do you remember the first time?

cover story

 

 

ย้อนกลับไปเมื่อปี 2548 โอ๋และจีนใช้นามสกุล ฟูตอง ร่วมกันครั้งแรกในสตูดิโออัลบั้มชุดที่สอง Love Bites เมื่อโอ๋ นักร้องนำของวงสไตรีนจังเกิล (Styrene Jungle) ในขณะนั้นก้าวเข้ามาเป็นสมาชิกใหม่ของวงฟูตอง ในเวลาเดียวกับไซมอน กิลเบิร์ต มือกลองวงซูเอด (Suede) สมทบกับสมาชิกดั้งเดิมคือ โมโมโกะ เดวิด บี และจีน กลายเป็นวงอินดี้สหประชาชาติที่นำซาวด์แบบอิเล็กโทรแคลชมาเติมสีสันให้กับวงการเพลงไทย ซึ่งถือเป็นสิ่งแปลกใหม่ในขณะนั้น ไม่นับรวมลุคของสมาชิกแต่ละคนที่เปรี้ยวซ่าก๋ากั่นกันอย่างถึงอกถึงใจจนกลายเป็นวงอินดี้ที่ได้รับการจับตามองในบ้านเราและสร้างชื่อเสียงไปไกลถึงต่างแดน “ชีวิตในช่วงนั้นสนุกมาก (ลากเสียงยาว) ไปอยู่อังกฤษเป็นเดือนๆ ไม่เห็นได้ทำอะไรเลย เล่นแค่สี่ครั้ง อาทิตย์ละหน แล้วก็บินไปเบอร์ลิน ชีวิตร็อกแอนด์โรล” โอ๋จั่วประเด็นเล่าเรื่องในอดีตเคล้าเสียงหัวเราะร่า จีนสานต่อว่า “เราเดินทาง ไปต่างประเทศกันบ่อยมาก อย่างญี่ปุ่นไปบ่อยจนมีอยู่ช่วงหนึ่งเบื่อมาก แทบจะอยากอยู่แต่ในโรงแรม ไม่อยากออกไปไหน แล้วโอ๋ก็ได้ถ่ายแฟชั่นลง NYLON ญี่ปุ่นด้วย” นี่คือสิ่งที่เราบอกมาตั้งแต่ต้น อันที่จริง ใน NYLON THAILAND ฉบับแรก เราเลือกโอ๋และจีนอยู่ ในกลุ่ม Influencers หรือบุคคลที่มีสไตล์การแต่งตัวเป็นเอกลักษณ์ อีกทั้งจีนยังได้รับเชิญเป็นศิลปินมาร้องเพลงเปิดงานที่สร้างความเกรียวกราวได้ไม่น้อย ถึงขนาด มาร์วิน สกอตต์ จาร์เร็ตต์ ผู้ก่อตั้งและบรรณาธิการบริหาร NYLON ของอเมริกายังเอ่ยปากชม

 

 

