พีพี-บิวกิ้น-ปอนด์ 3 ตัวยุ่งจาก My Ambulance รักฉุดใจนายฉุกเฉิน ที่ทำให้เราอยากเรียกรถพยาบาลด่วน

ก่อนที่จะโทรตาม Ambulance ให้ส่งตัวเข้าห้องฉุกเฉิน NYLON ขอพาสอง Extern หน้าใสในซีรีส์ บิวกิ้น – พุฒิพงศ์ อัสสรัตนกุล และ ปอนด์ – พลวิชญ์ เกตุประภากร พร้อมหนุ่มมาดกวน พีพี – กฤษฏ์ อำนวยเดชกร มารักษาอาการรักติดไซเรนกันก่อน ด้วยบทสนทนาว่าด้วยชีวิตและการทำงานที่จะทำให้หลงรักพวกเขามากยิ่งขึ้น

 

ได้ข่าวว่าบทบาทในเรื่องเหมือนกับตัวตนของแต่ละคนมาก จริงไหม?

บิวกิ้น : ใช่ครับ เพราะจริงๆ แล้วตัวละครเต่า วาฬ และทิวเขา เกิดจากการที่พี่บอส (นฤเบศ กูโน) ผู้กำกับ สัมภาษณ์พวกเราแล้วนำบุคลิกและมุมมองของเรา รวมถึงมุมมองของคนอื่นที่มีต่อเรา มาปรับผสมรวมกันจนได้ออกมาเป็นตัวละครแต่ละตัว อย่างผมรับบทเป็นหมอเต่า นักศึกษาแพทย์ปี 6 ที่มีความเฮฮา รักเพื่อน และนิสัยดี ซึ่งเหมือนกับตัวผมเลยครับ ทั้งเรื่องความสนุกสนาน ความกวนๆ ฮาๆ โดยเฉพาะความเก่งนี่เหมือนมากๆ (หัวเราะ)

ปอนด์ : ผมก็รับบทเป็นนักศึกษา Extern เหมือนกันครับ ชื่อวาฬ เป็นเพื่อนของเต่ากับฉลาม (สกาย-วงศ์รวี นทีธร) ซึ่งตัวบทของวาฬจะมีมุมความรักกับพยาบาลรุ่นพี่ในเรื่องบ้าง แต่ส่วนมากตัวบทก็ยังคงเน้นที่ความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนเป็นหลัก ถ้าถามว่าวาฬกับผมมีความเหมือนกันแค่ไหน บอกได้ว่าน่าจะเกือบทั้งหมดเลย ทั้งเป็นคนร่าเริง ถ้าอยู่กับเพื่อนจะมีความขี้เล่น แต่พออยู่กับผู้หญิงจะเขินอาย คือเหมือนเล่นเป็นตัวเองยังไงยังงั้นเลยครับ

พีพี : ส่วนพีรับบทเป็นทิวเขา น้องชายของพี่ใหม่ (ดาวิกา โฮร์เน่) ที่คอยเป็นที่ปรึกษาด้านความรักให้กับพี่สาวตลอด ซึ่งสิ่งที่เหมือนกันมากระหว่างทิวเขากับพีคือความเป็นคนใจร้อน ในซีรีส์จะเห็นเลยว่าทิวเขาใจร้อนมาก ขี้เหวี่ยงขี้วีนด้วย แต่ตัวจริงอาจจะน้อยกว่านั้นนิดนึงนะครับ (ยิ้ม)

 

เป็นน้องใหม่ในซีรีส์ฟอร์มใหญ่แบบนี้ แต่ละคนต้องทุ่มเทกันแค่ไหน

ปอนด์ : ต้องบอกก่อนว่าถึงตัวละครแต่ละตัวจะสร้างมาจากตัวตนของเรา แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะแสดงออกมาให้คนดูเชื่อว่าเราเป็นตัวละครนั้นจริงๆ เลยต้องศึกษาที่มาที่ไปและทำความเข้าใจตัวละครที่เราเล่นค่อนข้างเยอะ อีกอย่างบางซีนก็ต้องใช้สมาธิมาก อย่างบางเหตุการณ์เราไม่เคยเจอมาก่อน ก็ต้องศึกษาว่าถ้าเป็นคนที่อยู่ในเหตุการณ์นั้นจริงๆ จะรู้สึกอย่างไร หรือบางซีนก็มีทั้งดราม่าและเรื่องราวการแพทย์เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยก็ต้องใช้สมาธิเยอะ ซึ่งด้วยความเป็นมือใหม่ก็โดนพี่บอสดุไปหลายทีเหมือนกันครับ

