‘No, Thanks’ โปรเจกต์ดูโอ้ที่มาจากความตั้งใจของ ALLY และ JETAIME สองเพื่อนสนิทที่เป็นมากกว่าพาร์ตเนอร์ในการทำงาน
หนึ่งในเพลงที่ได้ยินบ่อยเวลาเล่นโซเชียลช่วงนี้ ขอยกให้กับ ‘No, Thanks’ ของสองสาว ALLY JETAIME (แอลลี่-อชิรญา นิติพน และ เชอแตม-ณมน สวาทยานนท์) ซึ่งเบื้องหลังก่อนจะมาเป็นเพลงเท่ๆ ซนๆ ปนขี้เล่นของยูนิตดูโอ้จาก 411ent เพลงนี้
จุดเริ่มต้นทุกอย่างมาจากความสนิทของสองศิลปินสาวที่มีแพชชันในการทำงานไม่น้อยไปกว่ากันและซิงก์กันแทบทุกเรื่อง รู้กันในทุกอย่างจนเหมือนเป็น ‘โทรศัพท์มือถือ’ ของกันและกัน ที่ติดตัวอยู่เสมอ และถ้าทำหายไปแล้วละก็จะต้องหาจนเจอให้ได้
หนึ่งในเพลงที่ได้ยินบ่อยเวลาเล่นโซเชียลช่วงนี้ ขอยกให้กับ ‘No, Thanks’ ของสองสาว ALLY JETAIME (แอลลี่-อชิรญา นิติพน และ เชอแตม-ณมน สวาทยานนท์) ซึ่งเบื้องหลังก่อนจะมาเป็นเพลงเท่ๆ ซนๆ ปนขี้เล่นของยูนิตดูโอ้จาก 411ent เพลงนี้
จุดเริ่มต้นทุกอย่างมาจากความสนิทของสองศิลปินสาวที่มีแพชชันในการทำงานไม่น้อยไปกว่ากันและซิงก์กันแทบทุกเรื่อง รู้กันในทุกอย่างจนเหมือนเป็น ‘โทรศัพท์มือถือ’ ของกันและกัน ที่ติดตัวอยู่เสมอ และถ้าทำหายไปแล้วละก็จะต้องหาจนเจอให้ได้
คิดว่าในสไลด์ที่เอาไปเสนอ มีอะไรที่ทำให้เขาไฟเขียวให้เราทำโปรเจกต์นี้
JETAIME: สไลด์เรามีทั้งการวิเคราะห์ตลาด การวิเคราะห์คู่แข่ง มีการทำโพสิชันนิงแบบลากแกน X แกน Y ให้รู้ว่าเราอยู่ตรงไหน แล้วก็มีการวิเคราะห์ของตัวเราเองว่า อยากให้ออกมาเป็นคาแรกเตอร์แบบไหน
ALLY: เราจริงจังกันมากค่ะ แล้วอากึ้งเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับแพชชัน พอเขาเห็นเราอยากทำสิ่งนี้มากๆ เขาก็สนับสนุน
แล้วคาแรกเตอร์ที่วางไว้เป็นแบบไหนตอนที่นำเสนอ
JETAIME: เป็นคนเท่ๆ แต่ยังมีความเข้าถึงได้อยู่ค่ะ
ALLY: ของแอลลี่คิดว่าภาพในวงการเราค่อนข้างชัดก็จริงเพราะทำงานมาเยอะมาก แต่ส่วนใหญ่ภาพที่คนเห็นยังเด็กมากๆ อยู่เลย เวลาถามคนว่า คิดว่าแอลลี่อายุเท่าไหร่ เขาจะไม่ค่อยคิดว่าอายุ 21 แล้ว คนจะคิดว่าอายุ 15 ตลอดไป ต่อจากนี้ก็อยากจะเปลี่ยนบ้าง เพราะมองว่าตัวเองไม่ได้เรียบร้อย พูดน้อยขนาดนั้น มันแค่อาจจะมีช่วงที่เราพูดน้อยกว่าตอนเด็กๆ แต่ตอนนี้ก็พูดเยอะเหมือนเดิมหรืออาจจะมากกว่าเดิม เลยอยากเอาสิ่งนั้นกลับมาให้ทุกคนได้เห็น เป็นภาพความ…
