‘SPOIL ALERT’ THE STORY OF LOVE : รวมทุกประโยคเด็ดจากหนังรักที่จะทำให้คุณ ‘ตกหลุมรัก’

    สร้างกระแสะเรียกความสนใจไปได้ไม่น้อยกับ Me Before You หนังรักโรแมนติก ผลงานการเขียนจาก โจโจ มอยส์ กับเรื่องราวความรักของสาวน้อยถุงน่องลายบับเบิ้ลบีกับหนุ่มหล่อแต่ประสบอุบัติเหตุจนพิการ เธอเข้ามาในฐานะคนดูแลก่อนที่เรื่องราวความรักของทั้งคู่จะเริ่มขึ้น ในส่วนของ Me Before You นั้นเราจะไม่พูดถึง เพราะอยากให้ NYLONia ได้ไปฟินกันเองในโรงมากกว่า แต่หากใครที่ไปดูมาแล้วอารมณ์ค้าง หนังจบ อารมณ์ไม่จบ วันนี้เราเปิดทำเนียบหนังรักที่ครองใจระดับขึ้นหิ้งเป็นตำนานมาฝากกัน แถมด้วยประโยคเด็ดจากแต่ละเรื่องที่จะทำให้คุณตกหลุมรักพวกเขามากขึ้น

  1. nb_1 nb_3The Notebook

เป็นหนังขวัญใจคอรอมคอมอันดับหนึ่งเลยก็ว่าได้สำหรับ The Notebook กับเรื่องราวของหนุ่มสาวต่างฐานะที่มาพบรักกัน แน่นอนว่าทั้งคู่ถูกขัดขวางและกีดกันจากพ่อแม่ของฝ่ายหญิง  แต่ความพยายามของโนอาห์ก็ไม่เคยลดละ หลังจากต้องแยกจากกันเขาเพียรพยายามส่งจดหมายหาเธอทุกวัน เป็นเรื่องเศร้าที่อัลลี่ย์ไม่เคยได้อ่านตัวอักษรแทนความในใจนี้แม้แต่ครั้งเดียว ฟังดูแล้วเรื่องราวนี้ไม่ได้ต่างอะไรจากสูตรสำเร็จของหนังรัก(น้ำเน่า) ทั่วไป แต่ความละเมียดละไมและอารมณ์ที่ลึกซึ้งจากการแสดงของไรอัน กอสลิ่ง และราเชล แม็คอดัม นี้ทำให้หลายคนอินน้ำตาแตกทุกครั้งที่เปิดดู แถมความสัมพันธ์ของคู่นี้ต้องใช้คำว่า ‘เรียล’ เพราะไรอันและราเชล เคยเดทกันอยู่ช่วงหนึ่งก่อนจะเลิกรากันไปทำเอาแฟน The Notebook เสียดายความน่ารักของคู่นี้กันเป็นแถวๆ  เสน่ห์ที่ทำให้ The Notebook เข้าไปอยู่ในใจใครหลายคนยังมีอีกเพียบ ใครที่พลาดต้องดูนะ     

“That’s my sweetheart in there. Wherever she is, that’s where my home is” ในตอนท้ายเรื่องที่เราได้พบกับความจริงว่าอัลลี่ย์เป็นอัลไซเมอร์และกำลังหลงลืมความรักทั้งหมดไป แต่โนอาห์ก็ไม่เคยลดละความพยายามที่จะอ่านเรื่องราวเหล่านี้ให้เธอฟังซ้ำๆ ทุกวัน เราประทับใจกับคำพูดจากฉากที่ลูกสาวของโนอาห์พูดกับเขาให้หยุดพยายามแล้วกลับบ้านแต่โนอาห์ได้ตอบกลับไปว่า “That’s my sweetheart in there. Wherever she is, that’s where my home is” หรือว่าแปลว่าไม่ว่าจะอัลลี่ย์จะอยู่ที่ไหน ที่นั่คือบ้านของเขานั่นเอง 

