ฟีลเสน่ห์ของ summer ผ่านเพลงใหม่ของ Valentina Ploy ศิลปินที่หลงรักฤดูร้อน ฟ้าใส และแดดดีๆ
Valentina Ploy (วาเลนติน่า พลอย) หลงรักฤดูร้อนมากจนถึงขนาดที่เคยคิดว่า ถ้าวันหนึ่งเธอมีลูกสาว จะตั้งชื่อว่า ‘Summer’
เพราะมีฤดูร้อนเป็นฤดูโปรด จึงไม่น่าแปลกใจที่หลายๆ เพลงของศิลปินลูกครึ่งไทย-อิตาลีคนนี้จะพาคนฟังไปสัมผัสกับกลิ่นอายของฤดูนี้ผ่านตัวโน้ต และหนึ่งในนั้นก็คือ ‘Porsche’ ซิงเกิลล่าสุดของเธอที่ไวบ์ของเพลงเหมาะกับการใส่ไว้ในเพลย์ลิสต์ช่วงนี้เป็นพิเศษ
สำหรับพลอยแล้ว ช่วงที่ท้องฟ้าสดใสและแดดดีเป็นมากกว่าช่วงเวลาแห่งความสุข เพราะยังทำให้เธอมีแรงบันดาลใจในการนำเรื่องราวต่างๆ มาถ่ายทอดเป็นเพลงด้วย การฟังเพลงของพลอยในแง่หนึ่งจึงเหมือนกับได้อ่านไดอารี่ที่บอกเล่าความรู้สึกที่เธอมีต่อช่วงเวลาต่างๆ ในชีวิตผ่านบทเพลงอย่างจริงใจ
‘Porsche’ เป็นเพลงที่ทั้งตัวเพลงและมิวสิกวิดีโอให้ไวบ์ของฤดูร้อนชัดเจนมาก อยากให้ช่วยเล่าถึงที่มาของเพลงนี้
พลอยเขียนเพลงนี้ตอนไปเที่ยวอิตาลีกับที่บ้านเมื่อซัมเมอร์ปีที่แล้ว ปีนั้นมีญาติที่ไม่ได้เจอกันหลายปีมาหา เราก็เลยพาเขานั่งเรือออกไปเที่ยว จริงๆ ช่วงนั้นเป็นช่วงที่ค่อนข้างเครียดกับชีวิต ไม่แน่ใจว่าเราจะไปในเส้นทางไหนดีนะ แต่ในโมเมนต์นั้นที่ได้อยู่กับครอบครัวบนเรือรู้สึกว่ามีความสุขมากเลย ได้ร้องเพลง เล่นน้ำ คุยกันเกี่ยวกับเรื่องราวต่างๆ เลยมีแรงบันดาลใจในการเขียนเพลงนี้ขึ้นมา ทุกประโยคในเพลงมาจากวันนั้นทั้งหมด
โมเมนต์ที่เขียนเพลงนี้ไม่ได้ทำให้เราตัดสินใจได้ทันทีกับเรื่องที่คิดอยู่ แต่มันเป็นโมเมนต์ที่เราเลือกที่จะเป็นเพื่อนความไม่แน่นอน ความไม่รู้ในชีวิต มองว่าเรายังไม่รู้ก็ไม่เป็นไร อยู่กับความไม่รู้ก็ได้นี่ เนื้อเพลงจะมีท่อนที่ร้องว่า Let it drive you like a Porche. ก็คือให้หัวใจได้พาตัวเองไปเรื่อยๆ
ท่อนที่ร้องว่า Amor, I just want to be loved. ก็มาจากการคุยกันว่า อะไรที่สำคัญกับเราในชีวิต ซึ่งสุดท้ายเราแค่อยากได้ความรักเท่านั้นเอง
นอกจากภาษาอังกฤษและภาษาอิตาลีแล้ว ทำไมถึงเลือกใส่ภาษาสเปนในเพลงนี้ด้วย
พลอยชอบภาษาสเปนมาก พูดได้และเคยไปอยู่สเปนมาเกือบปี แล้วพอเอาภาษาสเปนมาใส่ในเพลง แทนที่จะพูดว่า Just follow your heart. ก็จะกลายเป็น Solo sigue tu corazon. ทำให้ฟังดูมีอะไรมากขึ้น มีลูกเล่น มีความเป็นตัวเราที่สนใจในเรื่องวัฒนธรรมสเปนและละตินอเมริกา
แล้วทะเลที่เราเห็นในมิวสิกวิดีโอนี้เป็นทะเลที่ไหน
