Jameson presents Whal & Dolph Fish Market คอนเสิร์ตสำหรับคน รักน้ำ รักปลา รักวาฬแอนดอล์ฟเท่านั้น!

นับตั้งแต่ปี 2017 ที่เพลง นานนาน ได้ถูกปล่อยออกมาให้เหล่าแฟนเพลงได้ฟังและรู้จักกับความ Surf-Pop เป็นครั้งแรกนั้น จนถึงตอนนี้เป็นเวลา 2 ปีแล้ว ที่ ปอ-กฤษสรัญ จ้องสุวรรณ และ น้ำวน-วนนท์กุลวรรธไพสิฐ หรือ คุณปลา Whal & Dolph ของแฟนๆ นั้นได้เนรมิตคลื่นทะเลลูกใหญ่ที่ซัดเข้าใส่วงการเพลงอินดี้บ้านเรา จนเป็นปรากฏการณ์ไม่นับไม่ถ้วนผ่านทั้งอัลบั้มเต็มอย่าง Rayon (2017) หรือ EP อย่าง PAR-K (2019) ก็ตาม 

วันนี้ถึงเวลาแล้วที่พวกเขาจะจัดตั้ง ‘ตลาดปลา’ แหล่งชุมนุมครั้งใหญ่เพื่อทบทวนเรื่องราวที่ผ่านมาตลอดทั้ง 2 ปีของพวกเขาในงาน Jameson presents Whal & Dolph Fish Market ที่จัดขึ้นที่ Voice Space เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ภายในงานจะเป็นอย่างไรบ้าง ไปติดตามกันเลยจ้า

ก่อนอื่นต้องบอกว่าคอนเสิร์ตนี้มีทั้งหมด 2 วัน (วันที่ 7 และ 8 กันยายน 2562) และทั้ง 2 วันนี้ก็มีเหล่าแฟนคลับต่างยืนรอเข้าไปในฮอล์กันอย่างเต็มพื้นที่กันตั้งแต่ยังไม่ถึงเวลาเริ่มคอนเสิร์ต ถึงจะดูอึดอัดไปบ้าง แต่ก็ชื่นใจแทนคุณวาฬและคุณดอล์ฟไม่ใช่น้อย 

ข้างหน้าฮอลล์ก็มีกิจกรรมหลากหลายตามแพทเทิร์นของคอนเสิร์ตที่มีตั้งแต่จุดแลกบัตร ร้านอาหาร จุดขายเครื่องดื่ม ป้ายแบคดรอปสำหรับถ่ายรูปลงโซเชี่ยลเก๋ๆ รวมไปถึงของที่ระลึกภายในงาน แต่ที่อยากนำเสนอคือ โซนสำหรับให้วาดรูป Whal & Dolph เพื่อให้กำลังใจศิลปินด้วยนะเออ เท่สุดๆ 

เมื่อทุกอย่างเริ่มเข้าที่เข้าทางเรียบร้อยแล้ว ทางวงก็ไม่รอช้ากระโดดขึ้นมาเวทีพร้อมกับเพลงใหม่ที่เพิ่งปล่อยออกมาอย่าง ใจเดียว ความน่าสนใจแรกคือ การได้เห็นฉากด้านหลังเป็นตลาดปลาที่ทำออกมาได้สมจริงเหลือเกิน เอาจริงใครจะไปคิดกันนะว่าโลเคชั่นตลาดปลาจะมาเป็นฉากหลังคอนเสิร์ตได้เนี่ย 

หลังจากนั้นทางวงก็รัวเพลงจังหวะสนุกกันไม่พักทั้ง อาจจะมีแค่เธอ, บอกฉันที, ยิ้ม (เพลงนี้พิเศษตรงที่ บ๊อบ มาเล่ย์ขึ้นมากล่าวคำคมช่วงต้นเพลงให้เราฟังกันสดๆ ด้วย) หากมันจะสายเกินไป, เก็บเธอเอาไว้ดูก่อน, แล้วเธอ ก่อนจะปิดท้ายด้วย ละเมอ สำหรับโชว์ช่วงแรกนี้ 

ในตอนนี้ไฟด้านหน้าเวทีถูกหรี่ลงจะมืดสนิทนั่นเป็นเพราะว่าความสนุกได้ถูกย้ายไปด้านหลังกับเวทีเรือลอยแพ ขนาดเล็กกะทัดรัดพอยืนได้ 3-4 คน ที่ทางวงออกแบบให้ดูใกล้ชิดกับเหล่าคนดู ความพิเศษในช่วงนี้คือดนตรีจะถูกจำกัดให้น้อยชิ้นลงเหลือเพียงกีตาร์ 1 ตัวของน้ำวนเท่านั้น แน่นอนว่าใน Session นี้เพลงอย่าง มีเธอ, พ, ฉันดีใจที่ได้พบเธอ ก็ถูกปรับใหม่กลายเป็นเวอร์ชั่น acoustic ไปโดยปริยาย ความรัก ความเศร้า ความเหงาที่เคล้าน้ำตา น่าจะเป็นคำอธิบายที่ดีที่สุดสำหรับช่วงนี้ 

