opal confidential

เรารู้จักโอปอล์-ปาณิสรา พิมพ์ปรุ ครั้งแรกในบทคนใช้ชื่อจิ๋มดำ ในภาพยนตร์เรื่อง แจ๋ว เมื่อเกือบ 10 ปีก่อน หนึ่งปีถัดมาภาพยนตร์เรื่อง เพื่อนสนิท ออกฉาย เธอรับบทแตน นางพยาบาลสาวสำเนียงทองแดง และจัดการขโมยซีนจนทุกคนจดจำชื่อ ‘โอปอล์’ ได้ นับจากวันนั้นเธอก้าวบันไดสูงขึ้นเรื่อยๆ จนสามารถมายืนในจุดที่เรียกว่าประสบความสำเร็จอย่างสูง ทั้งในแง่พิธีกร นักแสดง และดีเจ ด้วยภาพลักษณ์ของโอปอล์ที่ขัดกับพิมพ์นิยมของดาราสาวในวงการบันเทิงไทย (กล่าวคือผิวขาว ผอมเพรียว และหน้าหมวย) การที่เธอก้าวมาได้สูงเพียงนี้ หมายถึงต้องมีดีจริงๆ

 

“ปอล์ไม่เคยคิดว่าปอล์ไม่สวย ตั้งแต่เด็กจนโต ใครจะว่าปอล์ดำ ใช่เราดำ แต่ไม่เคยคิดว่ามันไม่ดี ใครว่าเราไม่สวย แต่เรามองกระจกแล้วเราว่าเราสวยในแบบของเรา” โอปอล์ตอบอย่างฉะฉาน เมื่อเราเปิดประเด็นเรื่องความสวย “ความเจ๋งของพ่อแม่ปอล์คือตอนอนุบาลจะขึ้นป.1 พี่ติ๊นาออกอัลบั้มนินจา ปอล์ใส่กระโปรงสั้นๆ แล้วเต้นให้พ่อดู พ่อก็บอกว่าเต้นเลยลูก ดีลูก น่ารักลูก อยากแต่งตัวยังไงก็แต่ง อยากทำอะไรก็ทำ มันคือชีวิตเรา” โอปอล์พูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆแต่แอบมีจริตตามแบบของเธอ “บางคนไปทำศัลยกรรมเปลี่ยนหน้าเพื่อจะสวย ‘เหมือนคนอื่น’ ทำไมไม่คิดว่าความสวยมันมีหลายแบบ แล้วถ้าตัวเองไม่ศรัทธาในความสวยของตัวเอง ใครจะมองว่าตัวเองสวย เราจะสวยเหมือนชมพู่ทุกคนไม่ได้นะ ต้องรอเกิดอีกกี่ชาติถึงจะได้เท่าชมพู่ แล้วถึงจุดนั้นจะมีความสุขใช่ไหม”

 

จำนวน 522,000 ผู้ติดตามบนอินสตาแกรม และ 265,000 ไลค์บนเฟซบุ๊ก คงบ่งบอกถึงความเป็นขวัญใจมหาชนของเธอ แต่ก็ไม่ใช่ทุกคน “มีบางคนมาเมนต์รูปในอินสตาแกรม ด่ารูปเรา ปอล์ไม่ลบนะ แต่ปอล์จะคลิกเข้าไปดูภาพเขา แล้วก็แบบว่า โอ้ ตายแล้ว ดูตัวเองก่อนไหมคะ บางคนบอกว่าใส่แว่นอันนี้แล้วคางแหลม น่าเกลียด ปอล์ก็จะตอบว่า คางจริง คางเหมือนแม่ คางเหมือนยาย ถ้าน่าเกลียดก็ขอโทษด้วย” โอปอล์ไม่เคยปกปิดว่าเธอทำจมูกและเป็นส่วนเดียวในตัวเธอที่ผ่านมีดหมอ เธอยืนกรานว่าถ้าย้อนเวลากลับไปได้จะไม่ทำ “ปอล์ทำจมูกตั้งแต่เล่นเรื่อง แจ๋ว เสร็จ ไปทำกับเพื่อนอีกคน และเพื่อนปอล์จมูกเบี้ยวด้วยหมอคนเดียวกัน เบี้ยวในที่นี้คือผลักแล้วไหลกลับมาที่เดิมได้เลยนะ น่ากลัวมาก” เธอเล่าเรื่องนี้อย่างจริงจังพร้อมทำท่าประกอบ “คิดดูว่าเราไปกันสองคน มันคืออัตราเสี่ยง 50/50 ไม่แกเบี้ยวก็ฉันเบี้ยว ทุกวันนี้ถ้าปอล์ไปเมืองที่หนาวมากๆ จมูกก็จะแข็ง ถ้าไปเมืองร้อนมากๆ มันจะใส ทาแป้งก็จะไม่ติด ว่ายน้ำก็ลำบาก ตีแบดก็ต้องคอยหลบ ตอนขับรถจะชนปอล์เอามือปิดจมูกอัตโนมัติแทนที่จะจับพวงมาลัย ชีวิตมันเพี้ยนไปหมด ถ้าย้อนกลับไปได้จะไม่ทำ แต่ใครจะทำไม่ผิด แต่ให้คิดไว้เลยนะว่าโอกาสสวยคือ 50/50”

