keep the faith

IMG_8954

 

ศิลปินหน้าใหม่คนนี้แจ้งเกิด จากเพลง “Superman” ทว่าเขาไม่ได้มีพลังวิเศษ เหนือมนุษย์แต่อย่างใด เขาเป็นเพียงผู้ชายที่มุ่งมั่นในเส้นทางสายดนตรีคนหนึ่งเท่านั้น

 

 

ชายหนุ่มชาวพัทลุง โอ-ปวีร์ คชภักดี หัดจับคอร์ด กีตาร์ตั้งแต่ชั้นม.2 จากนั้นจึงฝึกปรือฝีมือให้เก่งขึ้นเรื่อยๆ จนสามารถเล่นดนตรี ร้องเพลง และเริ่มแต่งเพลงเองได้ เมื่ออยู่ชั้นม.5 “ตอนนั้นผมหัดแต่งเพลงไปเล่นประกวด ที่หาดใหญ่ เป็นรายการหนึ่งของมหาวิทยาลัยทักษิณ ชื่อเพลง “แค่ลองทำ” ผมยังจำเนื้อได้แม่นเลย” โอเล่า ด้วยน้ำเสียงที่ตื่นเต้นพร้อมร้องท่อนหนึ่งของเพลง อย่างชัดถ้อยชัดคำ แม้จะผ่านมาหลายปีแล้วก็ตาม “สุดท้ายผมก็ไม่ได้เข้ารอบ แต่กลับมีความสุขที่ได้ ร้องเพลงของตัวเองให้คนอื่นฟัง บอกตรงๆ ว่าในหัวผม ตอนนั้นมีแต่เรื่องดนตรี” หลังจากจบมัธยมศึกษาที่ โรงเรียนพัทลุง โอไม่ปล่อยให้ความฝันของเขาหยุดลง ครึ่งๆ กลางๆ ด้วยการเข้าเรียนที่วิทยาลัยดนตรี มหาวิทยาลัยรังสิต แขนงวิชาการแสดงดนตรี เอกการ ขับร้อง “ระหว่างเรียนผมก็ทำเพลงไปด้วย อัดเสียงเอง ที่ห้องนอน ทำเองทุกอย่าง จนเริ่มขึ้นปีที่ 2 ก็มีเพื่อน มาชวนไปงาน Fat Festival ซึ่งผมไม่รู้ว่าเป็นงานอะไร รู้เพียงแค่ว่าวัยรุ่นที่ชอบดนตรีเขาไปกัน ผมก็เลยไป” โอนั่งคุยกับเราอย่างเป็นกันเอง สีหน้า ท่าทาง และ การพูดจาของเขาเผยความใสซื่อแบบเด็กต่างจังหวัด หากแต่แววตาของเขาเปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่น ทะเยอทะยาน “ผมไปยืนดูวงสควีซแอนนิมอลอยู่ข้าง เวที ซึ่งสุดยอดมาก ผมเลยตั้งปณิธานว่าสักวันผม จะต้องมายืนบนนั้นให้ได้”

 
ตลอดระยะเวลาหนึ่งปีหลังจากนั้น โอใช้เวลา นอกห้องเรียนในการแต่งเพลงและทำดนตรีด้วยตัวเอง โดยใช้คอมพิวเตอร์ธรรมดาในการอัดเสียงและมิกซ์เพลง จนออกมาเป็นอัลบั้มอีพี 4 เพลงชื่อ Song from Inside แล้วลงมือไรท์ลงแผ่นซีดีทีละแผ่น “ตอนนั้นผมทำประมาณ 150 แผ่น ให้เพื่อนช่วยถ่ายรูปให้ ฝากรุ่นพี่ คนหนึ่งปรินต์ปกให้ ซื้อกล่องซีดีสีดำๆ มาใส่ เพราะ รุ่นนั้นราคาถูกสุด” โอเล่าประสบการณ์อย่างออกรส ชนิดที่เรานึกภาพตามได้ “ผมชวนเพื่อนคนหนึ่งไป เดินแจกทุกคนที่งาน Fat Festival ครั้งที่ 9 ในปีถัดมา ผมแจกไปทั่วงาน เพราะตอนนั้นผมไม่รู้เลยว่าควรจะ แจกใคร แจกยังไง” จากนั้นเพียงสัปดาห์เดียว โอแทบ ช็อกเมื่อซีดีทำเองแผ่นนี้ไปสะดุดหูค่ายเพลงใหญ่ ค่ายหนึ่งจนโทรศัพท์ติดต่อมาหาเขาและชวนเข้าไป คุยเรื่องการทำเพลง แต่หากเขาได้ออกอัลบั้มตั้งแต่ ตอนนั้น นิยายชีวิตของหนุ่มพัทลุงคนนี้ก็คงจะจบ ง่ายเกินไปนิด