พีพี : ส่วนผมนี่เป็นละครเรื่องแรกเลย แล้วส่วนใหญ่ต้องเข้าฉากกับพี่ซันนี่ (ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์) และพี่ใหม่ซึ่งเก่งกันมาก จึงค่อนข้างกดดัน พยายามพัฒนาตัวเองเพื่อที่จะรับส่งกับพี่ๆ ให้ดีที่สุด อย่างเวลาต้องเข้าฉากดราม่าผมจะทำสมาธิไปก่อนเป็นชั่วโมงเลย เพื่อที่จะได้ไม่เสียเวลาพี่ๆ คนอื่น

บิวกิ้น : สำหรับผม ตลอด 1 ปีที่ผ่านมาผมรู้สึกว่าซีรีส์เรื่องนี้เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตผมไปแล้ว เพราะแทบจะกินเวลาทั้งหมดในชีวิตเราเลย สมมติว่าเรียนครึ่งวัน อีกครึ่งวันก็ต้องไปกองถ่าย วันไหนหยุดเรียนเราก็ไปกองถ่าย ช่วงระหว่างนั้นก็มีเวิร์กช็อปตลอด ซึ่งนอกจากจะใช้เวลาเยอะแล้วยังเป็นอะไรที่หนักมากๆ แต่เราก็พยายามทำให้ดีที่สุด ด้วยความที่เป็นน้องใหม่จึงต้องพยายามให้มากกว่าคนอื่น ทั้งพาร์ทของการแสดงและการเตรียมตัวก็ทำอย่างเต็มที่ที่สุด ถ้าถามว่าทุ่มเทแค่ไหน ก็อย่างที่บอกว่าซีรีส์เรื่องนี้กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตผมไปแล้ว

สำหรับบิวกิ้นกับปอนด์ กังวลไหมที่ต้องแสดงเป็นนักศึกษาแพทย์

บิวกิ้น : แน่นอนว่าต้องกังวลอยู่แล้วครับ เพราะบทหมอเป็นบทที่ยากและห่างจากตัวเรามาก ไม่ใช่แค่แต่งตัวเป็นหมอ แต่เรายังต้องเข้าใจทัศนคติ เข้าใจความคิดของหมอ รวมไปถึงการกระทำ ท่าทาง บุคลิกต่างๆ ซึ่งต้องค่อยๆ ซึมซับให้ตัวเราเป็นหมอจริงๆ นอกจากนี้ที่ยากมากคือการเข้าฉากต่างๆ ที่ไม่เคยเจอมาก่อนในชีวิต อย่างซีนอุบัติเหตุ ก็ต้องใช้จินตนาการ ใช้ความเชื่อ เพื่อให้แสดงออกมาแล้วคนดูเชื่อว่าเราเป็นหมอจริงๆ

ปอนด์ : ดีที่ก่อนจะถ่ายทำเราได้ไปเวิร์กช็อปกันที่โรงพยาบาลรามาธิบดี มีพี่ๆ หมอ พี่ๆ EMT (Emergency Medical Technician) มาสอนการปฐมพยาบาลเบื้องต้น สอนการใช้อุปกรณ์ แนะนำว่าซีนแบบนั้นแบบนี้ควรจะทำยังไงบ้าง ตลอดจนคำศัพท์ที่เราต้องรู้ และที่สำคัญมากคือวิธีการปั๊มหัวใจที่ถูกต้อง ส่วนตัวผมเองโชคดีมีพี่สาว (ฟรัง-นรีกุล) เป็นนักศึกษาแพทย์อยู่ เลยได้ถามว่า extern คืออะไร มีหน้าที่อย่างไร ต้องทำอะไรบ้าง มีความรับผิดชอบแค่ไหน เพื่อให้เข้าใจมากขึ้นครับ

บิวกิ้น : บอกตามตรงว่าทุกอย่างในเรื่องนี้ยากหมด เพราะเป็นเรื่องที่ไกลตัวเรามาก ฉะนั้นการเวิร์กชอปจึงไม่ใช่แค่เรียนรู้ว่าสิ่งนี้คืออะไร สิ่งนั้นต้องทำยังไง แต่ต้องเรียนรู้ด้วยว่า หมอคิดยังไงเมื่อต้องเจอสถานการณ์แบบนั้น ท่าทางของหมอในแต่ละเคสเป็นยังไง คือเหมือนเราไปเวิร์กช็อปความเป็นหมอจริงๆ ไม่ใช่วิธีใช้เครื่องมือหรือวิธีปฐมพยาบาล ซึ่งหลังจากที่ได้รับบทหมอในเรื่องนี้แล้วทำให้ผมเข้าใจความเป็นหมอมากขึ้นจริงๆ เหมือนได้เห็นโลกในมุมของอาชีพหมอซึ่งเราไม่เคยเห็นมาก่อน

 