JETAIME: …ตลก เขาคิดว่าเขาตลก
(หัวเราะทั้งคู่)
ALLY: วันหลังเอาแค่ตลกพอ ไม่ต้องไปบอกว่า เขาคิดว่าเขาตลก (หัวเราะ)
JETAIME: ก็เพราะเป็นอย่างนี้เลยอยู่ด้วยกันได้ไง
ALLY: ก็คือตลกด้วย แล้วก็มีความเชื่อมั่นในตัวเอง เฟียซ แต่ก็ยังมีความเข้าถึงได้
ระหว่างแอลลี่กับเชอแตม คิดว่าใครเฟียซกว่ากัน
ALLY: ถ้าดูลุคแล้ว พี่เชอแตมอาจจะดูเฟียซกว่า เข้าถึงยากกว่า แต่จริงๆ เขาเฮฮามาก
JETAIME: จริงๆ ลุคเมื่อก่อนจะเฟียซมาก ถ้าเวลาไม่ยิ้ม หน้าจะนิ่งมาก คนก็เลยคิดว่าเฟียซ แต่จริงๆ ไม่ ส่วนแอลลี่ก็เหมือนกัน คนอาจจะติดภาพน่ารัก ทั้งที่เขาโตแล้ว มีความเซ็กซี่ มีความขี้เล่นด้วย
เกี่ยวกับตัวเพลง No, Thanks ไอเดียของเพลงนี้อยู่ในสไลด์ที่เอาไปเสนอแต่แรกด้วยไหม
ALLY: ในสไลด์ของเราก็มีพูดถึงว่าอยากให้แนวเพลงเป็นแบบไหน เราคิดว่าพี่ URBOYTJ น่าจะเหมาะกับเรา เพราะนอกจากเขาจะเป็นศิลปินที่เราชอบแล้ว ไอเดียที่เราต้องการคือเพลงที่คนร้องตามได้ แต่มีความเป็นฮิปฮอป มีความเต้นได้ ก็เลยนึกถึงเขา
เพลงที่ได้ออกมาถือว่าตรงบรีฟเลยไหม
ALLY: ตอนแรกบรีฟเราแมนมากเลย อยากได้เพลง R&B อยากได้ K-rap เพราะเราชอบฟังแบบนั้น แต่เอาเข้าจริงมันอาจจะไม่ได้เข้ากับเรา พี่เขาก็ช่วยปรับให้ ซึ่งพอปรับออกมาก็ยังเป็นสิ่งที่เราต้องการและพอดีกับตัวเราสองคนเองด้วย อย่างคอนเซปต์เพลงก็มาจากการที่พี่เขาถามว่า มีคำไหนที่ติดปากเรากันบ้าง เราเลยนึกถึงคำว่า “No, thanks” เขาก็เอาคำนี้มาตีความว่า เราชอบคนคนหนึ่งมากจนเราตัดชอยส์อื่นออก “No, thanks” ไปเลย
อีกเรื่องที่คนพูดถึงกันมากเกี่ยวกับเพลงนี้ก็คือพระเอกเอ็มวีที่ได้จินวุค BUS มาเล่นให้ แอลลี่กับเชอแตมเป็นคนเลือกเองด้วยหรือเปล่า
JETAIME: เราช่วยกันคิดตลอด ที่เลือกจินวุคเพราะเพลงมีความเท่ๆ ขี้เล่น แล้วเรามองว่าอิมเมจของจินวุคมีความเป็นไอดอลมากๆ มีออร่า มีความเท่ และเป็นแรปเปอร์ด้วย
อยากให้เล่าถึงทำงานกับจินวุคในเพลงนี้
ALLY: ตอนถ่ายเราได้เรียนภาษาเกาหลีจากเขาด้วย เพราะจริงๆ เราพูดเป็นแต่ไม่ได้ใช้นานแล้ว ก็เลยเอามาใช้กับเขา แต่มีบางช็อตที่เขาพูดมาแล้วฟังไม่ออก ก็แอ๊บหน้าไปก่อน (หัวเราะ) แล้วมาแอบมาถามพี่เชอแตมทีหลังว่า อันนี้แปลว่าอะไรนะ ส่วนบรรยากาศตอนถ่ายก็ชิลมาก ทุกคนก็อายุเท่าๆ กันหมดเลย
