย่างหนึ่ง เพราะเราไปทำงานกับโปรดิวเซอร์เกาหลีก็เพื่อที่จะเรียนจากเขา เขาก็เป็นเหมือนครูในการโปรดิวซ์เพลงอีกคนของพีคเลย

เพลงที่แต่งเองและเตรียมไว้ปล่อยต่อจากนี้เป็นเพลงแนวไหนบ้าง

         มีหลายแนว หลายคอนเซปต์ เพราะลอง explore หลายๆ แบบ ไม่อยากให้คอนเซปต์แต่ละเพลงมันซ้ำกัน แต่ที่แน่ๆ คราวนี้จะเป็นตัวพีคเองจริงๆ ทั้งหมดแล้ว เพราะแต่งทั้งเนื้อร้องและทำนอง จะมีส่งไปให้คนอื่นเรียบเรียงบ้างช่วงที่ไม่มีเวลา ถามว่าทำเองได้ไหม ทำได้ แต่พีคอยากรู้มุมมองคนอื่นว่า ถ้าเนื้อเรื่องในเพลงเป็นแบบนี้ เขามองแบบไหน ให้เขาใส่เครื่องดนตรีสไตล์ที่เขาคิดว่าเหมาะเข้ามา พอทำงานกันแบบนี้ พีคก็ได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ และเรียนรู้เรื่องการทำงานแบบมืออาชีพจากคนอื่นด้วย

ไอเดียในการเขียนเพลงของพีคมักจะมาจากไหน

         จากรอบตัวครับ เพราะถือว่าเป็นโชคดีของพีคอย่างหนึ่ง แต่อาจจะเป็นเรื่องแปลก เพราะพีคได้ยินเสียงอะไรก็ฟังเป็นโน้ตได้ อย่างเสียงเปิดประตูก็เป็นโน้ตได้ เพราะฉะนั้นบางทีเมโลดี้มันมาเองจากสิ่งที่เราเห็นรอบตัว แต่ข้อเสียก็มีนะ เพราะเราจะได้ยินอะไรมากกว่าคนปกติ บางทีก็ต้องใส่หูฟังไว้ทั้งที่ไม่ได้เปิดเพลงอะไรเพื่อให้ได้ยินเสียงรอบข้างน้อยลง

เพราะอะไรถึงเลือกที่จะกำกับและตัดต่อมิวสิกวิดีโอเพลง Paradise เอง

         พีครู้สึกว่าเราเริ่มเพลงนี้มาตั้งนานแล้วก็เลยอยากจะส่งเพลงนี้ไปให้ถึงฝั่ง จะได้ไม่คาใจ ก็เลยคุยกับทีมงานแล้วทุกคนก็เห็นด้วย มันไม่ได้มาจากว่าเราอยากทำเองทั้งหมด แต่เราอยากให้เพลงนี้ออกมาดีที่สุดเท่าที่เราจะทำได้

การที่เราต้องอยู่หน้ากล้องและกำกับเองด้วยยากกว่าการทำงานที่อยู่เบื้องหน้าอย่างเดียวไหม

         ยากครับ ยอมรับเลยว่ายากกว่า มันโหลดเหมือนกัน เพราะว่าเราต้องเพอร์ฟอร์มด้วย ต้องกำกับด้วย การตัดสินใจในกองก็เป็นการตัดสินใจของเรา พีคพยายามแจกจ่ายหน้าที่และกระจายงานให้มากที่สุด เพื่อที่ในวันนั้นเราจะได้โฟกัสที่เรื่องการกำกับและการเพอร์ฟอร์มเป็นหลัก

         จากตอนกำกับเพลง VIP กับ Escape ที่เป็น concept film ก็ได้เรียนรู้ว่าเรายังขาดตกบกพร่องอะไรในด้านนี้ เราผิดพลาดตรงไหนในงานกำกับ พอมาถึง Paradise เราก็เอาเรื่องที่ได้เรียนรู้มาใช้ อย่างบางเรื่องที่คาใจจากเพลงก่อนว่าทำไมเราไม่ถ่ายตรงนี้มานะ ก็เอามาเพิ่มในเพลงนี้เพราะรู้สึกว่ามันสำคัญในการตัดต่อและทำให้เป็นเทคที่สมบูรณ์ได้ อีกเรื่องที่ได้เรียนรู้ในงานกำกับก็คือเราต้องตัดสินใจให้ขาด ต้องเผื่อไว้ก็จริง แต่ก็ต้องรู้ว่าตรงไหนพอ ในขณะที่บางเรื่องก็ต้องตัดสินใจตอนนั้นเลย อย่างซีนที่เต้นบนโป๊ะในทะเลกับเกาะกลางทะเลที่ต้องพายเรือคายัคไป เราไม่ได้คิดไว้มาก่อนเพราะตอนที่ไปดูโลเกชันเอง โป๊ะยังสร้างไม่เสร็จ เลยตัดสินใจเพิ่มเข้ามาตอนวันที่ถ่ายทำ แต่ก็ถือเป็น magic moment ของมิวสิกวิดีโอเพลงนี้นะ

