I’m A New Yorker เรื่องเล่าจากนิวยอร์กเกอร์ในมหานครแห่งแรงบันดาลใจ

หากมีการจัดอันดับสถานที่ในฝันที่ชีวิตนี้ต้องไปสักครั้ง เราเชื่อว่า ‘ นิวยอร์ก’ คือมหานครจะต้องติดอยู่ในรายชื่อต้นๆ ของใครหลายคนแน่นอน เพราะนอกจากกิจกรรมอย่างคูลๆ อย่างการแวะช้อปปิ้งที่ ฟิฟต์ อเวนิวหรือเดินเล่นชมวิวที่สวนเซ็นทรัล พาร์ค แล้ว ‘นิวยอร์ก’ยังเป็นมากกว่าเมืองท่องเที่ยวสุดชิค เพราะที่นี่คือมหานครที่เป็นแหล่งแรงบันดาลใจชั้นเยี่ยม สำหรับผู้คนที่มาไขว่คว้าหาโอกาส เพื่อสร้างทั้งผลงานและทำความฝันให้เป็นจริง

.


shutterstock_199319276 (Custom)

.

.

วันนี้เราขอพา 4 คนไทยที่พกความฝันมาเกินร้อยพร้อมบอกเล่าประสบการณ์การเป็น ‘นิวยอร์กเกอร์’ อย่างเต็มรูปแบบ จับเข่าคุยถึงเรื่องราวในมหานครที่เต็มไปด้วยความฝันแห่งนี้ ไปดูกันดีกว่า ‘นิวยอร์ก’ ได้ให้อะไรกับพวกเขาบ้าง

 

 

 

ป๊อก ไพโรจน์ (Artist)

 

         “นิวยอร์กของผมก็เหมือนเกมเครื่องหนึ่งที่มีแผ่นเกมหลากหลายแบบให้เล่นได้ไม่มีวันเบื่อ ส่วนกรุงเทพก็เป็นเหมือนบ้านของผมที่เอาไว้พักผ่อน แต่เมื่อเราพักจนหายเหนื่อยก็จะกลับไปเล่นเกมอีกครั้ง เพราะทุกปีจะมีเกมใหม่ๆ ออกมาให้เราสนุกอยู่เสมอ”

.

 

IMG_6301-14-12-16-07-56

.

.

.

ป๊อก ไพโรจน์ คือหนึ่งในคนที่มีความฝันอยากจะเป็นศิลปินและได้เริ่มต้นตามล่าความฝันของเขาที่มหานครนิวยอร์ก โดยป๊อกเป็นศิลปินสตรีทอาร์ตที่สร้างสรรค์ผลงานออกมามากมาย แต่ที่สร้างชื่อให้กับนักเล่นเกมศิลปะคนนี้ต้องยกให้ผลงาน Positivity Scrolls กับการออกไปวาดภาพคนไร้บ้านตามตรอกซอกซอยของนิวยอร์กลงบนผืนผ้าใบ พร้อมช่วยเหลือคนเหล่านั้นด้วยความเชื่อที่ว่าศิลปะสามารถช่วยเหลือสังคมได้

        

         แน่นอนว่าคนสร้างศิลปะย่อมต้องการแรงบันดาลใจ โดยสถานที่ที่ป๊อกออกไปตามล่าหามันคือย่าน Chelsea ที่มีแกลลอรี่กว่า 300 แห่ง จากศิลปินทั่วโลกมาปล่อยของโชว์ผลงานที่นี่ แถมยังเป็นแหล่งรวมศิลปินชื่อดังๆ ที่ทำให้เขาได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนประสบการณ์และได้รับไฟในการทำงานกลับไป

อีกสถานที่หนึ่งก็คือ ‘รถไฟใต้ดิน’ ที่เหมือนเป็นแหล่งรวมคนทุกรูปแบบมาโชว์ความสามารถในด้านต่างๆ บางวันเจอคนร้องเพลง หรือบางวันอาจเจอคนมาเต้น ราวกับว่าที่นี่คือเมืองที่เต็มไปด้วยคนมีความสามารถมาตามล่าหาฝัน

 

ก่อนจะจากกันป๊อกฝากบอกถึงคนที่คิดจะไปหาแรงบันดาลใจที่นิวยอร์กว่า “อย่ารอ ยิ่งรอยิ่งช้า การได้ไปเห็นงานของจริงมันให้ความรู้สึกมากกว่าในหนังสือ

.

.

 

 

 

 

ฟลอเรนซ์ วนิดา เฟเวอร์ (นางแบบ)

 

“The city will make you shine. ไม่ว่าใครก็มีโอกาสมาแจ้งเกิดได้ที่นี่”

.

.

NYC_On subway

 

.