JETAIME: แต่จริงๆ ในการทำงานจินวุคเขาก็มืออาชีพมากนะ ตั้งใจทำงานมาก ซึ่งเราก็รู้สึกขอบคุณ
ความรู้สึกตอนปล่อยเพลงนี้เมื่อเทียบกับตอนที่ทำเพลงเดี่ยวหรือเป็นเกิร์ลกรุ๊ปก่อนหน้านี้เหมือนหรือต่างกันอย่างไรบ้าง
JETAIME: ต่างกันมากเลยค่ะ เพราะครั้งนี้พอเรามีส่วนในทุกขั้นตอนของเพลง มันเหมือนกับเราปลูกต้นไม้ อยากเห็นต้นไม้ที่ปลูกโตและงอกงาม ตอนเป็นวง มันจะมีเรื่องอิมเมจของวงเข้ามาด้วย แต่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ได้ออกความคิดเห็นเยอะมาก โปรดิวเซอร์หรืออะไรอีกหลายๆ อย่างก็เลือกกันเอง เลยยิ่งอยากให้โปรเจกต์นี้ไปได้ดี
ALLY: แอลลี่ก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน อีกอย่างหนึ่งเวลาปล่อยเพลงเดี่ยว ต่อให้เราคิดทุกอย่างกับทีม แต่ท้ายที่สุดแล้ว เพลงจะดังหรือไม่ดัง มันก็คือตัวเรา 50% ทำคอนเทนต์ก็ทำคนเดียว พูดโปรโมตคนเดียว บางทีก็ท้อในการปล่อยเพลงเพราะไม่รู้ว่าจะเอาพลังจากไหนมาทำให้มันไปได้ แต่พอรอบนี้มีพี่เชอแตมด้วย แล้วเราอยู่กับโปรเจกต์นี้ตั้งแต่แรก ตั้งแต่วันที่เดินเข้าไปขออากึ้งกัน พอมาถึงจุดที่เราทำได้แล้ว ก็อยากพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่า เราทำได้ ถามว่ากดดันไหม ก็กดดันนะ แต่เป็นแรงกดดันที่ดี เราอยากเห็นงานนี้ประสบความสำเร็จ จะได้ทำสิ่งนี้ด้วยกันต่อไปได้
นอกจากเพลง No, Thanks แล้ว มีโอกาสจะได้เห็นผลงานอื่นๆ จากดูโอ้คู่นี้อีกไหม
ALLY: อยากให้มีมากๆ เลยค่ะ เพราะแผนเราแต่แรกเลยก็คืออยากทำโปรเจกต์นี้ควบคู่กันไปกับโซโล่ของตัวเอง เพราะเวลาเราอยู่ด้วยกัน มันก็เป็นอีกมุมอย่างงานโซโล่ของหนู คนก็จะมองว่าน่ารักสดใส เพลงที่ร้องก็จะเป็นแนว R&B แนวป๊อป ไม่เคยแรป ไม่เคยมีพาร์ตเท่ๆ ในเพลงเลย แต่พอมีพี่เชอแตมมาทำงานด้วยกัน มันจุดประกายว่าเราควรทำด้วยกันไปเรื่อยๆ เพราะได้เห็นอีกหลายๆ มุมของกันและกัน
JETAIME: อีกเหตุผลที่อยากทำต่อไปอีกเพราะเคมีในการทำงานกับแอลลี่ดีมาก เราเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน ส่วนในเวลาทำงานก็เป็นพาร์ตเนอร์ในการทำงานที่เข้ากันได้มากๆ อะไรที่เราขาด เขาก็ช่วยเติมเต็มได้ แล้วเราสนิทกันจนเวลาทำงานเราซิงก์กันไปแล้ว
ALLY: บางทีก็พูดเหมือนกัน (หัวเราะ)