oneday_3 oneday_1 oneday_2   One Day ใครที่มีความสัมพันธ์คลุมเครือกับเพื่อนสนิทต้องยกให้เรื่องนี้เลย ! One Day คือเรื่องราวของเด็กซ์เตอร์ และเอมม่า สองเพื่อนรัก ที่ดูเหมือนว่าฝ่ายหญิงจะเอนไปทางคำว่า ‘รักเพื่อน’ มากกว่า  ทั้งคู่พบกันในวันจบการศึกษาก่อนจะเผลอปล่อยความรู้สึกเกือบมีอะไรกัน..ใต้คำว่าเกือบนั้นทำให้ทั้งคู่ยังคงรักษาความสัมพันธ์ฉันท์เพื่อน โดยนัดพบกันทุกๆ วันที่ 15 กรกฎาคมของทุกปี การดำเนินเรื่องของ One Day เป็นไปอย่างช้าๆ ฉายภาพความสัมพันธ์ที่เปลี่ยนไปในแต่ละปี โดยเรื่องราวของทั้งคู่ไม่ได้หวานแหววจนเลี่ยน ค่อนไปทางดราม่าเสียด้วยซ้ำ แต่สิ่งที่เราสัมผัสได้หนังเรื่องนี้คือความจริงของพฤติกรรมมนุษย์ที่ไม่ได้มีใครดีพร้อมไปเสียทุกเรื่อง ดี เลว ทุ่มเท เห็นแก่ตัว แต่ทั้งหมดนี้คือเสน่ห์ของคำว่าความรัก ตอนจบของเรื่องจะเป็นอย่างไร เราไม่อาจสปอยล์เพียงแต่บอกได้ว่า กินใจ แน่นอน ใครเป็นแฟนหนังรักอย่าพลาดเลยนะ !   “Whatever happens tomorrow, we’ve had today”  ประทับใจกันตั้งแต่ต้นเรื่องกับคำพูดจากเอมม่าที่บอกกับเด็กซ์เตอร์ในวันแรกที่พวกเขาพบกัน ถึงความสัมพันธ์ที่ไม่น่าจะไปได้ไกล แต่เธอไม่สนใจและขออยู่กับปัจจุบันวันนี้ แม้เป็นคำพูดสั้นๆ แต่เรากลับสัมผัสได้ถึงความลึกซึ้งในประโยคนี้ เพราะบางทีสิ่งที่เรามีอยู่ตรงหน้าอาจสำคัญกว่าเรื่องใดๆ ที่ยังไม่เกิดขึ้น   500_3 500_1 500_2   500 days of summer   it’s not a love story it’s a story about love เพราะ  500 Day of Summer ไม่ใช่หนังรัก แต่เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับความรัก เป็นประโยคที่คนทำหนังออกตัวไว้ตั้งแต่เริ่มเรื่อง ทำให้เราไม่กล้าคาดหวังว่าหนังเรื่องนี้จะจบแบบแฮปปี้เอนดิ้งหรือไม่ แต่รับรองได้ว่าระหว่างทางคนดูแฮปปี้แน่นอน ทอมและซัมเมอร์ทำงานอยู่ในบริษัทเดียวกัน โดยทอมปิ๊งซัมเมอร์ทันทีตั้งแต่แรกเห็นก่อนจะค่อยส่งผ่านความกล้าผ่านคอกกั้นออฟฟิศ ความกลัวๆ กล้าๆของทอมกับความดิบห่ามของซัมเมอร์นี่แหละที่ทำให้เราอดอมยิ้มไปกับคู่นี้ไม่ได้ หนังเรื่องนี้เล่าตัดสลับไปมาผ่านตัวเลขวันที่ทอมและซัมเมอร์พบกัน เล่าถึงความสัมพันธ์ที่เปลี่ยนไปราวกับการผลิใบไม้ของฤดูกาล หวาน ขม ผสมกันแต่พอดี “People change. Feelings change. It doesn`t mean that love once shared was`t true and real”  เป็นความจริงอันโหดร้ายและสวยงามกับคำว่าเวลาเปลี่ยน คนเปลี่ยน แต่สิ่งที่เคยเกิดขึ้นไม่ได้หมายความว่ามันไม่ใช่เรื่องจริง ข้อความนี้ใช้ได้กับทุกเรื่องในชีวิตโดยเฉพาะความรักที่จิตใจคนเปลี่ยนได้ตลอดเวลา และหากความทรงจำดีๆ ที่เกิดขึ้น มันก็คือเรื่องจริงที่เกิดขึ้นและถูกจดจำในความรู้สึกของคนสองคนแน่นอน   her_3 her_2 her_1   Her เพราะความรักไม่ได้จำแค่มนุษย์กับมนุษย์เท่านั้น ! ภาพยนตร์เรื่อง Her พิสูจน์คำพูดนี้ด้วยพลอตสุดแปลกแหวกแนวกับเรื่องราวจากโลกอนาคตที่เทคโลยีพัฒนาก้าวไกลจนเรามีระบบปฏิบัติที่สามารถพูดคุยตอบโต้กับคนได้ ทำให้พระเอกขี้เหงาอย่าง ‘ธีโอดอร์’ ของเราได้เจอกับเจ้าโอเอสวันเสียงผู้หญิงชื่อว่า ‘ซาแมนต้า’ ใช่แล้วค่ะธีโอดอร์กำลังตกหลุมรักเจ้าเครื่องประหลาดหน้าตาคล้ายมือถือพูดได้ (เอ๊ะ ฟังไปก็คล้าย Siri) เสน่ห์ของภาพยนตร์เรื่องนี้เราขอให้ยกให้ภาพและเสียงที่ให้ความรู้สึกละมุน มีการย้อมสีหนังให้หม่นลงประกอบด้วยซาวแทร็คที่เข้ากัน ดูแล้วรู้สึกเหมือนหลุดเข้าไปอยู่ในโลกของหนังได้ง่ายๆ เลยทีเดียว   “I feel like I can be anything with you” การได้พบใครสักคน(หรือไม่ใช่คน) ที่ทำให้เรารู้สึกเหมือนลอยได้ ปลอดปล่อยตัวตนและสบายใจ นั่นคือเสน่ห์อย่างหนึ่งของความรัก ตอนที่เราได้ยินธีโอดอร์พูดประโยคนี้ขอสารภาพว่าอดเขินตามซาแมนต้าไม่ได้เลยจริงๆ 