 

.

 

         ฟลอเรนซ์คือหนึ่งในนางแบบและนักแสดงสาวที่แจ้งเกิดจากซีรี่ส์ The Expanse  โดยเธอเริ่มต้นใช้ชีวิตที่นี่ตั้งแต่สมัยมัธยมและเธอได้หลงใหลในมหานครแห่งนี้ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

 

เธอนิยามว่านิวยอร์กว่าคือเมืองแห่งอิสระที่เปิดโอกาสกับทุกคนเท่ากันหมด ไม่มีใครที่มีสิทธิพิเศษเหนือคนอื่น ทำให้เราต้องคอยกระตือรือร้นอยู่ตลอดเวลา เพื่อต่อสู้ดิ้นรนไปแคสติ้งงานตามที่ต่างๆ แข่งกับคนเป็นร้อยๆ พันๆ คนที่มีความฝันเช่นเดียวกับเธอ

 

สถานที่โปรดที่ฟลอเรนซ์มักออกไปหาแรงบันดาลใจได้แก่ที่แรกคือ East Village ย่านที่รวมคนวัยรุ่นหลากหลายเชื้อชาติ เธอบอกกับเราว่าแค่เห็นเค้าเดินผ่านไปมา ก็จุดประกายไฟในตัวขึ้นมาได้แล้ว อีกที่ก็คือ West village ที่ฟลอเรนซ์ชอบในความชิลและมักใช้เวลาไปเดินเล่นเพื่อหลบความวุ่นวาย

 

ฟลอเรนซ์ตกหลุมรักในนิวยอร์กเข้าอย่างจัง และขอแนะนำให้เราไปสัมผัสกับ Passion ของคนที่มารวมตัวกันทุ่มเททำในสิ่งที่ชอบด้วยตัวเอง เพราะสิ่งที่ใครบอกมามันเทียบกับของจริงไม่ได้เลยพร้อมกับทิ้งท้ายให้เราไว้ว่า

“ปลายทางความสำเร็จมันไม่สำคัญเท่ากับระหว่างทางที่คุณผ่านมันมา ลองออกไปพิสูจน์ตัวเอง ทำให้คนทั้งโลกเห็น ว่าคุณทำมันได้จริงๆ และทำได้ดีด้วย”

 

 

 

.

 

.

.

มี่ Milin (Designer)

        

“มี่ขอเรียกนิวยอร์กว่า Tasty Beautiful เพราะไม่ว่าจะไปที่ไหนเราก็เจอแต่ความสวยงาม ทำให้เมืองนี้มันดูมีรสชาติ มีชีวิตชีวา

K.Milin _ 4 

หลายคนรู้จักมี่กันดีอยู่แล้วในฐานะไทยดีไซเนอร์จาก Milin แบรนด์เสื้อผ้าที่การันตีความเปรี้ยวแซ่บ จนก้าวมาเป็นแบรนด์แถวหน้าของเมืองไทยได้อย่างง่ายดาย แต่รู้หรือไม่ว่าเบื้องหลังแรงบันดาลใจของมี่ Milin ได้เริ่มต้นจากมหานครแห่งความฝันอย่างนิวยอร์กแห่งนี้อีกเช่นกัน

 

มี่คืออีกคนหนึ่งที่อยากลองไปสัมผัสกับนิวยอร์กตามคำร่ำลือและภาพสวยๆ ในหนังด้วยตาของตัวเองดูสักครั้ง เธอจึงเริ่มต้นผลักดันตัวเองเข้าไปอยู่ในมหานครแห่งนี้ด้วยการสมัครกับแฟชั่นเฮ้าส์ต่างๆ ซึ่งเป็นงานด้านที่เธอหลงใหล จนสุดท้ายก็ทำมันสำเร็จด้วยการเริ่มทำงานและเรียนต่อในด้านธุรกิจแฟชั่นและศิลปะ

        

         เธอบอกกับเราว่าเมืองแห่งนี้มันมีรสชาติที่ทำให้เธอหลงรัก ทุกอย่างดูสวยเก๋ไปหมด รวมไปถึงเสน่ห์ของผู้คนที่เป็นหัวกะทิของแต่ละด้าน ทุกคนพกความมั่นใจมาเต็มเปี่ยมแบบไม่กลัวผิดถูก ซึ่ง มันหล่อหลอมให้เธอกลายเป็นคนแกร่งได้แบบนี้

 

แรงบันดาลใจของมี่แฝงตัวอยุ่ในทุกที่ แค่การไปเดินบนถนน ซึมซับบรรยากาศ ดูผู้คนเดินผ่านไปมา เราก็ได้แรงบันดาลใจพร้อมจะเอามาบิดได้แล้ว  “ทุกวันนี้ก็ยังอยากกลับไปที่นั่น ถ้าใครมีโอกาสได้ไปนะ ขอให้ไปเลย ไม่ต้องรีบกลับ”

 

 

 

 

 

 

ขันเงิน (Thaitanium)

 

“If you can make it there, you can make it anywhere”

 12239429_10205170865012507_4140014629396916784_o

.

