eternal journey

แม้ในระหว่างที่ขนตากำลังถูกปัดมาสคาร่า แต่สาว อารมณ์ดี ยิปโซ-รมิตา มหาพฤกษ์พงศ์ คุยจ้อ ได้ตั้งแต่เรื่องงาน การเรียน ครอบครัว ความรัก จนถึงแฟชั่นและมะเขือเทศ

 

ในวันที่เราถ่ายแฟชั่นเซ็ตนี้ เพิ่งจะเลยวันเกิดของยิปโซไปได้ไม่กี่วัน สาววัย 24 ปีหมาดๆ บอกว่าไม่ได้จัดงานเลี้ยงวันเกิดใหญ่โตที่ไหน หรืออันที่จริง “แทบไม่เคยจัดงานวันเกิดเลยด้วยซ้ำ” เธออยู่กับครอบครัวที่บ้านและร่วมโต๊ะอาหารที่พร้อมหน้าด้วยปาป๊า มาม้า และเจ่เจ๊ (ยิปซี-คีรติ มหาพฤกษ์พงศ์) วันนี้สาวงานชุกปลีกตัวจากการเป็นพิธีกรรายการซิสเตอร์เดย์ อายุน้อยร้อยล้าน และสาระแน รวมถึงโปรเจ็กต์หนังอีกสองเรื่อง เรื่องหนึ่งอยู่ในขั้นตอนของโพสต์โปรดักชั่น ส่วนอีกเรื่องหนึ่งรอเปิดกล้อง แต่เราพบเธอ (หรืออีกนัยหนึ่งคือได้ยินเสียงเธอ) ได้บ่อยกว่าทางคลื่นแฟตเรดิโอจากการเป็นดีเจในช่วงเช้าวันจันทร์ถึงศุกร์ นั่นหมายถึงยิปโซเพิ่งจัดรายการเสร็จก่อนจะบึ่งรถมาที่สวนสยาม โลเกชั่นสำหรับถ่ายแฟชั่นครั้งนี้

 

 

แม้หลายคนจะมองเธอว่าเป็น ‘สาวติสต์’ แต่ยิปโซ แสดงความเคารพนบนอบและเป็นกันเองกับทีมงานทุกคนตั้งแต่แรกพบ หลายครั้งที่มีการขนย้ายอุปกรณ์และเสื้อผ้าไปถ่ายภาพในแต่ละที่เธอยังอาสาช่วยถือด้วยซ้ำ เรานั่งคุยกับยิปโซขณะที่ช่างแต่งหน้ากำลังเติมเมกอัพบนใบหน้าซึ่งเธอยินดีเป็นอย่างยิ่ง ถ้าไม่ติดว่า “ยิปอาจไปช้าหน่อย เพราะถ้าทำอะไรสองอย่างพร้อมกันจะสับสน” เธอหมายถึงการแต่งหน้าและคุยไปด้วย “ยิปทำได้ดีทีละอย่าง” อย่างเช่นการเล่นอินสตาแกรม แต่ไม่เล่นเฟซบุ๊กเป็นต้น อินสตาแกรม @GYPSO_RAMITA ของเธอมีผู้ติดตามกว่า 3 แสนคน ขณะที่เฟซบุ๊กของเธอนั้นมีแฟนคลับทำให้ “ยิปไม่ใช่คนติดอะไรพวกนี้ ไม่ใช่คนอัพโน่นอัพนี่ ไม่ใช่คนนั่งดูยูทูป ยิปเลยเป็นหนึ่งในคนกลุ่มน้อยที่ยังไม่ได้ดูฮอร์โมนสักที”

 

