en route

หากพูดถึงเกาะศรีลังกา ประเทศเล็กๆรูปหยดน้ำใต้อินเดีย หลายคนคงนึกไม่ออกว่าประเทศนี้มีอะไรน่าเที่ยว นอกจากไปดื่มชาซีลอน ของขึ้นชื่อที่เคยได้ยินตั้งแต่สมัยเรียนวิชาภูมิศาสตร์ชั้นประถมแต่ใครจะไปรู้ว่าศรีลังกามีเมืองเล็กๆ ที่แสนจะมีเสน่ห์ซ่อนตัวอยู่นามว่า กอลล์ (Galle)

 

 

 

กอลล์เป็นเมืองติดชายฝั่งทะเลทางตะวันตกเฉียงใต้ของศรีลังกา เคยถูกปกครองด้วยโปรตุเกสในช่วงศตวรรษที่ 16 โดยมีบทบาทเป็นเมืองท่าที่สำคัญ และได้รับการพัฒนาถึงขีดสุดโดยชาวดัตช์ที่เข้ามาในช่วงศตวรรษที่ 18 ทำให้เมืองกอลล์มีลักษณะของวัฒนธรรมยุโรปปะปนเข้ามาด้วย รวมไปถึงสถาปัตยกรรมสไตล์โคโลเนียลที่ผสมกลมกลืนกับรายละเอียดกระจุกกระจิกแบบท้องถิ่นได้อย่างลงตัว เกิดเป็นตึกรามบ้านช่องแบบยุโรปที่มีสีสันสดใสปนกับสไตล์ทรอปิคอลแบบศรีลังกาอันมีเสน่ห์เหลือล้น

 

 

 

กอลล์แบ่งเมืองออกเป็นสองส่วนหลักๆ คือในตัวเมืองที่ผู้คนใช้ชีวิตเฉกเช่นปกติทั่วไป ไม่ต่างอะไรกับเมืองหลวง แต่หากเพียงก้าวผ่านประตูเมืองเข้าสู่โซนเมืองเก่า หรือที่เรียกว่า Galle Fort แล้ว จะพบกับความเงียบสงบราวกับเป็นคนละโลกเลยทีเดียว Galle Fort ได้รับการยกย่องให้เป็นพื้นที่มรดกโลกที่แสดงออกถึงการผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรม แบบยุโรปกับเอเชียใต้ เท่านี้ก็พอจะการันตีได้ว่าเมืองนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ

การเดินทางไปเมืองกอลล์ ไม่ยากอย่างที่คิดหากคิดจะมาเที่ยวแบบสมบุกสมบันแล้วละก็ รถไฟเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจและสามารถสัมผัสได้ถึงวิถีชีวิตของชาวศรีลังกาแท้ๆ หลังจากเครื่องบินลงจอดที่สนามบินเมืองโคลัมโบ แบกเป้ขึ้นรถบัสเพื่อไปยังสถานีรถไฟสู่เมืองกอลล์ได้เลย ด้วยตั๋วรถไฟราคาถูกแสนถูกเพียง 180 รูปี (ประมาณ 40 บาท) แลกกับประสบการณ์การเดินทางแบบชาวศรีลังกาที่คงจะไม่ได้สัมผัสบ่อยนัก

 

 

 

เมื่อเข้าสู่ตัวเมืองกอลล์ที่มีความวุ่นวาย คลาคล่ำไปด้วยผู้คนที่ออกมาเดินช็อปปิ้ง จ่ายตลาด พร้อมกับส่งยิ้มที่แสนจะเป็นมิตรให้กับนักท่องเที่ยวผู้มาเยือนเป็นเสน่ห์น่ารักที่อาจจะหาไม่ได้จากเมืองหลวงใหญ่ๆ เป็นแน่

 

 

 

การเดินทางภายในตัวเมืองที่ง่ายและสะดวกที่สุดแถมยังราคาย่อมเยาคือรถสามล้อ ซึ่งหน้าตาไม่ต่างอะไรกับตุ๊กตุ๊กบ้านเรา แต่หากจะนับดูจริง ถ้าจะลองเดินก็คงไม่ถึงกับเหลือบ่ากว่าแรงแถมยังได้แอบสังเกตวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้านอีกด้วย จากสถานีรถไฟเมืองกอลล์ผ่านตลาดปลา โรงเรียน สถานที่ราชการต่างๆ รวมไปถึงสนามคริกเก็ตขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นกีฬายอดนิยมของชาวศรีลังกา ก่อนจะก้าวเข้าสู่ประตูเมืองนำไปสู่เขตเมืองเก่าหรือ Galle Fort