JETAIME: ใช่ พูดเหมือนกันนี่เกิดขึ้นหลายรอบมาก ซึ่งมองว่ามันเป็นสิ่งที่ดีมากเวลาทำงาน เพราะเราไม่ได้ต้องบรีฟกันเยอะ เรารู้ว่าอีกคนต้องการอะไร
ย้อนกลับไปตอนที่เจอกันที่เกาหลีครั้งแรกเมื่อหลายปีก่อนตอนที่ยังเป็นศิลปินฝึกหัด first impression ของแต่ละคนเป็นอย่างไรกันบ้าง
ALLY: เป็น first impression ที่ดีนะคะ เพราะปกติแอลลี่ไม่ค่อยเข้าหาใคร มีเพื่อนไม่กี่คนที่สนิทมากๆ จะมีน้อยคนมากที่เจอครั้งแรกแล้วเข้ากันได้เลย แต่กับพี่เชอแตม แอลลี่กลับรู้สึกแบบนั้น แล้วตอนนั้นพี่เชอแตมเป็นรูมเมตของแอลลี่ที่เกาหลี ผ่านไปได้สัก 10 วัน เขามาบอกหนูว่าอาจะไปต่างประเทศ เพราะเป็นช่วงที่เขากำลังตัดสินใจว่าจะอยู่ค่ายต่อหรือไปเรียนต่อต่างประเทศดี ทั้งที่เพิ่งเจอกันไม่นานแต่แอลลี่อ้อนวอนขอให้เขาไม่ไปหนักมาก เพราะรู้สึกว่าอุตส่าห์เจอคนที่คลิกกันขนาดนี้แล้วทั้งที
JETAIME: first impression คือเขาสวยมาก เราก็รู้มาก่อนว่าเขาเป็นลูกสาวพ่ออ่ำ อัมรินทร์ ซึ่งพ่อแม่ของเราก็ชอบมาก ก็เลยคิดว่าเขาต้องสวยแน่ๆ พอเจอก็สวยจริง แล้วพอได้เป็นรูมเมตกันก็คิดว่าเป็น destiny
ALLY: เวอร์ (หัวเราะ)
JETAIME: อ้าว ก็ในตั้ง 5 คน เราได้เป็นรูมเมตกันนะ พออยู่ด้วยกัน ทำให้ได้คุยกันมากขึ้น ได้รู้ว่าเขาเป็นคนแบบไหน เป็นคนดีมาก เราก็ยิ่งอยากสนิทด้วย
ALLY: แล้วตอนนั้นเราสองคนโตสุดด้วยมั้ง เวลามีอะไรก็เลยต้องเป็นเราสองคนที่รับไป
หลังจากนั้นพอแอลลี่กลับเมืองไทยมาก่อน ยังได้คุยกันบ้างไหม
ALLY: ก็มีช่วงที่หาย เพราะมีช่วงที่ยุ่งมาก ต่างคนก็ต่างทำโปรเจกต์ของตัวเอง มีเรื่องที่ต้องดูแลหลายเรื่อง แต่พี่เชอแตมเป็นเพื่อนที่ไม่ต้องคุยบ่อยก็รู้ว่าสนิท ไม่ได้ต้องพูดอะไรกันเยอะแยะ บางทีนั่งกันนิ่งๆ ก็จะพูดขึ้นมาพร้อมกัน เหมือนรู้จังหวะกันและกันแล้ว
เห็นแอลลี่เรียกเชอแตมว่า พี่ ตลอด แต่เวลาคุยกันดูมีความเป็นเพื่อนกันมากๆ เลยอยากรู้ว่า จริงๆ เชอแตมมีความเป็นพี่หรือเพื่อนมากกว่ากัน
ALLY: เรียกพี่ แต่จริงๆ เป็นเพื่อนกันมาก แค่ติดเรียกพี่เพราะวันแรกที่เจอ คนอื่นบอกว่าคนนี้เป็นพี่ เกิดก่อนเรา แต่ก็ห่างกันนิดเดียวเอง
JETAIME: หนูก็ว่าเพื่อนกัน เพราะพอห่างกันแค่ไม่ถึงปี เราก็เลยไม่รู้สึกว่าต้องเป็นพี่อะไรขนาดนั้นด้วย
มีเรื่องอะไรที่เราสองคนรู้สึกว่าต่างกัน