บางคนอาจจะรู้จักพีคจากการเป็นนักแสดง บางคนรู้จักจากงานเพลง พีคมองตัวเองว่าเป็นบทบาทไหนมากที่สุด

         พีคมองตัวเป็น entertainer เป็น artist เพราะคำนี้เป็นนักแสดงก็ได้ เป็นศิลปินก็ได้ แค่ใช้คนละศาสตร์กัน นักแสดงคือการที่เราเป็นตัวละครนั้น ไม่ได้ใส่ความเป็นตัวเองลงไปเท่ากับการเป็นไอดอล เป็นศิลปินที่ทำงานเพลง เพราะอย่างหลังคือการที่เราเอาตัวตนของเราออกมาให้ได้มากที่สุด

         แต่ขณะเดียวกันสองอย่างนี้ก็มีเรื่องที่คล้ายกัน เพราะเวลาเราทำงานเพลงแต่ละเพลงก็จะมีคอนเซปต์ของเพลงนั้นที่เรามาสวมบนความเป็นตัวเราอีกที

พูดถึงเรื่องความเป็นตัวเอง แล้วตัวตนของพีคละเป็นแบบไหน

         ตัวตนของพีคเห็นได้จากเพลงเลยครับ VIP ก็แบบหนึ่ง Paradise ก็ตัวตนแบบหนึ่ง แต่ถ้าเวลาส่วนตัว พีคว่าเหมือนเพลง Paradise เลย โปรดิวเซอร์ก็บอกเหมือนกัน เพราะถ้าเป็นเวลาส่วนตัวก็จะเป็นคนที่ชิลๆ ขำๆ อาจจะดูไม่ค่อยพูด แต่ถ้าพูดแล้วก็พูดไม่หยุดเหมือนกัน แล้วก็ซุ่มซ่าม คนจะชอบเรียกว่า บ๊อกแบ๊ก

         ถ้าเป็นเรื่องงาน พีคจะเป็นคนที่คิดเยอะและคิดตลอดเวลา แต่ถ้าเป็นเรื่องทั่วไปในชีวิตประจำวันจะรู้สึกว่า เวลาเราเจออะไรที่ไม่โอเคก็ช่างมันเถอะ ปล่อยไป

คนโชคดีที่หลับง่ายมาก เป็นอย่างนี้มาตั้งแต่เด็ก อย่างบางววันที่ร่างกายโหลดมากๆ สมองก็คิดตลอดเวลา ก็จะสวดมนต์ แค่นี้สมองก็จะหายเครียดแล้วหลับได้

 

เท่าที่คุยมา ดูเหมือนว่าถ้าเป็นเรื่องไหนที่พีคตั้งใจทำแล้ว ก็ทำได้หมดเลย

         น่าจะเป็นเพราะพีคติดนิสัยว่าถ้าทำอะไรแล้วต้องรู้จริง เวลาจะลงมือทำอะไร ต้องไปสุด ต้องรู้เรื่องจริงๆ อย่างตอนที่ทำบริษัทก็ต้องเข้าใจทั้งหมดถึงจะกล้าทำ ทำเพลง ทำโชว์ ก็ต้องรู้เรื่องเครื่องเสียงทั้งหมด ทำมิวสิกวิดีโอก็ต้องรู้เรื่องกล้อง แต่ปกติก็ชอบกล้องอยู่แล้ว มีไปซื้อเลนส์มาประกอบเองบ้าง

เรื่องยากของการทำงานสำหรับพีคในตอนนี้คืออะไร

         เรื่องงานบริหารมากกว่า การจัดการคนและการแบ่งหน้าที่ไม่ให้โหลดเราเกินไป เพราะงานของพีคไม่ใช่แค่พาร์ตศิลปินแต่มีเรื่องบริษัทด้วย ซึ่งมันทำให้เราโตขึ้นและต้องรับผิดชอบมากขึ้น

นอกจากจัดการเวลาแล้ว ต้องจัดการกับพลังของตัวเองด้วยไหมเพราะรู้สึกว่าพีคเป็นศิลปินที่มี energy สูงมากเวลาอยู่บนเวที