 

 

หนึ่งปีต่อมา ในงาน Fat Festival ครั้งที่ 10 ชายหนุ่มชื่อโอ-ปวีร์ ยังไม่ละความพยายามด้วยการ มาเดินแจกซีดีอีพีอัลบั้มที่เขาทำเองเฉกเช่นปีก่อน “คราวนี้ผมทำจำนวนมากขึ้นกว่าเดิมนิดนึงเป็น 200 กว่าแผ่น ปรับปกให้ดูดีขึ้น แต่ยังไรท์ทีละแผ่นด้วย ตัวเองและใส่กล่องซีดีสีดำเหมือนเดิม” โอพูดจบ ก็หัวเราะ อีพีอัลบั้มชุดที่สองชื่อ My Way มีจำนวน 6 เพลง ซึ่งครึ่งหนึ่งเป็นเพลงที่เขาแต่งขึ้นใหม่ หนึ่งในนั้น คือซิงเกิลอะคูสติกป๊อป “Superman” ที่โอส่งเข้าไปใน ช่วง Bedroom Studio และได้รับคัดเลือกให้เป็นศิลปิน หน้าใหม่ขึ้นเล่นบนเวที Bedroom Studio ในงาน Fat Festival ครั้งนั้น ต่อมาเพลงนี้ยังได้รับความนิยมไต่ ขึ้นสู่อันดับ 1 บนคลื่น Fat Radio และติดอยู่ในชาร์ต ยาวนานถึง 24 สัปดาห์ รวมทั้งคว้ารางวัล Fat Award 2011 สาขา Bedroom of the Year เป็นการตบท้าย “ตอนนั้นผมโคตรฝันเลย ไอ้*** กูได้ไปเล่นในงาน Fat แล้ว!” เขาเผลอสบถออกมาด้วยความดีใจ “ตอนนั้นผมชวนเพื่อนๆ ที่คณะมาเล่นเป็นวงให้ ผมมีความสุขมากที่ได้เล่นเพลงของตัวเองในงานนั้น”

 

 

ประตูแห่งโอกาสเปิดต้อนรับโอให้ก้าวมาถึง ครึ่งทาง เขาจึงไม่หยุดที่จะเร่งสปีดไปให้ถึงปลายฝั่งฝัน ด้วยการเข้าประกวดในโครงการโคน ค้น คน ซึ่งผู้ที่ ได้รับรางวัลชนะเลิศจะได้เป็นศิลปินใหม่ในสังกัด Believe Records และปวีร์ คชภักดี ก็คว้าชัยมาได้ สำเร็จ จากนั้นเพลง “พอ” ที่อยู่ในอัลบั้มอีพี My Way ของเขาก็ถูกนำมาทำใหม่เพื่อใส่ไว้ในอัลบั้มรวมเพลง Believe Records Present Compilation ถือเป็นอีกหนึ่ง เพลงปูทางที่ทำให้นักฟังเพลงรู้จักเขาในฐานะศิลปิน เดี่ยวหน้าใหม่ต่อจาก “Superman”

 
ผ่านไปปีกว่า ซิงเกิลแรกอย่างเป็นทางการของ โอ-ปวีร์ คือ “รอ” เพลงป๊อปฟังสบายที่ได้วรรธน์ ภิญโญวาณิชกะ นักร้องนำวง EWERY มาช่วยแต่ง เนื้อร้องและทำนอง พร้อมด้วยโปรดิวเซอร์มือดี ปุ๊ย-ดุสิต ตันสกุล มาช่วยเรียบเรียงเพลงที่มีเนื้อหา เกี่ยวกับการรอคอยความรัก “จริงๆ เพลงของผมก็ เป็นป๊อปธรรมดานี่แหละ เพราะอยากให้คนฟังเข้าใจง่าย แต่ผมจะใส่กลิ่นของความเป็นโซลและฟังก์เข้าไปด้วย อีกอย่างคือผมเป็นคนชอบแร็ป เวลาเล่นกีตาร์โปร่ง ก็ชอบเล่นและร้องรัวๆ ตามไปด้วย” โอพูดถึงการทำ เพลงในสไตล์ของเขา “ผมว่าตอนนี้ดนตรีมันสุดขอบแล้ว คงไม่มีอะไรใหม่ไปกว่านี้ เพลงที่ดังๆ ตอนนี้ก็มีแกน เหมือนๆ กัน แตกต่างกันแค่การตกแต่งรายละเอียด ให้มันดูแปลกใหม่ขึ้น”