ALLY: วันก่อนเราเพิ่งคุยกันในรถว่า เราแตกต่างกันตรงไหนในด้านการทำงาน แล้วก็พบว่า เราคล้ายกันมาก แต่ต่างกันตรงที่เวลาทำงานพี่เชอแตมจะมีความชิลกว่า แต่แอลลี่จะเป็นคนที่ถ้ามีปัญหาอะไร จะต้องการแก้ตอนนั้นเลย จะมีความพุ่งชนนิดหนึ่ง กระบวนการของเราเลยอาจจะต่างกัน แต่ข้อดีอีกอย่างคือพี่เชอแตมเขาจะเป็นคนที่เรื่องศีลธรรมชัดมาก คือเขาเป็นคนดี คอยเตือนเราและทำให้เราได้เรียนรู้จากเขา คิดว่าเราสองคนเป็นผู้ใหญ่กันคนละแบบ
JETAIME: โดยธรรมชาติเราจะเป็นคนที่ชิลอยู่แล้ว ไม่ค่อยอะไรกับใคร ในขณะที่แอลลี่ค่อนข้างจะเป็นเพอร์เฟกชันนิสต์ ถ้าอยากได้อะไร เขาก็อยากจะให้ออกมาเป็นแบบนั้น ให้ตรงกับภาพที่คิด เวลาไม่ใช่ เขาก็อาจจะ…
ALLY: …เสียใจ
JETAIME: เสียใจ น้อยใจ นอยด์ แต่จุดนี้นี่ล่ะที่ทำให้เราทำงานด้วยกันได้ง่าย เวลาเขาร้อน เราก็จะช่วยดึงเขากลับมาได้ หรือว่าเวลาเครียดอะไร เขาก็ไฟต์ให้เราได้ เราเป็นคนไม่อยากมีปัญหากับใคร แต่แอลลี่จะเป็นคนที่คอยสู้เพื่อเพื่อนอยู่แล้ว
ALLY: เราเข้ากันได้ดีเพราะแอลลี่จะมีความอยากช่วยแก้ปัญหาให้คนอื่นด้วย ส่วนพี่เชอแตมจะเป็นแนวสังเกตให้มากกว่า
แล้วมีอะไรที่เหมือนกันบ้าง
ALLY: ที่เหลือเหมือนกันหมด เราคล้ายกันมากเลยค่ะ ต่างกันแค่นิดเดียวที่บอกไป
JETAIME: คิดว่าพื้นฐานของเราคือเราเป็นคนที่จริงใจกันทั้งคู่ ถ้ามีเพื่อนก็อยากจะซัพพอร์ตเพื่อน ให้ใจเพื่อน 100% ถ้าแอลลี่มาหลอกนี่ก็เจ็บ 100% เหมือนกัน
ALLY: โห (ลากเสียงยาว) ยังไม่ทันหลอกก็รู้สึกผิดแล้ว (หัวเราะ) แต่ใช่ค่ะ เราสองคนเป็นคนให้ใจคนมาก ยิ่งด้านการทำงาน เราให้ 100% เลย มันทำให้ดีในการทำงานด้วยกัน เพราะชอบทำงานกับคนที่ให้ใจ แล้วก็เชื่อใจในสิ่งที่คุยกัน
ถ้ามีเรื่องที่อยากปรึกษาเพื่อน มีเรื่องไหนเป็นพิเศษไหมที่แอลลี่รู้สึกว่า เรื่องนี้ต้องเป็นเชอแตมเท่านั้น
ALLY: ทุกเรื่องค่ะ พี่เชอแตมรู้ทุกเรื่องในชีวิตของแอลลี่เลย ถ้าเขาถูกลักพาตัวไป แอลลี่ต้องตามให้เจอนะ (หัวเราะ) เขาเป็นเหมือนโทรศัพท์ของเราที่รู้ทุกอย่าง แล้วเราก็อยากบอกเขาทุกอย่างเหมือนกัน เพราะเราทำงานด้วยกันเยอะจนอยู่ในเกือบทุกวินาทีของชีวิตกันและกัน มีอะไรเกิดขึ้น เขาก็ต้องรู้หมดอยู่แล้ว ซึ่งมันทำให้ความเป็นเพื่อนของเราแข็งแรงขึ้น แอลลี่รู้สึกว่า ถ้ารู้จักกันแค่ในการทำงาน พอเสร็จงานแล้วแยกกัน ไม่สนิทกัน มันก็จะกลายเป็นการทำงานแบบฝืนๆ