 

 

 

Galle Fort มีลักษณะเป็นแหลมที่ยื่นออกไปกลางมหาสมุทรอินเดีย เป็นบริเวณที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวมากที่สุด ซึ่งส่วนมากมักจะเป็นนักท่องเที่ยวจากโซนยุโรป และเอเชียผิวเหลืองอย่างเราๆ ที่ต้องการหลีกหนีความวุ่นวายมาหาความสงบ ท่ามกลางบรรยากาศที่ไม่ต่างอะไรจากเมืองเก่าในยุโรป หากแต่มีท้องฟ้าสีครามและมหาสมุทรอินเดียเป็นฉากหลังผสมปนเปกับวัฒนธรรมแบบศรีลังกา ตึกรามบ้านช่องหลังเล็กเรียงรายอยู่ตามตรอกซอกซอยที่เกิดจากถนนสายเล็กๆ ตัดกันไปมา แค่เพียงได้เดินทอดน่องชมบ้านแต่ละหลังก็นับว่าเพลินมากแล้ว เมื่อเดินอ้อมมาจนสุดทางจะพบกับประภาคารสีขาวเด่นตั้งอยู่เป็นแลนด์มาร์กของ Galle Fort เคียงคู่อยู่กับมัสยิดประจำเมือง หลังจากเสร็จพิธีกรรมทางศาสนาแล้ว พื้นที่บนหน้าผานี้เป็นบริเวณที่ชาวบ้านมักมาเดินเล่นชมพระอาทิตย์ตกดิน โอบล้อมด้วยผืนมหาสมุทรเบื้องหน้าที่ถูกอาบไปด้วยแสงสุดท้ายของวัน

 

 

 

ด้วยความที่เมืองกอลล์เคยเป็นเมืองขึ้นทั้งจากโปรตุเกสและดัตช์เป็นเวลายาวนาน นอกจากสถาปัตยกรรมแบบยุโรปแล้ว อาหารการกินของที่นี่ก็ได้รับอิทธิพลมาไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็นสลัด แซนด์วิช ขนมปังต่างๆ ซึ่งมักจะแอบสอดไส้ด้วยแกงกะหรี่สไตล์ศรีลังกา หรืออาหารพื้นเมืองที่ได้วัตถุดิบจากอาหารทะเลสดใหม่ แต่ที่ขาดไม่ได้เห็นจะเป็นชานมซีลอนที่ชาวบ้านนิยมดื่มกันมาก วัฒนธรรมการนั่งคาเฟ่เก๋ๆ จึงเห็นได้ทั่วไปในย่านเมืองเก่านี้ แต่แทนที่จะดื่มกาแฟกลายเป็นชาซีลอนแทน

 

 

 

ดังนั้นกิจกรรมหลักของนักท่องเที่ยวที่มาพักผ่อนใน Galle Fort คงจะหนีไม่พ้นการแฝงตัวอยู่ในร้านเล็กๆ กับหนังสือสักเล่ม แต่ถ้าเกิดเบื่อขึ้นมา อาจจะลองแวะไปดู Museum Historical Mansion พิพิธภัณฑ์ที่เก็บของเก่าหายากทุกรูปแบบตั้งแต่ไม้จิ้มฟันยันเรือรบ แถมยังไม่เก็บค่าเข้าชมอีกด้วย ภายในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้นอกจากคอลเลกชั่นข้าวของหลากหลายประเภทแล้ว ยังมีบริเวณที่ชาวบ้านนั่งทำงานคราฟต์ให้ดูแบบสดๆ ทั้งการทอผ้า ทำจิวเวลรี หรือการตีเหล็ก ซึ่งมีวางขายผลิตภัณฑ์ที่ได้เป็นของที่ระลึกกลับบ้านไปอีกด้วย หรือคนที่ชื่นชอบช้อปปิ้งของแอนทีค Olanda (No.30, Leyn Baan Street,Fort, Galle,Sri Lanka,www.olandafurniture.com) เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ แค่เพียงได้เดินดูก็สนุกแล้ว แน่นอนว่าบทบาทของการเป็นเมืองท่าสำคัญสมัยดัตช์ปกครอง ย่อมทำให้ที่นี่มีข้าวของและเฟอร์นิเจอร์เก่าเก็บมากมาย