         ใช่ครับ พีคเป็นคนบ้าพลัง เวลาเต้นก็จะชอบโดนทีมงานแซวเรื่องนี้ ช่วงแรกจะคุมพลังตัวเองไม่ได้เลย เป็นคนใส่แบบเอาตาย เพราะเวลาทำงาน พีคจะเป็นคนไฮป์ อยู่บนเวทีนี่ไฮป์สุดเลย แจนตอนนี้พอเรามีโชว์ที่นานขึ้น อย่าง 45 นาทีหรือ 1 ชั่วโมง เราก็เริ่มจัดการพลังได้แล้ว รู้ว่าตรงไหนผ่อนได้ ตรงไหนเต็มที่ได้

จากคนที่ประทับใจ จัสติน บีเบอร์ จนเกิดเป็นแพสชันที่ทำให้อยากเป็นศิลปินตั้งแต่เด็ก ถึงตอนนี้แพสชันในการทำงานเพลงของพีคอยู่ที่ตรงไหน

         แพสชันตอนนี้อยู่ที่การมอบความสุขให้ทุกคน การเป็นไอดอล เป็นศิลปินคือเรื่องที่เราฝันมาตั้งแต่เด็กและเราก็ได้ทำตามที่ฝันแล้ว เพราะฉะนั้นตอนนี้ก็รู้สึกว่าเราอยากจะทำบุญ การที่เราได้สร้างความสุขให้กับคนมันเป็นการทำบุญอย่างหนึ่ง มันรู้สึกดีมากๆ ทุกครั้งที่มีคนมาบอกว่า เราทำให้เขาแฮปปี้ได้ ทั้งจากผลงานเราหรือบางครั้งแค่อ่านบทสัมภาษณ์เรา เขาก็รู้สึกดีแล้ว

         ล่าสุดที่ไปงานแฟนมีตมา มีคนบอกว่า ขอบคุณที่เป็นจุดมุ่งหมายในชีวิต ขอบคุณที่ทำให้เขายังมีชีวิตอยู่มาจนถึงตอนนี้และได้มาติ่งเรา โห ได้ยินแล้วมันรู้สึกดีมากนะครับ เพราะในงานที่เราทำมันสามารถมอบความสุขให้กับคนหลายๆ คนได้ แล้วก็จะชอบมีน้องๆ ที่ยังเป็นเด็กอยู่เลยมาบอกว่า หนูน่ะสอบได้เพราะพี่พีคเลยนะ หนูบอกคุณพ่อคุณแม่ว่าหนูจะตั้งใจเรียน ถ้าสอบเข้าได้ จะมาติ่งพี่พีค ให้พ่อกับแม่มาส่ง แล้วพ่อกับแม่เขาก็มาส่งจริงๆ มาเล่าให้ฟังว่าลูกเขาพูดว่าอย่างนี้นะ หรือเวลาไปทานข้าวแล้วเจอคนมาบอกว่าดูละครเรานะ ชอบมากเลย เราก็ดีใจที่เขามีช่วงเวลาที่ดีได้จากผลงานของเรา

 

บางครั้งเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ของเราก็ทำให้เขามีวันดีๆ ไปทั้งวัน แล้วสิ่งที่เขามอบให้เรากลับมาตอบแทนที่เราทำให้เขามีความสุขมันเป็นความรู้สึกที่ยิ่งใหญ่มาก ก็เลยอยากจะขอบคุณเขาด้วยผลงานที่ต้องมีคุณภาพกว่าเดิม

มีวิธีจัดการเวลาอย่างไรให้งานมีคุณภาพขึ้นเรื่อยๆ ทั้งที่ภาระหน้าที่ก็เพิ่มขึ้นเหมือนกัน

         มันอยู่ที่ว่าใจเราสู้หรือเปล่าเลยครับ บางทีมันจะมีความขี้เกียจ ซึ่งทุกคนมีได้ พีคก็มี แค่ต้องสู้กับความรู้สึกนั้น อย่างเช่นถ้ามีเวลาบางทีแทนที่จะกลับบ้านเลย ก็แค่เอาเวลาตรงนั้นไปซ้อม หรือถ้ามีเวลาที่ไม่ได้ทำอะไรเลย ก็เอามาทำเพลง พีคก็ได้งานแล้วและมีความสุขกับการทำเพลงด้วย

Interviewed by Panicha Imsomboon

.

Photographer: Tanisorn Vongsonton

.

[Editorial]

Producer: Thunyares Phuboonrung

Project Coordinator: Wittawat Karpkert

Content Creator: Maytinee Teatananun

Project Manager: Pornnapat Suporn

Art Direction: Narin Machaiya

Group Editor-in-Chief: Top Koaysomboon