JETAIME: เคมีที่เข้ากันได้ก็จะไม่ออกมา
ALLY: เราไม่อยากเฟค เพราะถ้าเรามีแฟนคลับที่ชื่นชอบเราสองคน ก็อยากให้เขาเห็นอะไรที่มาจากความเป็นเพื่อนจริงๆ ให้เขาเห็นและสนุกไปกับเราได้
มีเรื่องอะไรที่เราอยากบอกกับอีกคนหนึ่งไหม
ALLY: อยากให้พี่เชอแตมมีแฟนคลับเยอะๆ ลุคเขาอาจะดูเฟียซ เท่ มั่นใจในตัวเอง แต่ทุกคนก็มีสิ่งที่เราไม่มั่นใจได้ ที่ผ่านมา พี่เชอแตมเป็นคนที่มีแพชชันมากๆ เป็นคนไฟต์ในสิ่งที่ตัวเองอยากทำ ตั้งแต่รู้จักกันมา ถ้าเขาอยากทำอะไร เขาก็จะจริงจังมาก แอลลี่ว่ามันเป็นคุณสมบัติที่สำคัญมากในการเป็นศิลปิน เลยอยากให้เขาประสบความสำเร็จมากๆ มีแฟนคลับเยอะๆ เขาเป็นคนเก่ง แค่รอเวลาที่เฉิดฉายเลย
JETAIME: สำหรับแอลลี่ คนรู้จักเขากันดีอยู่แล้ว แต่อยากให้คนมาชอบแอลลี่ในฐานะศิลปินด้วย เพราะว่าเขาเก่งจริงๆ เราดูเขาถ่ายงาน ทำงาน ร้องเพลง เต้น โห… คนนี้มีพรสวรรค์มาก แล้วงานที่เขาทำอยู่มันไม่ใช่แค่พรสวรรค์เท่านั้น แต่เขายังมีความพยายามมากๆ ด้วย ทั้งที่เขามีชื่อเสียงขนาดนี้ บางคนอาจจะคิดว่าเขาไม่ต้องพยายามมากขนาดนี้ก็ได้ แต่เขาตั้งใจมาก และยังดูแลคนรอบข้างดีด้วย
ALLY: จะร้องไห้แล้วนะ (หัวเราะ) จริงๆ เราคล้ายกันมากค่ะ เลยอยากให้คนรู้จักเราที่เป็นจริงๆ เพราะถ้ามารู้จัก เราไม่เคยปิดบังความเป็นตัวเอง ไม่ว่าจะกับเรื่องอะไรก็ตาม อย่างมาสัมภาษณ์ เราก็เป็นตัวเองเต็มที่ ปล่อยหมด เพราะอยากให้คนชอบที่เราเป็นเรา และเราทำเพลงให้เขามีความสุขได้
สำหรับแอลลี่กับเชอแตมแล้ว แฟนคลับมีความสำคัญกับเราอย่างไรบ้าง
JETAIME: เขาทำให้เรารู้สึกดีใจและอุ่นใจที่เจอทุกครั้ง มองว่าเขาเป็นเพื่อน พอเจอกันตามงานก็ได้อัปเดตกันและกัน พูดคุยว่าเขาเป็นยังไง วันนี้ไปทำอะไรมาบ้าง
ALLY: แอลลี่ก็รู้สึกว่าแฟนคลับเป็นเพื่อน เป็นพี่ เป็นน้อง ถึงแม้บางคนจะได้เจอกันครั้งแรก แต่ก็จะพยายามจำทุกคน อาจจะมีหลงลืมบ้าง เพราะเป็นคนความจำสั้นมาก แต่ก็พยายามมากๆ เพราะคิดว่าเขาก็คงดีใจที่เราจำเขาได้ แล้วก็พยายามจะจำเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ของแต่ละคนด้วย อีกอย่างที่ชอบทำมากๆ คือไปส่องเขาในโซเชียลมีเดีย บางทีรู้ว่าเขาเหนื่อย เวลาเขามาหาเราแล้วเราจำเขาได้ เราคุยกับเขา เขาก็น่าจะดีใจ แอลลี่ว่าแฟนคลับเขาไม่ใช่แค่แฟนคลับเท่านั้น เพราะพลังที่เขาให้เรามันมากกว่านั้น เวลาเราไปแสดงตามงานต่างๆ เราจะพยายามมองไปที่ทุกคนเลย มองเขา มองกล้อง ให้เขารู้ว่าเราไม่ได้มองแบบลอยๆ ถ้าเราอยู่บนเวที เขาต้องได้อะไรกลับไป