 

 

โอกำลังอยู่ในระหว่างการทำอัลบั้มสตูดิโอชุดแรก ของเขาในชีวิตกับ Believe Records โดยคัดเลือกเพลง บางส่วนจากเพลงที่เขาเคยแต่งและทำเดโมเก็บไว้ รวมกว่า 15 เพลง ซึ่งไม่เคยรวมอยู่ในอีพีอัลบั้มชุดใด มาก่อน “ผมโชคดีมากที่เริ่มต้นจากการเป็นศิลปินอินดี้ เพราะที่ผ่านมาผมได้นั่งทำเองกับมือทุกกระบวนการ นับตั้งแต่แต่งเพลง ร้องเพลง ทำดนตรี ทำมาสเตอร์ มิกซ์ ไปจนถึงทำปก ไรท์แผ่น ซื้อกล่อง” โอพูดถึง ความแตกต่างระหว่างการเป็นศิลปินอิสระและศิลปิน ที่มีสังกัด “พอเรามาอยู่ตรงนี้ ถึงเราไม่ต้องลงไปยุ่งกับ เรื่องตรงนั้นเองทั้งหมด แต่เราได้เข้าใจกระบวนการ ทำเพลง รวมทั้งธุรกิจของดนตรีในรูปแบบบริษัท”

 

 
แม้ในวันที่เรานั่งคุยกัน หนุ่มวัย 24 ปีจาก จังหวัดพัทลุงที่เต็มไปด้วยไฟฝันทางดนตรีจะกลาย เป็นศิลปินที่มีสังกัดและเริ่มเป็นที่รู้จัก แต่เขาก็ยัง ไม่ลืมความเหน็ดเหนื่อยและท้อแท้ในอดีตที่กลายเป็นแรงผลักดันชั้นดี “ผมยังจำได้ดีว่าตอนทำอีพีชุดแรก ไปแจก ก็รู้สึกเครียดและท้อ ผมเขียนแอคเคาน์ MySpace ไว้บนปกด้วย เผื่อให้คนเข้ามาฟังเพลง ของเรา แต่กลับมียอดเพิ่มขึ้นมาแค่ 10 คนเอง” โอเล่า ด้วยน้ำเสียงที่แฝงอารมณ์ขัน “แต่ตอนนั้นผมยังมี ไฟอยู่และคิดว่าไม่มีใครทำครั้งแรกแล้วประสบความ สำเร็จหรอก” โอบอกว่าศิลปินไทยรุ่นพี่อย่างวง 25 Hours, Scrubb, Musketeers, Silly Fools จนถึงศิลปินต่าง ประเทศอย่างจอห์น เมเยอร์ และเจสัน มราซ เป็น แบบอย่างที่ดีให้กับเขาและศิลปินรุ่นหลังในการมุ่งมั่น ทำเพลงด้วยตัวเอง เพื่อเป็นใบเบิกทางในการก้าวมา เป็นศิลปินที่มีชื่อเสียง “ผมไม่เคยคิดจะเข้าประกวด ร้องเพลงรายการไหนเลยนะ ผมไม่เคยมองไปทางนั้น ผมมีจุดมุ่งหมายแล้วว่าจะไปแบบนี้ ผมคิดว่าตัวเอง มีศักยภาพพอที่จะแต่งเพลงเอง ร้องเพลงของผมให้ คนอื่นฟัง แล้วทำให้พวกเขามีความสุขได้ และรู้ว่า ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ด้วย” โอกล่าว “ผมว่าเราจะก่อปิรามิด จากยอดไม่ได้ เราต้องสร้างฐานให้มั่นคงก่อน”

 

 
เรื่อง: ณัฐวุฒิ แสงชูวงษ์
ภาพ: ไชยวัฒน์ ไชยโชติ

 

0 replies

Leave a Reply

Want to join the discussion?
Feel free to contribute!

Leave a Reply