โอ๋ในลุคผมหน้าม้าสีดำขลับและลิปสติกสีแสบสันต์อย่างที่เราคุ้นตา นั่งคุยกับจีนที่ตัดผมสั้น ย้อมสีทอง และอยู่ในลุคของร็อกเกอร์หนุ่ม สะท้อนภาพบางมุมของทั้งคู่ที่เคยร่วมทำงานเพลงด้วยกันในอัลบั้มสุดท้ายของวงฟูตองที่ชื่อ Pain Killer ตั้งแต่เมื่อราว 6 ปีก่อน โอ๋เล่าถึงคอนเสิร์ตหนึ่งที่ลืมไม่ลงว่า “ตอนนั้นเราได้ไปเล่นที่เบอร์ลิน รอบแรกเป็นงาน Gay Pride ก็ว่าคนเยอะแล้วนะ แต่วันรุ่งขึ้นเราก็ได้ขึ้นเล่นอีกรอบในงานถ่ายทอดสดฟุตบอลยูโรปี 2008 เยอรมันแข่งกับสเปน ดูสิฉันยังจำได้” โอ๋เล่าด้วยน้ำเสียงที่ตื่นเต้นราวกับเหตุการณ์เพิ่งผ่านไปไม่นาน “มีคนมาดูกันทั่วเมือง ประมาณครึ่งล้านได้ มองเห็นสุดลูกหูลูกตา เพราะเขามารอดูฟุตบอลที่ฉายบนจอใหญ่ แต่ก็มีวงดนตรีเปรี้ยวๆ มาเล่นกันเยอะมากก่อนที่ฟุตบอลจะเตะ และเราก็ได้เล่นกันสองเพลง แล้วขึ้นกันแค่สองคนด้วย ไม่ใช่ทั้งวง ครั้งนั้นมันสุดยอดจริงๆ”
จีนสารภาพว่าดีใจมากเมื่อครั้งที่รู้ว่าโอ๋จะมาเป็นสมาชิกใหม่ของฟูตอง เหตุผลแรกคือเรื่องภาษา “ดีจังเลย มีคนไทยเข้ามาเพิ่มขึ้น เพราะบางทีฉันก็ขี้เกียจพูดภาษาอังกฤษตลอดเว’” จีนอธิบาย โอ๋รีบสวนกลับว่า “ฉันก็ดีใจนะ เพราะในวงมีแต่ฝรั่ง เวลามีอะไรก็ต้องหันไป ‘จีนๆ เขาพูดว่าอะไรเหรอ ฉันฟังไม่ทัน’” ทั้งคู่หัวเราะเสียงดัง ก่อนที่จีนจะพูดถึงเหตุผลที่สองคือเรื่องสไตล์การแต่งตัว “เวลารู้ว่าจะไปเมืองนอกเราชอบคุยกันว่าเราจะใส่อะไรกันดี” โอ๋หัวเราะและพยักหน้าเห็นด้วย “มันเลยทำให้เราสนิทกันมากขึ้น จริงๆ แล้วเราทั้งคู่เป็นคนที่ต๊องพอสมควร ก็เลยคุยกันรู้เรื่อง คลิกกันตั้งแต่แรก แล้วโอ๋เขามีความรับผิดชอบสูงมาก เขาไม่ดื่ม เขาจะไม่ไปสายเรา” จีนพูดไปขำไป “โอ๋เขามาสายคลีน เลยขออยู่กับมันดีกว่า จะได้เอามาบาลานซ์กับเรา” ทั้งคู่หัวเราะไม่หยุด

 

 

สาวอารมณ์ดีที่เปลี่ยนนามสกุลมาตั้งแต่โจอี้ บอย จนถึงสไตรีนจังเกิล และมาจบลงที่ฟูตอง เอ่ยปากพูดถึงจีนว่า “ถ้าใครรู้จักจีนจริงๆ จะรู้ว่าเขาแตกต่างจากตอนที่ขึ้นร้องเพลงบนเวที ไม่ว่ารูปลักษณ์ภายนอกเขาจะเปลี่ยนไปขนาดไหน แต่จริงๆ แล้วเขาเป็นคนหวาน เป็นคนซอฟต์” คงปฏิเสธไม่ได้ว่าจีน-กษิดิศ ถูกย้อมด้วยภาพลักษณ์ของนักท่องปาร์ตี้ยามราตรี แต่หากเธอมีเวลาว่างก็มักเก็บตัวอยู่ในบ้าน เพลินใจไปกับการดูแลสวนและอ่างเลี้ยงปลา “เวลาอยู่บ้านเราก็จะพักผ่อนเต็มที่ แต่ถ้าออกไปทำงานหรือออกไปซิ่งเราก็จัดเต็มเหมือนกัน” จีนกล่าว

 