นอกเหนือจากงานในวงการบันเทิงแล้ว เธอกำลังวางแผนเปิดร้านขายเครื่องประดับที่ทำจากหินร่วมกับเพื่อนสนิท เต้ย-จรินทร์พร จุนเกียรติ “ถ้าผ่าสมองของยิปกับเต้ยออกมาดูแล้ว หน้าตาน่าจะเหมือนกัน” ยิปโซกล่าวพร้อมหัวเราะในลำคอ เพราะไม่สามารถขยับใบหน้าได้ มิฉะนั้นมาสคาร่าอาจเลอะขอบตา “เราชอบพูดอะไรที่ตรงกันหลายเรื่อง ชนิดต่อประโยคกันได้เลย เราเลยช่วยกันคิด ช่วยกันดีไซน์” อีกหนึ่งโปรเจ็กต์ของยิปโซที่ฟังดูแปลกแต่ (เอา) จริงก็คือการไว้ผมยาวเพื่อตัดไปทำวิกผมบริจาคให้ผู้ป่วยโรคมะเร็ง “ยิปวางแผนเรื่องนี้มานานแล้ว แต่ด้วยเรื่องของงานหนังที่ต้องมีการคอนทินิว ทำให้เรายังไม่สามารถทำเรื่องนี้ได้” สาวผมหนากล่าวว่าเธอไม่ได้คิดบริจาคผมของเธอคนเดียว แต่อยากเป็นโต้โผในการจัดตั้งโครงการนี้ขึ้นมาเพื่อให้กลุ่มวัยรุ่นได้เข้าร่วม “ความจริงแล้วมันไม่เกี่ยวกับผู้ป่วยโรคมะเร็งอย่างเดียวนะคะ แต่มันเป็นเรื่องของการปลูกฝังวัฒนธรรมการให้มากกว่า ยิปว่าการให้ขั้นพื้นฐานที่ถูกต้องที่สุดคือให้ในสิ่งที่เรามีกำลังให้ และให้แก่คนที่ควรให้ ซึ่งเส้นผมเป็นสิ่งที่เรามีอยู่แล้วและมันก็ต้องขึ้นมาอีก” ยิปโซพูดหนักแน่นว่าเธอตั้งความหวังไว้กับโปรเจ็กต์นี้ค่อนข้างสูง และเธอจะตัดผมทันทีเมื่อได้รับการคอนเฟิร์มว่าหนังที่ถ่ายไปแล้วเสร็จเรียบร้อยดี

 

ยิปโซเป็นคนกรุงเทพฯ แต่กำเนิดและเติบโตมาในครอบครัวหัวสมัยใหม่ “มาม้าเป็นคนน่ารัก ยิปคุยกับเขาได้เหมือนเพื่อน ปาป๊าก็ขี้เล่น แต่เวลาดุก็เอาจริง” ยิปโซเล่าถึงครอบครัว “ส่วนเจ่เจ๊ (ยิปซี) ตอนเรียนมหา’ลัยไม่ค่อยสนิทกัน เพราะเป็นช่วงที่เราต่างติดเพื่อน อีกอย่างเจ๊เขาจะสวยน่ารักเป็นเชียร์ลีดเดอร์ ส่วนหนูจะเป็นพวกนั่งกรีดพู่ เอาลูกปัดใส่ขวดแล้วเขย่า” และหากย้อนไปในวัยเด็ก ยิปโซบอกว่า “หนูเป็นเด็กที่หน้าตาไม่น่าเล่นด้วยเลย” เราและช่างแต่งหน้าหัวเราะ แต่เธอย้ำว่าจริงพร้อมพรรณนาต่อว่า “หนูเป็นเด็กที่คนเดินผ่านในห้างแล้วจะเดินผ่านไปเลย ไม่ได้เข้ามาแบบว่า ‘อุ๊ย น่ารักจังเลย’ หนูเป็นตัวละครเสริมเอาไว้อุดรูให้เต็มจอภาพ” เธอเล่าด้วยน้ำเสียงสนุกสนาน “แต่หลังจากที่เข้าวงการบันเทิง เราก็สนิทกันกว่าเดิม เพราะมีเรื่องให้คุยกันมากขึ้น”

 

เมื่อช่วงต้นปี สาวหมวยคนนี้ตกเป็นข่าวในการลาออกจากคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทั้งที่ร่ำเรียนมาแล้วสามปี เมื่อถามถึงประเด็นนี้ เธอเล่าว่า “ความจริงเรื่องนี้เกิดขึ้นนานแล้ว ตอนที่เป็นข่าวยิปก็ออกมาปีนึงแล้ว” ยิปโซหยุดพูดและหันไปเอ่ยปากกับช่างแต่งหน้าด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “ขอโทษนะคะที่หนูพูดใส่หน้าพี่ตลอดเวลา” ก่อนจะเล่าต่อว่า “จริงๆ มันเป็นเรื่องของทางเลือก ยิปไม่ได้บอกว่านี่เป็นทางเลือกฉัน ใครอย่ามายุ่ง แต่ทางเลือกของยิปมันอาจเหมือนหรือต่างจากคนอื่นก็ได้ ยิปคำนวณจากการใช้ชีวิตของตัวเองแล้วว่ามันไม่เวิร์ก ไม่ใช่เอะอะออกเลย ยิปคิดเรื่องนี้มาตั้งแต่ปีหนึ่งแต่ก็พยายามฝืนมาเรื่อยๆ” จนสุดท้ายในปีที่สาม เธอตัดสินใจลาออกและหันมาเรียนที่มหาวิทยาลัยลอนดอนผ่านอินเทอร์เน็ต กระนั้นก็ยังพูดย้ำว่า “มันไม่ได้ผิดที่คณะหรือสถาบัน มันแค่ไม่เหมาะกับยิป เอาเข้าจริงๆ มันไม่มีหรอกว่าเรียนที่ไหนดีที่สุด มันมีแค่ว่าเรียนที่ไหนใช่ที่สุดสำหรับคุณ”