ที่บางเสร่ค่ะ ตอนนี้เป็นศิลปินอิสระแล้ว มิวสิกวิดีโอนี้เลยเป็นทีมงานของพลอยเอง เช่าเรือแล้วก็ออกไปถ่ายกันเอง เพลงนี้เป็นเพลงที่สองในการเป็นศิลปินอิสระ เพลงแรกคือ ‘Cheers to Life’ แล้ววันที่ 15 พ.ค. ก็จะมีเพลงใหม่อีกเพลง ซึ่งพลอยว่าจริงๆ ในกระบวนการทำเพลงมันไม่ได้ต่างไปจากเดิมตอนที่มีค่ายเท่าไหร่ เพราะเราเขียนเพลงเอง ชอบทำอะไรๆ เองอยู่แล้ว อาจจะต่างที่เรื่องต้นทุน แต่ก็เราต้องสร้างสรรค์จากสิ่งที่เรามี ก็เป็นเรื่องที่ท้าทายแต่ว่าสนุกดี
ตอนก่อนจะปล่อยเพลง ‘Porsche’ ไม่กี่วัน พลอยโพสต์ใน Instagram ว่า “These lyrics hit me so hard these days more than ever.” อะไรในเพลงนี้ที่ทำให้รู้สึกแบบนั้น
ช่วงนั้นเป็นช่วงหลังจากที่เพิ่งเกิดแผ่นดินไหว วันนั้นพลอยกลัวมากแล้วก็เป็นช่วงที่มีเรื่องที่ไม่โอเคหลายเรื่องในชีวิต ก็เลยนึกถึงท่อนที่ร้องว่า Take a bite out of life. Every sunrise, every night, as true as this mountain. เพราะเราพยายามบอกว่า ใช้ชีวิตให้เต็มที่ไปเลย เพราะเราไม่รู้จริงๆ ว่าเราจะอยู่นานแค่ไหน
นอกจาก ‘Porsche’ แล้ว มีเพลงอื่นอีกไหมที่ยกเอาซัมเมอร์มาไว้ในทะเลแบบเพลงนี้
‘Cheers to Life’ ก็ใช่ เพราะเป็นเพลงที่แต่งใกล้ๆ กันตอนซัมเมอร์ปีที่แล้วซึ่งมีความสุขมาก หลังจากญาติกลับไปแล้วตอนนั้นพลอยมีเวลาแค่ 2 วันก่อนจะเดินทางไปอีกที่ แต่เป็น 2 วันที่พลอยแต่งเพลงได้เยอะมาก และเป็นเพลงที่ได้แรงบันดาลใจจากซัมเมอร์เดียวกัน มันเหมือนมีเวทมนตร์ที่ทำให้เราหลงรักในความรู้สึกว่า โอเค ไม่เป็นไร เราไม่รู้ว่าชีวิตจะไปทางไหนต่อ แต่โมเมนต์ในตอนนั้นมีความสุขก็พอ
‘Mr. Heaven Blue’ ก็เป็นอีกเพลงที่นึกถึงบรรยากาศซัมเมอร์ตอนแต่ง เพราะที่อิตาลี ช่วงซัมเมอร์ท้องฟ้าจะฟ้ามาก ทะเลก็ฟ้าสุดๆ เพลงนั้นเลยเป็นเพลงรักที่เปรียบเทียบคนที่เรารักกับความรู้สึกที่ได้มองทะเล มองฟ้า แล้วสีฟ้าเป็นสีที่พลอยชอบมากที่สุด
เวลาที่คนพูดกันว่า ไม่มีอะไรฤดูร้อนที่ไหนเหมือนกับฤดูร้อนในอิตาลี นอกจากท้องฟ้าและทะเลที่เล่าให้ฟังแล้ว มีอะไรที่พิเศษอีกไหมเกี่ยวกับฤดูร้อนของอิตาลี
ช่วงซัมเมอร์ของที่นั่นมันไม่ใช่แค่การไปเที่ยว แต่ด้วยวัฒนธรรมของคนที่นั่นแล้ว ทุกอย่างมันจะช้าลงหมดเลย คนจะไม่ค่อยได้อยู่กับโทรศัพท์ จะออกไปนั่งเล่น มองทะเล จิบดริงก์กับเพื่อน นั่งกินขนมปัง กินมอซซาเรลลากันริมทะเล และใช้เวลาพูดคุยกับคนที่เรารัก พลอยว่าเรื่องพวกนี้มันทำให้ซัมเมอร์ของอิตาลีพิเศษ เพราะเราโฟกัสอยู่กับเรื่องดีๆ ที่สำคัญกับเราจริงๆ อย่างครอบครัว เพื่อนๆ และธรรมชาติ
เราจะสามารถเจอพลอยได้ที่ไหนบ่อยๆ ในช่วงฤดูร้อน
น่าจะเป็นซอร์เรนโตนะคะ เมืองที่เป็นบ้านเกิดของพลอย เพราะเมืองนี้เล็กมาก ขับรถรอบเมืองก็น่าจะได้เจอกันสักที่ แล้วที่นั่นจะมีที่ที่พลอยชอบเป็นพิเศษ ชื่อ Regina Giovanna มีซากคฤหาสน์เก่า มีสระน้ำที่ล้อมรอบด้วยโขดหิน เราจะอาบแดดหรือจะกระโดดลงไปว่ายน้ำก็ได้ ถ้าไปที่นั่นก็น่าจะได้เจอพลอยอยู่แถวนั้นกับครอบครัวหรือเพื่อน