จีน-กษิดิศ กำลังจะมีสตูดิโออัลบั้มชุดที่ 2 ใช้ชื่อว่า Blonde ที่ตอนนี้ปล่อยซิงเกิลออกมาแล้วสามเพลงคือ “รักสนุก”, “เก็บคำว่ารัก” และ “แค่อยากจะขอ…xoxo” โดยยังเน้นแนวเพลงอิเล็กโทรป๊อป ผสานซาวด์เปรี้ยวล้ำ แบบยุค 1980’s บวกกับบีตที่ทันสมัยในปัจจุบัน “เนื้อหาของอัลบั้มนี้พูดถึงผู้หญิงผมบลอนด์ที่ออกไปเที่ยวกลางคืน ได้พบเห็นเรื่องราวหรือความสัมพันธ์ ในแบบที่หลายคนไม่เคยเห็น” จีนพูดถึงอัลบั้มนี้ที่จะออกในช่วงปลายปีซึ่งเธอจะมาในลุคสาวผมบลอนด์ “วันไหนเราอยากแต่งหรูก็หรู วันไหนอยากวีนก็วีน เหมือนเรามีความสุขกับเสื้อผ้าเซ็ตใหม่ มันสร้างความแปลกใหม่ให้กับตัวเอง แต่ไม่มีกฎเกณฑ์ว่าเดี๋ยวจะเป็นบอย เดี๋ยวจะเป็นหญิง ตอนนี้เราเริ่มเข้าใจแล้วว่าตัวเองชอบสร้างความปั่นป่วนให้กับชาวบ้านว่า เดี๋ยวมันจะมาไม้ไหน ซึ่งมันก็ตื่นเต้นดี ไม่แน่นะวันนึงเราอาจจะลุกขึ้นมาใส่เสื้อยืดธรรมดาก็ได้”

 

 

ในช่วงบ่ายของวันนี้ จีนและโอ๋สวมวิญญาณคู่รักพังค์ร็อกแบบซิดและแนนซี่ จากวงเดอะเซ็กส์พิสทอลส์ กระโดดโลดเต้นกันอยู่บนโซฟา บนชั้น 3 ของร้าน Grease ย่านทองหล่อ สาวที่ทำงานบันเทิงรอบด้านตั้งแต่วาดรูป เขียนหนังสือ ทำงานศิลปะ และเป็นสไตลิสต์อย่างโอ๋ สารภาพว่าเธอโหยหาตัวโน้ตอยู่ไม่น้อย หลังห่างหายจากการทำเพลงมานานกว่าสองปี แม้ตอนนี้เธอกำลังซุ่มทำเพลงอยู่แต่ก็ยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง เพราะเวลาของเธอมักหมดไปกับการเขียนหนังสือท่องเที่ยวที่คลอดออกมาแล้วหลายเล่ม “โอ๋รู้สึกว่างานเพลงเป็นงานที่รีแลกซ์สำหรับโอ๋ มันต้องออกมาจากจิตใต้สำนึกจริงๆ เราบังคับตัวเองให้ทำไม่ได้” โอ๋อธิบาย หลังเสร็จสิ้นการถ่ายแฟชั่นในวันนี้ไม่กี่ชั่วโมง โอ๋จะบินไปนิวยอร์กเพื่อท่องเที่ยว และหลังจากนี้ไม่กี่เดือน เราน่าจะได้เห็นงานเขียนเล่มใหม่ของโอ๋แน่นอน “โอ๋เป็นคนโชคดีนะ ได้ทำอะไรที่ตัวเองสนใจและมีความสุข ทุกวันนี้ไม่เคยรู้สึกเลยว่าต้องทำงาน เพราะได้ทำเรื่องที่เราสนใจอยากทำ” โอ๋พูดด้วยน้ำเสียงสดใส

 

 

นอกจากโพสท่าแบบไม่มีใครยอมใครในการถ่ายแฟชั่นแล้ว โอ๋และจีนจะขึ้นเวทีร่วมกันเป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปี ทั้งยังชวนบี มือกีตาร์มาแจมด้วยอีกคนในงาน Music Night Out ครั้งแรกของ NYLON THAILAND จีนจบบทสัมภาษณ์ด้วยการยิงคำถามใส่โอ๋ว่า “เธอไปหาเบสให้เจอเถอะ ทิ้งเบสไปจับพู่กันซะนาน” โอ๋หัวเราะร่อ ก่อนตอบว่า “ไม่รู้ตอนนี้เก็บอยู่ที่ไหนแล้ว”

0 replies

Leave a Reply

Want to join the discussion?
Feel free to contribute!

Leave a Reply