(review) Train to Busan : Peninsula คาบสมุทรแห่งความมันส์ที่ทำเอาหายใจไม่ทั่วท้องทั้งเรื่อง

เรื่องราวภาคต่อนี้เกิดขึ้น 4 ปีให้หลังจากเหตุการณ์ใน Train to Busan เมื่อฝูงซอมบี้ไม่อยู่แค่ในโซล แต่กลายเป็นทั่วทั่งประเทศเกาหลี จนต้องปิดตายทิ้งร้าง พาเอาทั่วโลกหวาดผวาจนคำว่าเกาหลีใต้เป็นคำต้องห้ามไปในทันที ‘Peninsula (คาบสมุทร)’ จึงเป็นชื่อที่ถูกเรียกแทน

ซึ่งภารกิจหลักในเรื่อง คือ การรวมทีมผู้รอดชีวิตจากการหนีขึ้นเรือครั้งสุดท้ายอย่างทหารหนุ่ม จองซอก (คังดงวอน) และพรรคพวก กลับต้องไปค้นหารถบรรทุกขนเงินจำนวนมาก ที่ถูกจอดทิ้งร้างกลางกรุงโซล แล้วถ้าหากภารกิจนี้สำเร็จ ส่วนแบ่งมหาศาลก็จะอยู่ในมือพวกเขา งานนี้ต้องอาศัยความกล้าและกฏข้อเดียวที่ต้องยึดคือ ‘ต้องเอาชีวิตรอดกลับไปให้ได้’

จุดสำคัญที่เป็นหัวใจของหนัง คือ ฉากการไล่ล่าบนรถยนต์ที่กินเวลากว่า 20 นาที เล่นเอาผู้ชมอย่างเราก้นไม่ติดเบาะ มือสั่นและลุ้นระทึก เพราะมันไม่ใช่แค่การหนีจากฝูงซอมบี้คลั่ง แต่ต้องหนีมนุษย์ด้วยกันเอง ซึ่งฉากบนรถยนต์นั้น มีกลิ่นอายจาก Mad Max: Fury Road และ Akira ที่ผู้กับกับ ยอนซังโฮ ทุ่มแรงกายแรงใจอย่างหนัก ก็ต้องขอยกนิ้วให้จริงๆ

จากการได้ขยายจักรวาลซอมบี้เกาหลี อีกประเด็นที่ถ้ามองข้ามฉากบู๊แหลกสุดมันส์ นั่นก็คือ การพูดถึงเรื่องราวของความหวังและความสิ้นหวัง ของคน 2 กลุ่มที่แตกต่างกัน การไม่สูญสิ้นความหวังแม้จะรู้ว่าจะไม่มีโอกาสเหลือแล้ว อย่างการเฝ้ารอการมาช่วยเหลือจากหุบนรกซอมบี้ในทุกๆวัน ของ ‘มินจอง’ และลูกๆ ที่พวกเขาไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตา แถมยังสู้สุดใจอีกด้วย ซึ่งก็เป็นอีกจุดหนึ่งที่ทำให้มองย้อนกลับมาว่า จริงๆ แล้ว การที่ได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยความหวัง มันเป็นแรงขับเคลื่อนให้เราต้องพยายามอย่างหนักในทุกๆ วัน เช่นกัน

แต่ในขณะเดียวกันก็มีคนอีกกลุ่มหนึ่งที่หมดสิ้นความหวังในชีวิต ใช้ชีวิตอย่างมองไม่เห็นอนาคต ท้อแท้และขมขื่นจนบิดเบือนจิตใจให้กลายพวกวิปริต อย่างกลุ่มกองทัพที่ถูกส่งเข้ามาช่วยผู้รอดชีวิต แต่ก็ไม่สามารถทำภารกิจกู้ภัยนี้สำเร็จได้จนต้องตกอยู่เมืองที่ปิดตาย พวกเขาเองก็มองไม่เห็นหนทางรอด จึงเลิกล้มความพยายาม แล้วใช้ชีวิตไปวันๆ ยอมแพ้ต่อพระเจ้า ด่าทอถึงการถูกทอดทิ้ง แต่ถามว่าผิดไหม จริงๆ ก็ไม่ใช่เรื่องผิดเหมือนกัน เพราะในชีวิตจริงความพยายามของแต่ละคนไม่เท่ากัน คนที่พยายามน้อยกว่าก็ไม่ใช่คนที่ผิด

ประเด็นสุดท้ายที่ทำให้หนังเรื่องนี้มีมิติขึ้น คือ ความสัมพันธ์ของตัวละครต่างๆ ที่นำไปสู้การเสียสละชีวิต เพื่อแลกกับความถูกต้อง ซึ่งถือว่าเป็นพล็อตเรื่องที่ไม่ได้ใหม่ แต่หนังเองก็เล่าได้อย่างดี จนอดเสียน้ำตาไม่ต่างจากภาคแรกที่ทำไว้อย่างงดงามเลยทีเดียว

NYLON THAILAND ก็อยากชวนทุกคนไปร่วมลุ้นกันในโรงภาพยนตร์กันดีกว่า ว่าเรื่องราว 4 ปีให้หลังของ Train to Busan: Peninsula จะทำให้ลุ้นระทึกหัวใจมากแค่ไหน จะสุดเหวี่ยง จะเคล้าน้ำตาหรือไม่ ไปสัมผัสเองในโรงภาพยนตร์ได้แล้ววันนี้

#ออกมาดูPeninsula

สามารถรับชมตัวอย่างภาพยนตร์ได้ทาง