ain’t no sunshine

IMG_8720

ฤดูซัมเมอร์คือช่วงเวลา ที่กลุ่มวัยรุ่นมักค้นพบ สิ่งใหม่ๆ เช่นเดียวกับ สองพี่น้องและผองเพื่อน ที่ตั้งวงดนตรีร่วมกัน

 

 

แม้วันที่สองหนุ่มพี่น้องฝาแฝดเอิงและเอย (ดนุพรรษ์ และธนพรรษ์ ยาท้วม-ร้องนำและกีตาร์) ต้องแยกกันไปเรียนต่อคนละมหาวิทยาลัย แต่ความฝัน และความมุ่งมั่นในด้านงานเพลงก็ไม่เคยลดน้อยลง “ผมเล่นดนตรีด้วยกันตั้งแต่สมัยมัธยม และพอเข้ามหา’ลัย ผมไปเรียนธรรมศาสตร์ ส่วนเอยไปเรียนเกษตรฯ” เอิงเล่าเรื่องการฟอร์มวงซัมเมอร์สต๊อปให้ฟัง “พอตอนผมไปเรียนธรรมศาสตร์ก็รู้จักแมว (วัฒน์สุ สิทธิปิยะสกุล-คีย์บอร์ด) และโดม (ธิติภัทร รวมทรัพย์-กลอง) ซึ่งทั้งคู่เป็นรุ่นน้องใน TU Folksong ที่ธรรมศาสตร์ แต่ตอนเรียนก็ไม่ได้ทำเพลงกันแบบจริงจัง กระทั่งจบมหา’ลัยเลยอยากทำเพลงจริงจังส่งค่ายกัน” เอิงและเอยเริ่มต้นด้วยการเดินหน้าทำเพลงกันแบบสองคนก่อน จากนั้นจึงชวนแมวมาเป็นมือคีย์บอร์ด เพื่อทำเพลง เดโมร่วมกัน ซีดีเดโมของพวกเขาถูกส่งออกไปยังค่ายเพลงสามแห่ง และหลังจากนั้นราวสองสัปดาห์ค่ายสมอลล์รูมก็โทรติดต่อไปยังพวกเขา “ปกติเราจะอยู่ด้วยกัน แต่วันนั้นเราแยกกันพอดี เพราะพี่เอิงต้องไปเล่นในงานแต่ง” แมวเล่าถึงนาทีที่ได้รับการติดต่อกลับมา “สมอลล์รูมก็โทรหาพี่เอิง เพราะเราทิ้งเบอร์พี่เอิงไว้ คนเดียว พี่เอิงก็ดันเล่นดนตรีอยู่เลยไม่ได้รับโทรศัพท์ เขาโทรมาอีกที พี่เอิงก็รับและบอกว่าเล่นดนตรีอยู่ เดี๋ยวโทรมาใหม่นะครับ แต่เขาก็ไม่โทรมา จนพี่เอิง เล่นเสร็จโทรกลับไปก็ไม่มีคนรับ เพราะเขาเลิกงานแล้ว” แมวเล่าจบทุกคนก็หัวเราะ ตามด้วยเสียงแทรกจากเอิงว่า “ซวยแล้ว! นี่เขายังจะเอาเราอยู่ไหมเนี่ย” เสียงหัวเราะจึงตามมาอีกระลอก

 

 

จากนั้นไม่กี่วัน พวกเขาก็ได้รับข่าวดีที่ค่าย สมอลล์รูมติดต่อกลับมา พร้อมกับข่าวร้ายว่าเดโม ของพวกเขายังไม่ผ่าน “ตอนนั้นเราทำเดโมส่งไป สองเพลงคือ “ลำพัง” กับ “ไม่น่าเลย” ซึ่งไม่ผ่านสักเพลง” เอิงพูดจบ เอยก็แซวสนุกว่า “ไม่น่าเลย” ทว่าประตูแห่งความฝันยังไม่ถูกปิด ทั้งสามหนุ่มรีบกลับไปแก้มือด้วยการทำเพลงเดโมใหม่สองเพลง คือ “อยากฟัง” และ “รักษาสัญญา” ส่งมาที่สมอลล์รูม ผลปรากฏว่าผ่านฉลุย “ทีนี้ทางสมอลล์รูมก็อยากให้เราเข้ามา เล่นสดให้ดู แต่ตอนนั้นเรายังไม่มีมือกลอง ก็เลย ตามโดมมาอยู่ในวงด้วย จนกลายเป็นซัมเมอร์สต๊อป” เอิงเล่า

 

 