ทั้งเรียนทั้งทำงานแบบนี้ แบ่งเวลาให้แต่ละด้านอย่างไรบ้าง

พีพี : ผมมองว่าการแบ่งเวลาเป็นเรื่องของความรับผิดชอบ ถ้าเรามีหน้าที่เยอะขึ้น ความรับผิดชอบของเราก็ต้องมากขึ้นด้วย ฉะนั้นก็ต้องจัดตารางเรียนให้ดี ไม่ให้ชนกับเวลาถ่ายงาน และต้องเพิ่มความขยันขึ้นเป็นสองเท่า เป็นการปรับตัวให้เข้ากับหน้าที่ที่ได้รับมาให้มากขึ้น

บิวกิ้น : การมาทำงานตรงนี้ทำให้ผมเห็นค่าของเวลามากขึ้นเยอะ อย่างปกติเราจะมีตารางเรียนอยู่แล้วว่าเรียนเวลาไหนและว่างเวลาไหนบ้าง พี่ๆ AR (Artist Relation) ก็จะช่วยจัดสรรเวลาให้เราไปทำสิ่งนั้นสิ่งนี้ ซึ่งทำให้เวลาว่างของเรามีค่ามากขึ้น

ปอนด์ : จริงๆ แล้วการเรียนไม่ได้ใช้เวลาเยอะขนาดที่ทั้งสัปดาห์จะไม่มีเวลาไปทำอย่างอื่นเลย ขึ้นอยู่กับว่าใครจะเลือกใช้เวลาที่เหลือไปทำอะไรมากกว่า สำหรับผมแค่ลดการเล่นให้น้อยลงก็มีเวลาไปทำงานมากขึ้นแล้วครับ

 

ทำไมแฟนซีรีส์ถึงไม่ควรพลาด My Ambulance รักฉุดใจนายฉุกเฉิน

พีพี : ความเจ๋งอย่างหนึ่งของเรื่องนี้คือ เป็นซีรีส์โรแมนติกแฟนตาซีที่ใช้ CG (computer graphic) เยอะมาก ซึ่งที่ผ่านมาทางนาดาวยังไม่เคยใช้ CG เยอะขนาดนี้มาก่อน และยังนำเสนอเนื้อหาเกี่ยวกับแผนกฉุกเฉินที่ไม่มีละครเรื่องไหนเคยทำเหมือนกัน แค่นี้ก็น่าดูมากๆ แล้วครับ

บิวกิ้น : อีกอย่างคือเป็นซีรีส์ที่ครบรส ไม่ว่าจะเป็นดราม่า โรแมนติก คอเมดี้ แฟนตาซี ซึ่งพี่บอสพยายามใส่ใจในทุกรายละเอียดของทุกรสจริงๆ อย่างซีนหมอก็พยายามทำออกมาให้สมจริงที่สุดในทุกรายละเอียด ทั้งดีเทลของเข็ม ดีเทลของการรักษา รายละเอียดของคนไข้ หรือเรื่องโรแมนติกก็เข้าถึงคนดูจริงๆ ส่วนคอเมดี้ก็ฮามาก คือเป็นความครบรสที่สุดทุกทาง และอย่างที่พีพีบอก เรื่องนี้ใช้ CG เยอะมาก แทบจะถ่าย Green Screen ทั้งเรื่อง ซึ่งใหม่มากสำหรับนาดาวและนักแสดงอย่างพวกเรา รวมถึงเป็นสิ่งใหม่ๆ ที่คนดูจะได้ดูด้วยครับ

ในซีรีส์มีเรื่องเกี่ยวกับพลังที่สามารถทะลุไปโน่นมานี่ได้ ถ้าแต่ละคนมีพลังที่ว่าจะทะลุไปไหนกันบ้าง

ปอนด์ : อยากทะลุไปสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ไปภูเขา ไปทะเล ไปในที่ที่อากาศบริสุทธิ์ เพราะรู้สึกว่าอยู่ในเมืองวุ่นวายเกินไป อยากไปเจอธรรมชาติที่เงียบๆ สงบๆ บ้าง

บิวกิ้น : ผมอยากทะลุกลับบ้าน สมมติว่าทำงานอยู่แล้วต้องรอนั่นรอนี่ เราก็ทะลุกลับไปนอนรอที่บ้าน เสร็จแล้วค่อยทะลุกลับมา เพราะนอนที่ไหนก็ไม่สุขใจเท่านอนบ้านเราครับ (ยิ้ม)

พีพี : พีก็อยากทะลุกลับบ้านเหมือนกัน เพราะไม่ไหวจะเดินทางจริงๆ กรุงเทพฯ รถติดมาก วันไหนรถติดสุดๆ เราก็ทะลุกลับบ้านได้เลย โดยเฉพาะวันศุกร์กับวันเสาร์ที่ My Ambulance รักฉุดใจนายฉุกเฉินออนแอร์ จะได้กลับไปทันเปิดช่อง ONE31 ดูตอน 20.10 น. ครับ (ยิ้ม)

 

 

Photos: @teiscape
Photos Assistant: @guntanisorn
Art Director: @newzeieis
Style: @styletoon
Clothes: @roll.official @club21thailand
Special thanks: #nadaobangkok