แต่ถ้าเป็นตอนเด็ก ช่วงซัมเมอร์จะหมายถึงเมืองไทย เพราะพอปิดเทอม แม่ก็จะพามาหายายที่โคราช เป็นความพิเศษไปอีกแบบ ชอบเหมือนกัน แต่ยายพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ ก็ต้องเว่าโคราชอย่างเดียว (หัวเราะ)
ชอบฤดูร้อนมากขนาดนี้ เพราะฉะนั้นถ้าให้เปรียบตัวเองเป็นฤดู ก็น่าจะเป็นฤดูร้อนใช่หรือเปล่า
แน่นอนที่สุดค่ะ เคยคิดว่าถ้ามีลูกสาวก็อยากจะตั้งชื่อว่า Summer พลอยว่าเป็นชื่อที่น่ารักดีสำหรับเด็กผู้หญิงนะ แล้วสำหรับตอนนี้ ซัมเมอร์ก็เป็นช่วงที่เราได้กลับบ้านที่อิตาลีด้วย ได้เจอคนที่เรารัก การใช้ชีวิตช้าๆ ของที่นั่นทำให้เราไม่เครียดและคิดอะไรออกหลายๆ อย่าง การได้อยู่กับตัวเองในบ้านที่เราโตมาก็เป็นการฮีลลิ่งรูปแบบหนึ่ง
พลอยคิดว่าการเกิดและโตที่ซอร์เรนโตมีอิทธิพลต่อการเขียนเพลงของตัวเองไหม
มีนะคะ คิดว่ามีตั้งแต่เรื่องภาษาที่ใช้ คำที่เลือกใช้เลย แล้วก็ประสบการณ์ชีวิตที่เจอด้วย เพราะเพลงที่พลอยเขียนทั้งหมดเป็นประสบการณ์ชีวิต เป็นความรู้สึกตัวเอง ก็เลยคิดว่ามันมีอิทธิพลมากๆ เพราะสิ่งแวดล้อมมันหล่อหลอมในสิ่งที่เราเป็น แล้วสิ่งที่เราเป็นก็หล่อหลอมสิ่งที่เราเขียนออกมาเป็นเพลงอีกที
ถ้า ‘Porsche’ กับ ‘Cheers to Life’ เป็นเพลงที่เขียนตอนมีความสุข แล้วมีเพลงไหนบ้างไหมที่เขียนขึ้นจากตอนเศร้า
ถ้าเศร้าที่สุดเป็นเพลงชื่อว่า ‘I’m OK’ อยู่ในอัลบั้ม PLOY ที่เป็นอัลบั้มเต็มชุดแรก พลอยเขียนเพลงนี้ตอนที่ชีวิตรู้สึกเศร้ามาก แล้วก็ไม่อยากบอกใครเลย เพราะทุกคนชินกับภาพที่เราแฮปปี้ ก็เลยบอกคนอื่นว่า ไม่เป็นไร เราโอเค แต่จริงๆ เราเก็บความเศร้าไว้ในใจ
เพลง ‘When You Almost Give Up’ นี่ก็ร้องไห้ตอนที่แต่ง เพราะเป็นช่วงที่เครียดมาก เครียดเรื่องงาน แต่หลังจากนั้นก็รู้ว่าจะได้เล่นเปิดคอนเสิร์ต Coldplay ที่เมืองไทย ก็เลยเขียนออกมาว่า “They say, when you almost give up, that’s when the magic happens.” พลอยเขียนเพลงนี้เพื่อให้กำลังใจกับตัวเองกับคนที่ได้ฟังให้ทำเรื่องที่อยากทำ โดยไม่ล้มเลิกความตั้งใจ
นอกจากฤดูร้อนปีที่แล้วที่บอกว่ามีความสุขมาก มีฤดูร้อนไหนที่พิเศษมากๆ จนอยากเล่าให้ฟังอีกไหม
มีค่ะ ซัมเมอร์ก่อนหน้านี้ 2 ปี เป็นช่วงที่รู้ว่าจะได้เล่นเปิดให้ Coldplay แล้วเป็นปีที่ได้เดินทางเยอะมาก ไปอังกฤษ อิตาลี และเกาะชื่อ Necker Island ที่อยู่ในแคริบเบียน ซึ่งเป็นทริปที่เหมือนความฝันมาก เพราะได้เจอ Ed Sheeran ในทริปนั้นด้วย เป็น 4-5 วันที่เราได้ใช้ชีวิตกับศิลปินคนโปรดของเรา