 

abouttime-hero

1382879907-5681D00500-o about-time-rachel-mcadams-domnhall-gleeson

About Time

หนังรักเกี่ยวกับกาลเวลาเรื่องนี้ส่งตรงมาจากเมืองผู้ดี ที่มีความอังกิ๊ดดด อังกฤษ สารภาพว่าก่อนหน้าที่จะได้สัมผัสกับ About Time เราไม่ได้คาดหวังอะไร และคิดว่าหนังเรื่องนี้คงเป็นไปตามสูตรสำเร็จหนังรักที่ไม่ได้เซอร์ไพรส์หรือสร้างความประทับใจมากมาย แต่เมื่ออกจากโรงแล้วมีน้ำตาแตกกันไปหลายราย ทิม คือผู้ชายธรรมดาที่มีความสามารถพิเศษไม่ธรรมดาอย่างการย้อนเวลาได้ หลายต่อหลายครั้งที่ทิมย้อนเวลากลับไปเพื่อสร้างความประทับใจให้แมรี่ จนท้ายที่สุดความสามารถพิเศษของทิมก็ไม่จำเป็นอีกต่อไป นอกจากความรักแบบหนุ่มสาวแล้ว About Time ยังแฝงความรักในอีกหลายๆ รูปแบบทั้งแบบเพื่อน ครอบครัว เรียกได้ว่าครบรสเลยทีเดียว เพลงประกอบภาพยนตร์ของ About Time คืออีกหนึ่งเรื่องที่เราขอยกนิ้วให้กับเพลง How Long Will I love You ที่ฮิตติดลมบนบ้านทั่วเมือง ครบทั้งภาพและเสียงขนาดนี้ใครที่พลาดต้องรีบไปหามาดูแล้วนะ

“Lesson number one : All the time traveling in the world can’t make someone love you” คำพูดจากทิมสอนให้เรารู้ว่าความรักไม่ใช่เรื่องของการทำสิ่งที่ถูกต้องและเพอร์เฟ็กต์ที่สุด เพราะบางครั้งต่อให้เราทำดีแค่ไหน บางครั้งเราก็ยังไม่ใช่สำหรับใครบางคนอยู่ดี เพราะฉะนั้นจงเป็นตัวเองและทำทุกวันนี้ให้ดีที่สุดเป็นพอ  

0 replies

Leave a Reply

Want to join the discussion?
Feel free to contribute!

Leave a Reply