 

ในรอบ 4 ปี ยิปโซมีผลงานภาพยนตร์ 5 เรื่อง และทุกบทบาทที่เราเห็นบนจอก็หนีไม่พ้นสาวอารมณ์ดี ช่างจ้อ และแอบแบ๊วเล็กๆ แต่ความจริงแล้ว “ยิปไม่ได้เป็นคนตลกขนาดนั้น คือโดยรวมไม่คิดว่าตัวเองเป็นคนตลก แต่คนชอบมองหน้าแล้วหัวเราะ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม” เธอพูดจบก็หัวเราะ และนี่อาจเป็นคำตอบว่าทำไมคนที่คุยกับเธอถึงรู้สึกอารมณ์ดี แต่ใครว่านางเอกสุดแบ๊วจะเป็นแฟชั่นนิสต้าไม่ได้ พิสูจน์จากความถี่ในการเป็นนางแบบนิตยสารแฟชั่น รวมทั้งเป็นหนึ่งในดาราสาวผู้มีสไตล์การแต่งตัวที่เป็นเอกลักษณ์ “ยิปโชคดีที่พอมาทำงานตรงนี้ ทำให้ได้ลองแต่งตัวหลายรูปแบบ ยิปค่อนข้างเป็นกิ้งก่า สามารถแต่งได้หลายแบบมาก แล้วเวลาการแต่งหน้าเปลี่ยนไป หน้าก็จะเปลี่ยนไปเลย ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไม” แต่เธอยอมรับอย่างไม่อายว่าเคยแต่งตัวพลาดเหมือนกัน “มีอยู่ช่วงหนึ่งเราเคยแต่งตัวแบบตั้งใจแต่งให้เยอะๆ เพราะยิปคิดว่าถ้าเราแต่งตัวถูกกาลเทศะแล้วก็ควรจะสนุกกับมันให้เต็มที่ แต่บางทีมันก็ไม่ใช่” และสิ่งเดียวที่เธอจะไม่ยอมให้พลาดคือการแต่งตัวโป๊ “เวลาเห็นเด็กสมัยนี้ที่แต่งตัวค่อนข้างน้อยชิ้น ยิปก็รู้สึกเป็นห่วง เพราะว่ามันไม่ใช่เรื่องของแฟชั่นอย่างเดียว แต่มันมีเรื่องความปลอดภัยเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย” แล้วเรื่องแฟชั่นแบรนด์เนมล่ะ “ยิปไม่ติดแบรนด์ตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว พูดแล้วเหมือนดูดีนะ ‘ฉันไม่ติดแบรนด์’ แต่เปล่าหรอก ยิปไม่มีความรู้เรื่องแบรนด์เลยค่ะ” เธอหัวเราะ “แต่ยิปไม่ได้ต่อต้านนะ ยิปเชื่อว่าคนทำแบรนด์ทุกแบรนด์มีความตั้งใจหมด เพียงแต่เสียงดังเสียงเบาไม่เท่ากัน แล้วดีไซเนอร์ไทยเก่งๆ ที่ทำเสื้อผ้าออกมาและตั้งราคาสูง ยิปว่ามันก็สมควรแล้ว ในเมื่อเราสามารถจ่ายเงินซื้อของฝรั่งได้ ทำไมเราจะจ่ายของบ้านเราบ้างไม่ได้” ไม่น่าแปลกใจที่แหล่งช้อปปิ้งสุดเจ๋งในโลกของยิปโซคือสวนจตุจักร สยามสแควร์ จนถึงยูเนียนมอลล์ หรือตีความง่ายๆ ว่าที่ไหนก็ได้ที่มีสินค้ามือสอง