ก่อนที่ต่อไปทางวงจะเลือกหยิบเพลง เก็บไว้ให้เธอ จาก Scrubb ขึ้นมาเล่น แค่นี้ก็ว่าเซอร์ไพรส์แล้วนะ แต่นี่เล่นพา พี่บอล และ พี่เมื่อย Scrubb เจ้าของเพลงขึ้นมาแจมด้วยอีกเนี่ย เป็นช่วงเวลาที่ฮอลล์แทบแตกเพราะมีแต่เสียงกรี๊ดเต็มไปหมด ก่อนที่ทั้ง 2 วงจะกล่าวที่มาที่ไปที่ Scrubb ชักชวน Whal & Dolph เข้ามาอยู่ในค่าย What the duck ด้วยกัน และสุดท้ายในช่วง ลอยแพนี้ ก็ได้ฝากให้ Scrubb และ เพลง – ต้องตา จิตดี ตำแหน่งมือคีย์บอร์ด ปิดโชว์ด้วยเพลง คู่กัน ได้อย่างงดงาม

กลับมาที่เวทีใหญ่ด้านหน้าอีกครั้ง Whal & Dolph เริ่มด้วยเพลง บรรยากาศดี, เปลี่ยนไป (เพลงนี้พิเศษตรงที่น้ำวนเป็นคนร้องเอง) ก่อนที่เพลงต่อไป ปอ จะเล่าถึงที่มาของเพลงนี้ที่แต่งได้ตอนอยู่บนรถในวันที่ฝนตกกลายเป็นเพลง น้ำตาฟ้า ที่ตอนนี้ฉากด้านหลังกลายเป็นเม็ดฝนที่ไหลลงตามหน้าต่างรถได้เหมือนจริงมากๆ

ในช่วงสุดท้าย จะเรียกได้ว่าเป็นโชว์ที่ดูสนุกอีกครั้งหนึ่งในปีนี้เลยก็ได้ เพราะด้วยลูกเล่นทั้ง แมงกระพรุนลอยเคว้งอยู่ข้างบนในเพลง รอให้เธอบอก, การหยิบซีนจากเอ็มวี ไม่รู้ทำไม มาให้ได้ดูกันแบบสดๆ บนเวที, การเปิดแพลงที่งดงามที่สุดครั้งหนึ่งใน ฉันยังเก็บไว้ ไปจนถึงการที่เห็นเหล่าฝูงปลาลอยละล่องในเพลง ฝากไว้กับดาว นี่จึงเป็นเหมือนการเนรมิต Voice Space ให้กลายเป็น ocean world ได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจยิ่งนักสำหรับคอนเสิร์ตใหญ่ครั้งแรกของทั้งสองคน

และท้ายที่สุดจริงๆกับเซ็ตลิสต์เรียกเสียงร้องให้กระหึ่มฮอลล์กับ โอ๊ย, นานนาน, เจ้าหญิง (บอย โกสิยพงศ์ Cover) และ ใจเดียว ปิดท้ายค่ำคืนไปได้อย่างอบอุ่น 


จริงๆ แล้วสำหรับ Jameson presents Whal & Dolph Fish Market ไม่ต้องทำอะไรมากเลย เพราะเพียงแค่การได้เรามาฟังเพลงของ Whal & Dolph ก็ถือเป็นว่าเป็นกำไรของคนดูมากๆ แล้ว สำหรับวงที่นานๆ ทีจะมี full show แบบงานนี้ แต่การที่เราได้เห็น ลูกเล่นมากมายในงาน ทั้งฉากของเล่นที่ลอยบนฟ้า หรือแขกรับเชิญสุดพิเศษ สิ่งเหล่านี้ช่วยทำให้เรารู้สึกว่าพวกเขานั้นตั้งใจกับงานครั้งนี้จริงๆ และสุดท้ายมันปฏิเสธไม่ได้เลยที่หลังจบงานแล้วเราจะไม่ตะโกนให้กับพวกเขาทั้งสองคนว่า รักน้ำ รักปลา รักวาฬแอนดอล์ฟ จริงๆ น้าา 🐳🐬Written by Kithanai Jongaijuk