แต่กว่าจะได้บอกเขาว่าเราปลื้มเขามากคือวันสุดท้ายที่อยู่ที่นั่น วันแรกๆ พูดไม่ออก จนวันสุดท้ายก็เดินไปบอกว่า ขอโทษนะถ้าทำตัวแปลกๆ ใส่ ที่จริงเราเป็นแฟนคลับตัวยงของเขาเลย เขาคือนักแต่งเพลงที่ดีที่สุดในโลกสำหรับเรา ซัมเมอร์นั้นก็เลยพิเศษมากๆ
พลอยรู้ตัวว่าอยากเป็นนักร้องมาตั้งแต่ตอนไหน
อยากเป็นนักร้องมาตลอดค่ะ เวลาใครถามว่าอยากเป็นอะไร ก็จะตอบว่าอยากเป็นนักร้องตั้งแต่เด็กเลย ทั้งที่ขี้อายมากจนแม่พูดว่า ขี้อายขนาดนี้จะเป็นได้เหรอ แต่สุดท้ายก็เป็นแล้วค่ะ แต่งเพลงก็แต่งมาตั้งแต่เด็กเหมือนกัน มีเพลงที่แต่งตอนอายุ 6 ขวบ ชื่อเพลงว่า ‘Lucky’ แต่งให้หมาของเพื่อน แล้วก็ร้องเพลงกับเพื่อนเป็นดูโอ พอโตขึ้นมาเริ่มแอบชอบหนุ่มๆ ก็เริ่มเขียนเรื่องเหล่านี้ลงไดอารี่และเอามาเขียนเป็นเพลง
เวลาพลอยแต่งเพลง พลอยไม่คิดว่าเราทำเพลงเพราะต้องทำงานนะ เพราะเพลงเป็นเหมือนไดอารี่ของเรา ในไดอารี่ก็จะเขียนเรื่องราวที่เจอ ที่รู้สึกไว้ตลอด พอจะเขียนเป็นเพลงก็รวบรวมจากที่เขียนไว้ในไดอารี่ การเขียนเพลงเลยเป็นเหมือนการบำบัดของเรา แล้วพอร้องออกมาก็รู้สึกดีกับมัน เพราะฉะนั้นถ้าฟังเพลงทั้งหมดของพลอยก็จะเหมือนได้อ่านไดอารี่ของพลอยด้วย ฟังแล้วรู้เลยว่าชีวิตช่วงไหนผ่านอะไรมา
แม้แต่เวลาอกหักด้วยหรือเปล่า
ค่ะ เขียนตลอด การเขียนเพลงเหมือนเป็นการทำให้สิ่งที่เกิดขึ้นกับชีวิตเรามันเข้าที่เข้าทางมากขึ้น พอได้แต่งเพลงก็รู้สึกดีแล้วก็คิดว่า อย่างน้อยที่เจ็บก็ไม่เสียเปล่าหรอกมั้ง เพราะก็กลายเป็นเพลงออกมาให้เราได้ฟัง ให้คนอื่นได้รู้สึกดีขึ้น แล้วเดี๋ยวมันก็หาย
เวลาเราได้เขียนความรู้สึกเราออกไปเหมือนเป็นการประมวลความรู้สึกบางอย่างด้วยว่า อ๋อ ฉันรู้สึกแบบนี้นี่เอง เข้าใจแล้ว พอเราทำความเข้าใจกับความรู้สึกของตัวเองก็จะช่วยให้เรายอมรับและผ่านเรื่องที่เจอไปได้
ทุกวันนี้ได้เป็นนักร้อง-นักแต่งเพลงอย่างเต็มตัวแล้ว มีอะไรที่ยังอยากทำหรืออยากเป็นอีกไหม
ถ้ามีอะไรเข้ามาก็อยากลองทุกอย่างเลย ไม่ปฏิเสธ ทุกวันนี้รู้สึกว่าตัวเองโชคดีมากที่ได้ทำอาชีพที่รักที่สุดในโลกอย่างการเป็นศิลปิน พลอยเลยอยากเติบโตไปกับอาชีพนี้ อยากไปทัวร์หลายๆ ที่ อยากมีเวิลด์ทัวร์ อยากพัฒนาตัวเองให้มากขึ้นในงานนี้
.
Interviewed by Panicha Imsomboon
.
Model: Valentina Ploy
Clothes: Aprilpoolday
Photographer: Tanisorn Vongsonton
.
[Editorial]
Project Coordinator: Wittawat Karpkert
Content Creator: Maytinee Teatananun
Project Manager: Pornnapat Suporn
Art Direction: Narin Machaiya
Group Editor-in-Chief: Top Koaysomboon