 

ไม่ว่าจะนับเรื่องการทำจมูกหรือไม่ รูปร่างหน้าตาของโอปอล์ก็มีพัฒนาการอย่างเห็นได้ชัด จนเราเอ่ยปากว่าเธอดูสวยขึ้นจริงๆ หากเทียบกับตอนเข้าวงการสมัยแรกๆ “มีคนชอบเอารูปในอดีตของปอล์มาเทียบกับตอนนี้ บางคนจะรู้สึกอาย แต่ปอล์กลับรู้สึกดีนะ เรามีพัฒนาการ ปอล์ทำจมูก ปอล์บอก แต่ที่เหลือปอล์ดูแลตัวเองด้วยตัวเอง ปอล์ออกกำลังกาย ปอล์ผอมลงกว่าแต่ก่อนมาก ปอล์แต่งตัวในแบบที่ปอล์ชอบจริงๆ ปอล์ไม่เคยอายอดีตเลย” เราชอบประโยคนี้ ‘ไม่เคยอายอดีต’ “มันคือสเต็ปชีวิตที่เราก้าวขึ้น มันดีกว่าที่คนบอกว่าเราเคยสวย คำว่าเคยมันเจ็บมาก” ทุกวันนี้โอปอล์เป็นพิธีกรรายการโทรทัศน์ 3 รายการคือ ศึกน้ำผึ้งพระจันทร์ ซิสเตอร์เดย์ และเดอะไฮโปรไฟล์ รวมทั้งดีเจคลื่น 94 อีเอฟเอ็ม และเปิดบริษัทผลิตรายการโทรทัศน์ชื่อนางแมวป่า “พอวันเวลาผ่านไป เรารู้เลยว่าอาชีพเราต้องใช้ความสามารถบวกกับการขายลุค ถ้าเขาจะจ้างเราไปเป็นพิธีกร เขาจัดงานใช้งบเท่าไหร่ไม่รู้ เราก็ต้องแต่งตัวและแต่งหน้าให้ดีที่สุด ถ้าเราทำไม่ดีก็เท่ากับไม่ให้เกียรติ เราต้องดูแลตัวเอง นี่คือการลงทุนกับอาชีพ”

 