ถ้าต้องสลับร่างกัน 1 วัน คิดว่าจะมีแง่มุมใดเกี่ยวกับเขาที่เราจะเข้าใจเขามากขึ้นไหม
ALLY: ถ้าสลับร่างกัน แอลลี่อยากรู้ว่าในโมเมนต์ที่พี่เชอแตมอยู่คนเดียวจริงๆ เขาทำอะไร เพราะปกติจะเห็นเขาอยู่กับเพื่อนตลอด เขามีเพื่อนเยอะ เพื่อนที่มหาวิทยาลัย เพื่อนชมรม บีซี่มาก เป็นคน outgoing ที่ชอบพูดว่าตัวเองไม่มีเพื่อน แล้วรู้อะไรไหมคะ เวลาเพลงออกมาแล้วเอาลง IG แอลลี่จะมีเพื่อนสัก 3 คนทักมา บอกเพลงดี ส่วนของพี่เชอแตมลงสตอรี่แบบจุดไข่ปลาเลย คนแชร์ให้เยอะมาก เขามีเพื่อนเยอะและเป็นที่รักของเพื่อน ก็เลยอยากรู้ว่าเวลาอยู่คนเดียวแล้วเป็นไง
JETAIME: เชอแตมอยากรู้ว่าเวลาทำงานแอลลี่คิดอะไรอยู่ เพราะเขาดูมืออาชีพมาก เผื่อจะเอา mindset เขามาใช้
สิ่งหนึ่งที่สังเกตในอินสตาแกรมก็คือทั้งสองคนจะชมกันเก่งมาก ขยันเมนต์ชมอีกฝ่าย ส่งพลังบวกให้กันตลอด เรื่องนี้เป็นความตั้งใจของเราเลยไหมที่จะเป็นพลังบวกของกันและกัน
ALLY: เห็นบางคนเวลาที่สนิทกัน เขาจะไม่ค่อยชมกันแล้ว แต่เรายังชมกันอยู่ เพราะแอลลี่ว่ามันสำคัญมากๆ ในการทำงานด้วยกัน เราจะผลัดกันสร้างความมั่นใจว่า งานนี้ทำดีแล้วนะ สวยแล้วนะ คอยบอกกันในเรื่องพวกนี้
JETAIME: จากประสบการณ์ของตัวเอง เราเชื่อว่าการชมเพื่อนไม่ได้มีอะไรเสียหายเลย เพราะการชมกันก็คือการเสริมแรง เป็นพลังบวกของกันและกัน ซึ่งมันก็ดีกว่าอยู่แล้ว
ALLY: แล้วเราก็จะบอกว่า ถ้าอะไรไม่ดี เดี๋ยวบอกเอง เพราะเวลาเรามีเรื่องอะไรที่ควรจะพัฒนาหรือปรับ เราก็คุยกันตลอด พูดกันได้โดยไม่รู้สึกว่าเป็นเรื่องน่าอายในการเตือนกัน ส่วนเรื่องชมก็ไม่ได้คิดว่าเป็นเรื่องเขินหรืออายที่จะบอกว่าอีกคนสวย ตอนที่แอลลี่ทำคนเดียวเป็นโซโล่ ไม่ได้มีใครมาบอกแบบนี้ ไม่ได้มีใครทำให้เราสบายใจว่า สิ่งที่ทำอยู่มันไปได้ดีนะ พอมีพี่เชอแตมอยู่ด้วย มันดีกว่าจริงๆ ค่ะ
.
Interviewed by Panicha Imsomboon
.
Model: ALLY JETAIME
Photographer: Tanisorn Vongsonton
.
[Editorial]
Project Manager: Pornnapat Suporn
Content Creator: Maytinee Teatananun
Art Direction: Narin Machaiya
Group Editor-in-Chief: Top Koaysomboon