 

 

 

ไม่ต่างอะไรกับการได้เดิน flea marketในยุโรป ด้วยพื้นที่ของอาคารแบบโกดังเก็บสินค้าขนาดใหญ่ของแอนทีคต่างๆ สไตล์ดัตช์ที่ถูกจัดเรียงแยกหมวดหมู่ตามที่ของตัวเอง ดูมีเสน่ห์มากทีเดียว แถมยังมีมุมร้านอาหารเล็กๆ ที่ถูกตกแต่งไว้อย่างประณีตสวยงาม รสชาติอาหารอร่อยไม่แพ้กัน

 

 

 

สำหรับของแฮนด์เมดสไตล์ศรีลังกาที่เป็นของชาวพื้นเมืองแท้ๆ คงหนีไม่พ้นร้าน Barefoot (41 Pedlar Street, Fort, Galle, Sri Lanka,barefootceylon.com) ร้านขายผ้าทอที่มีจุดเด่นอยู่ที่สีสันสดใสและแพตเทิร์นน่ารัก มาในรูปแบบของเสื้อผ้า โสร่ง กระเป๋า รวมไปถึงของแต่งบ้านต่างๆ นอกจากนี้ยังมีของที่ระลึก หนังสือ และชาซีลอนดีๆ เพียบ อีกร้านขายของกุ๊กกิ๊กที่ห้ามพลาดคือ Souk58 (58 Church Street,Fort,Galle,Sri Lanka,www.souk58.com) ร้านขายของแต่งบ้านและเสื้อผ้าที่ออกจะโอนเอียงไปแนวสแกนดิเนเวีย เน้นลายพิมพ์สีสันสดใส แต่หลังจากได้พูดคุยกับเจ้าของร้านสาวชาวออสเตรเลียที่หลงเสน่ห์เมืองกอลล์จนถึงขั้นมาตั้งรกราก จึงได้ทราบว่าลายผ้าต่างๆ เป็นงานฝีมือและการออกแบบของชาวบ้านทั้งนั้น

 

 

 

ในส่วนของที่พักและโรงแรมต่างๆ ในเมืองกอลล์ก็ไม่น้อยหน้าเมืองท่องเที่ยวสไตล์ทรอปิคอลอื่นๆด้วยลักษณะอาคาร เพดานสูงโปร่ง เปิดรับลมทะเลได้เต็มที่ แต่งแต้มด้วยสีสันจัดจ้านและองค์ประกอบทางสถาปัตยกรรมที่เป็นเอกลักษณ์ ไม่ว่าจะเป็นช่องประตูและเสาระเบียงโค้งแบบโคโลเนียล หลังคาดินเผาที่เรียงตัวอย่างเป็นระเบียบสวยงาม เฟอร์นิเจอร์ไม้และผ้าบุลินินเบาสบาย แต่ทั้งหมดยังคงไว้ซึ่งความเรียบง่ายและสวยงามแบบร่วมสมัย อย่างเช่นที่ Pedlar’s Inn (92 Pedlar Street,Fort,Galle,Sri Lanka,www.pedlarsinn.com) เกสต์เฮาส์และร้านอาหารที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2004 นับเป็นยุคบุกเบิกของร้านรวงสมัยใหม่ที่เริ่มเข้ามาตั้งรกรากภายใน Galle Fort จากอาคารเดิมที่เป็นที่ทำการไปรษณีย์ตั้งแต่ปี 1838 จนทุกวันนี้เป็น ‘the must’ ของนักท่องเที่ยวทุกคนที่มาเยือนกอลล์

 

 

 

แม้กอลล์จะเป็นเพียงเมืองกระจิดบนประเทศเล็กๆที่หลายคนยังไม่เคยแม้แต่ได้ยินชื่อ แต่หากลองได้มาเยือนสักวันสองวันแล้ว รับรองว่าจะติดใจจนไม่อยากกลับไปเจอความวุ่นวายของเมืองหลวงอีกเลยทีเดียว

เรื่องและภาพ: บัว

 

0 replies

Leave a Reply

Want to join the discussion?
Feel free to contribute!

Leave a Reply