ทุกคนมองว่าโอปอล์คือตัวแทนของสาวมั่น ทั้งที่จริงๆ แล้วเธอไม่เคยบอกว่าเธอเป็นสาวมั่นอย่างเต็มปากเต็มคำ “ปอล์เป็นตัวเองมากกว่า ปอล์มั่นใจในสิ่งที่คิดว่าใช่ แต่บางเรื่องที่ไม่มั่นใจก็จะขอความคิดเห็นคนอื่น ไม่ใช่ทุกคนที่มั่นใจในทุกเรื่อง แต่ปอล์ไม่ใช่คนที่ไม่ฟังใคร จะทำไม!” เธออธิบายด้วยน้ำเสียงประกอบแบบที่คุณน่าจะนึกตามได้ “แล้วทำอะไรไม่เป็น แล้วห่วย มันมีคนบางประเภทที่มั่นใจแต่ดูปัญญาอ่อน ดูมั่นใจแต่ไม่ฟังใคร” สิ่งหนึ่งที่เรารักในตัวโอปอล์คือ แม้เธอจะดูมั่นใจ เปรี้ยวซ่า ก๋ากั่น แต่อยู่ในกรอบ มีขอบเขต และพูดจาไพเราะ เธอยอมรับว่าส่วนหนึ่งเป็นเพราะการถูกอบรมในสถานศึกษาที่เคร่งครัดอย่างโรงเรียนราชินีบน โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รวมทั้งการเลี้ยงดูในครอบครัว “เด็กยุคปอล์โชคดี มีกาลเทศะหนักมาก ที่บ้านปอล์เลี้ยงดูแบบไทยๆ คุยกับพี่ก็ต้องมีคะขา แต่เด็กบางคนสมัยนี้เข้าใจว่าความมั่นใจคือความก้าวร้าว เวลาปอล์จัดรายการวิทยุ ถ้าเด็กโทรมาก้าวร้าว พูดจาหยาบคาย ปอล์จะเตือนว่าสิ่งที่เขาพูดมันน่าอายมาก เด็กสมัยนี้บางทีเราต้องปราม แต่ก็ต้องปรามแบบวัยรุ่น เราเป็นสื่อ เราไม่ควรปล่อยผ่าน”

 

ไม่ว่าเราเห็นโอปอล์จากสื่อไหน เราก็เห็นเธอมีความสุขและอารมณ์ดีอยู่เสมอ รวมถึงตลอดเวลาที่เธอถ่ายแฟชั่นเซตปกให้กับ NYLON ในวันนี้ แล้วอะไรคือความสุขในชีวิตของโอปอล์ “ปอล์โชคดีมาก ครอบครัวปอล์ดี ชีวิตปอล์ดี และดันได้ทำงานในอาชีพที่ดี มันมีความสุขจริงๆ” โอปอล์พูดด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม “อย่างมาถ่ายแฟชั่นวันนี้ก็เหมือนไม่ได้ทำงาน แล้วไปจัดรายการวิทยุ เลิก 5 ทุ่มก็จริง แต่มันคือการเปิดไมค์แล้วเมาธ์อะไรไปเรื่อยเปื่อย มันคือความสุขมาก ปอล์เป็นคนใช้ชีวิตสุดมาก และเหมือนเป็นคนไม่มีสเต็ปในชีวิตแต่มี ทุกวันนี้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็โอเค พร้อมจะตายได้ทุกนาที” โอปอล์เผยว่าถ้าเธอไม่ได้ถูกชวนมาเล่นหนังเรื่อง แจ๋ว ทุกวันนี้เธออาจจะเดินลากกระเป๋าอยู่ที่สนามบินดูไบ ในฐานะแอร์โฮสเตสของสายการบินเอมิเรตส์ที่เธอสอบผ่านทุกอย่างหมดแล้วก่อนที่จะเบนเข็มสู่วงการบันเทิง

 

แล้วผู้หญิงแซบซ่าคนนี้ที่วัยเพิ่งขึ้นเลข 3 มองตัวเองยังไงในอีกสัก 15 ปีข้างหน้า “ปอล์ไม่คิดว่าจะทำงานจนแก่แน่ๆ ตอนนั้นปอล์คงอยู่กับครอบครัวอย่างมีความสุข แต่ปอล์ไม่ยอมแก่ ปอล์จะแก่แบบมีรอยยับย่น ไม่ต้องไปดึงไปเลาะหน้า แต่จะไม่ใส่เสื้อเสริมบ่า ถ้าไม่ฮิตในช่วงนั้น” เธอมีสัญชาตญาณในการปล่อยอารมณ์ขันสอดแทรกได้ทุกเมื่อ

 

คำถามสุดท้าย: ชีวิตรักตอนนี้เป็นยังไง “มีความสุขและลงตัวดีค่ะ”

 

เรื่อง: ณัฐวุฒิ แสงชูวงษ์

ช่างภาพ: สุดเขต จิ้วพานิช สไตล์: ธาวินี จันทนาโกเมษ

0 replies

Leave a Reply

Want to join the discussion?
Feel free to contribute!

Leave a Reply