เอิงและเอยเคยมีวงชื่อ ‘คัมมอนเบบี้’ ในช่วงก่อนจบมหาวิทยาลัย หลังจากนั้นก็ฟอร์มวง ใหม่เป็น ‘มอร์นิ่งมูน’ ซึ่งมีแมวเข้ามาเป็นมือคีย์บอร์ดแล้ว ก่อนจะกลายมาเป็นซัมเมอร์สต๊อป “จากที่ได้ คุยกัน ทางสมอลล์รูมและพวกเราเห็นตรงกันว่ามัน น่าจะมีบรรยากาศของความหนาวเย็นอยู่ มันน่าจะ เป็นเพลงป๊อปที่ฟังแล้วรู้สึกถึงฤดูหนาว มีหมอก จางๆ” เอิงอธิบายถึงชื่อวง “จะเป็นวินเทอร์สตาร์ท (Winter Start) ก็ดูง่ายไปนิดนึง” ทั้งสี่หนุ่มหัวเราะ ชอบใจ แล้วเราจะเรียกแนวเพลงของซัมเมอร์สต๊อป ว่าอะไรดี “ป๊อปหนาวๆ” แมวตอบแบบกวนๆ แต่ เรียกเสียงฮาได้ไม่น้อย

 
หลังจากที่ร่วมหัวจมท้ายตั้งวงด้วยกันมา เราสงสัยว่าทั้งสี่หนุ่มที่ต้องทำงานร่วมกัน มีปัญหาขัดแย้ง กันบ้างไหม “มีครับ!” เอยรีบตอบเสียงดังฟังชัด “ส่วนใหญ่เป็นผมกับเอิง” เอยพูดจบทุกคนก็หัวเราะ “คือผมกับเอิงจะคิดเยอะ คิดละเอียด เรื่องนิดเดียว ก็จะหยิบขึ้นมาเป็นประเด็น แล้วเถียงกันยาวด้วย” แมวทนไม่ไหวเล่าแทรกขึ้นมาว่า “ภาพในห้องซ้อม มันจะเป็นแบบว่าผมนั่งอยู่ที่คีย์บอร์ด โดมนั่งอยู่ที่กลอง พี่เอิง-เอยก็จะยืนถกกัน พวกเราก็จะนั่งมอง ทีแรกก็ แปลกใจ ไม่เคยเห็น แต่ตอนหลังชินแล้ว ก็หยิบมือถือ มากดๆ รอไป” หนุ่มมือกลองผมยาวอย่างโดมรีบ ผสมโรงต่อว่า “แต่มีบางทีเถียงๆ กันอยู่ แล้วหันมา ถามผมว่า “โดม มึงว่าไง” ผมก็ตอบ “ยังไงก็ได้พี่” ประโยคนี้เรียกเสียงฮาจากรอบโต๊ะได้ไม่น้อย เอยพลิก สถานการณ์กลับว่า “จริงๆ วงเราคุยกันเยอะมาก หรือบางทีเถียงกันสี่คนเลยก็มี แต่มันเป็นเรื่องที่ดีที่ได้ คุยกันเยอะๆ การเถียงกันทำให้เกิดจุดร่วมที่ทำให้เรา ได้รู้ว่าแต่ละคนคิดเห็นยังไง”

 
เมื่อชื่อวงซัมเมอร์สต๊อปเริ่มเป็นที่รู้จักไม่ว่าจะ เป็นจากบนยูทูบ การออกทัวร์ หรือสื่อต่างๆ ปฏิเสธ ไม่ได้ว่าเริ่มมีแฟนคลับสาวๆ แอบกรี๊ดพวกเขา โดย เฉพาะสองพี่น้องหนุ่มหล่ออย่างเอิงและเอย “ผมว่า เหตุผลส่วนใหญ่ที่หนุ่มๆ มาเล่นดนตรีก็เพราะอยาก ให้สาวกรี๊ดนั่นแหละ” เอิงกล่าวถึงประเด็นนี้ ก่อนที่ โดมจะพูดต่อว่า “ผมว่ามันก็สำคัญนะ เพราะทุกวันนี้ บางทีมันแยกกันไม่ออก อย่างการที่คนเข้าไปฟังเพลง ในยูทูบ และเห็นธัมบ์เนลมาเป็นภาพคนหน้าตาดีๆ อย่างพี่เอิง-เอย ผมว่ามันก็ช่วยดึงดูดให้คนสนใจ ผลงานเรา แต่สุดท้ายแล้วมันก็อยู่ที่ตัวเพลงและ ผลงานที่จะพิสูจน์ทุกอย่าง” โดมพูดจบประโยคก็ถึงคิว ที่แมวจะได้เผาเพื่อนเบาๆ “แต่เห็นคุณโดมอย่างนี้นะครับ ลองเข้าไปดูในเพจสมาคมนิยมผู้ชายผมยาว เขาได้ หลายพันไลค์แล้วนะ” ขณะที่เพื่อนๆ ร่วมวงกำลังส่ง เสียงคิกคัก เอิงก็รีบปล่อยมุกตบท้ายว่า “ขอโทษนะครับ โดมเขามีป้ายไฟแล้วนะ” ช่างเป็นวงแห่งฤดูหนาวที่ ร้อนแรงเสียจริงๆ

 

เรื่อง: ณัฐวุฒิ แสงชูวงษ์
ภาพ: ไชยวัฒน์ ไชยโชติ

0 replies

Leave a Reply

Want to join the discussion?
Feel free to contribute!

Leave a Reply