 

“ทุกวันนี้ดีที่แฟชั่นมือสองเริ่มกลับมา มันทำให้คนมีทางเลือกในการแต่งตัวให้สนุกสนานด้วยราคาที่ถูกลง นี่คือเหตุผลที่ยิปชอบใส่มือสองมาตั้งแต่แรก สมมุติว่ายิปมีตังค์อยู่พันนึง ยิปไม่ได้ต่อต้านแบรนด์นะ แต่ถ้ายิปเข้าไปในร้านเขา ยิปซื้อได้ตัวเดียวหรือไม่ถึงตัวด้วยซ้ำ แต่ถ้ายิปเข้าไปในร้านมือสองนะ” น้ำเสียงเธอเริ่มสูงขึ้นพร้อมทำมือไม้ประกอบ “โอ้โห มันคือโลกมหัศจรรย์ เราซื้อได้เป็นสิบชิ้นอ่ะ” แต่ยิปโซก็สารภาพว่าไอเท็มเดียวที่เธอยอมจ่ายเงินด้วยตัวเลขที่ค่อนข้างสูงคือหมวก “แต่ก็ไม่ใช่ใบละเป็นหมื่นนะคะ สามสี่พันยิปก็เสียดายแล้ว”

 

ใครจะเชื่อว่าสาวสวยหน้าหมวยสเปกหนุ่มไทยขนาดนี้จะไม่ค่อยมีคนมาขายขนมจีบ “ยิปมีดวงที่ไม่ค่อยมีคนเข้าหามากนัก นานๆ ทีก็มีคนเข้ามาคุยบ้าง แต่ถ้าไม่เวิร์กเราก็จบ” เป็นเพราะเราเลือกมากหรือเปล่า ยิปโซสวนกลับทันทีว่า “ถึงยิปจะมีคนให้เลือกน้อย แต่ยิปเชื่อว่าเรื่องนี้ควรจะเลือกมาก เราไม่ควรเรื่องน้อยเลยกับเรื่องนี้ เพราะเราต้องตัดสินใจให้คนคนหนึ่งเดินเข้ามาในวงกลมชีวิตของเรา” ยิปโซยอมรับว่าถ้าเริ่มคุยกับใครแล้วไม่คลิกก็เลือกที่จะไม่สานต่อ “ยิปรู้สึกว่าคนที่จะเข้ามาคบกันได้ มันควรจะช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ไม่ใช่…” เธอนิ่งไปสักพัก แล้วโพล่งขึ้นว่า ‘5 4 3 2 เอาใหม่นะคะ’ เธอเล่นเอาเราตามแทบไม่ทัน “ยิปรู้สึกว่ามันไม่ควรจะหนัก ไม่ว่าจะฝั่งใครก็ตาม ถ้ายิปยังไม่เจอคนที่คุยกันแล้วมีความสุข ยิปเอาเวลาไปอยู่กับปาป๊า มาม้าดีกว่า เพราะเวลาของคนเรามันมีจำกัด” แล้วเธอก็ปิดประเด็นด้วยเสียงดังฟังชัดว่าตอนนี้หัวใจยังโล่ง

 

ถ้ายิปโซไม่ได้เป็นยิปโซอย่างทุกวันนี้ ภาพฝันในชีวิตที่สาวคนนี้วาดไว้คือ “ไม่ต้องทำงานและมีฟาร์มเป็นของตัวเองบนภูเขา” เธอคิดกระทั่งจะตั้งชื่อวัวว่า ‘เอ็ดดี้’ แต่ภาพฝันที่กำลังเกิดขึ้นในหัวของเราถูกทำลายไปในทันทีเมื่อเธอเล่าต่อว่า “มีอยู่ช่วงนึงยิปเคยบ้าปลูกต้นไม้ ปลูกมะเขือเทศไว้ที่ระเบียงห้อง แต่มันก็ไม่ออกผล จนคนเรียกว่า ‘มะเขือเทย’ หนูเลยไม่ปลูกแล้ว” เธอจบบทสนทนาด้วยเสียงหัวเราะร่วน


เรื่อง: ณัฐวุฒิ แสงชูวงษ์

0 replies

Leave a Reply

Want to join the discussion?
Feel free to contribute!

Leave a Reply