.

ดนตรี คือศิลปะอีกแขนงหนึ่งที่เราสามารถค้นพบมันได้ในทุกตรอกซอกซอยของนิวยอร์ก ซึ่งนั่นทำให้ ขันเงิน Thaitanium นักร้องฮิปฮอประดับตำนานของเมืองไทยกล่าวไว้ว่า ‘นิวยอร์ก’ คือเมืองที่ให้ชีวิตกับเขา

 

ขันเงินเดินทางไปนิวยอร์กเพื่อค้นหาแรงบันดาลใจในการทำอัลบั้มใหม่ให้กับ Thaitanium เสพดนตรีฮิปฮอปที่แฝงตัวอยู่ทุกมุมถนน นั่งมองผู้คนจนไปถึงงานสตรีทอาร์ตต่างๆที่จะอินสไปร์เขาได้ ซึ่งมันอยากทำให้เขาทดลองอะไรใหม่ๆ เพื่อจะได้หลุดกรอบของตัวเอง

 

 

การหาแรงบันดาลใจของขันเงินนั้นหาได้ทุกที่ แต่ถ้าให้ยกตัวอย่าง ก็คือการนั่งซับเวย์ เพราะเขาจะได้เจอผู้คนต่างๆ ได้เจอหลายชีวิต บางคนดูแย่กว่าเรา ซึ่งมันจะทำให้เขาต้องดิ้นรนเพื่อต้องแกร่ง ต้องสู้ชีวิต ถึงจะอยู่รอด

 

 

ขันเงินยังฝากอีกว่า “ถ้าใครพร้อมต้องลุยทันที อย่ารอ เมืองนี้เป็นเมืองที่ไม่เคยหลับใหล ทุกสิ่งคือเรื่องจริง ทำให้รู้สึกเหมือนคุณกำลังอยู่ในอนาคต”

 

 

JW Blenders Batch Emma and Krissie Rye.

.

นอกจากนี้ยังมี ‘นิวยอร์กเกอร์’ อีกมากมายที่ได้แรงบันดาลใจจากมหานครนิวยอร์กเพื่อสร้างสรรค์ผลงานชั้นยอดออกมา หนึ่งในนั้นก็คือ Johnnie Walker และทีมงานเบลนเดอร์ที่นำทีมโดย  Emma Walker  ที่ได้แรงบันดาลใจจาก จิม เบเวอริดจ์ ครูคนสำคัญของเธอ ที่เคยทุ่มเทความสามารถในการปรุงเหล้าเบอร์เบิ้น และเหล้าราย ที่รัฐเคนทักกี้ ในช่วงปี 1990s Emma จึงนำทีมมุ่งสู่นิวยอร์กเพื่อทดลองผิด ทดลองถูกไปกับสิ่งทุ่มเทเพื่อให้ได้วิสกี้ที่ดีที่สุด จนเกิดเป็นผลงานที่ชื่อว่า Johnnie Walker Blenders’ Batch Red Rye Finish ซึ่งกว่าจะออกมาเป็นผลงานที่สมบูรณ์แบบนั้น รสชาติของเบอร์เบิ้นต้องผ่านการทดลองมามากกว่า 50 ครั้ง ใช้มอลต์วิสกี้กว่า 203 รายการ รวมไปถึงเวลาการบ่มเพาะที่หลายขั้นตอนโดยจะเริ่มจากการบรรจุในถังเบอร์เบิ้นและบ่มต่อในถังที่เคยใช้บ่มเหล้ารายอีก 6 เดือนจนได้รสชาติที่ดีที่สุด ทำให้ Johnnie Walker Blenders’ Batch Red Rye Finish กลายเป็นส่วนผสมที่โดดเด่นที่สามารถแทนเหล้าเบอร์เบิ้นในค็อกเทลแมนฮัตตัน แต่คงรสชาติเดิมของค็อกเทลไว้ได้อย่างดีเยี่ยม ผ่านการการันตีจากบาร์เทนเดอร์ทั่วนิวยอร์ก จนเรียกได้ว่า Johnnie Walker Blenders’ Batch Red Rye Finish คือการผสมผสานระหว่างสก็อตและนิวยอร์กได้อย่างลงตัวนั่นเอง

.

.

 

 

 

 

 

 

0 replies

Leave a Reply

Want to join the discussion?
Feel free to contribute!

Leave a Reply