sleepless in minnesota

อดัม ยัง ชายหนุ่มผู้เป็นโรคนอนไม่หลับ ใช้เวลายามรัตติกาลขลุกตัวอยู่ในห้องใต้ดินเพื่อทำเพลง จนเกิดเป็นโปรเจ็กต์ดนตรีอันโด่งดังชื่อ Owl City

 

แทนที่จะนอนนับลูกแกะไปเรื่อยๆ ชายหนุ่มขี้อายชื่อ อดัม ยัง กลับบำบัดโรคนอนไม่หลับด้วยการเนรมิตห้องใต้ดินที่บ้านให้กลายเป็นสตูดิโอบันทึกเสียงและใช้เวลาที่ทุกคนในเมืองโอวาทอนนา รัฐมินนิโซตา กำลังนอนฝันหวานอยู่บนเตียง สร้างสรรค์งานดนตรีอย่างเดียวดายภายใต้วงแบบ one-man band ชื่ออาวล์ ซิตี้ (Owl City) “ตอนนั้นผมนอนไม่หลับเลยสักคืน เลยใช้เวลาตอนกลางคืนนั่งแต่งเพลง เพราะมันไม่มีอย่างอื่นที่น่าสนใจให้ทำ ไม่มีร้านอะไรเปิด เพื่อนๆ ก็หลับกันหมด” ยังเล่าจุดเริ่มต้นให้เราฟัง “ผมไม่ได้มีเป้าหมายหรือแผนการอะไร ผมแค่อยากทำอะไรสนุกๆและลองทำไปเรื่อยๆ แต่มันก็มาได้ไกลถึงจุดนี้” แล้วทำไมถึงไม่ใช้ชื่อตัวเองล่ะ “ผมชอบไอเดียของการตั้งชื่อเป็นวงมากกว่า มันฟังดูน่าสนใจและสร้างสรรค์ดี” ยังตอบพร้อมกับเผยว่าชื่ออาวล์ ซิตี้ ไม่ได้มีอะไรสลับซับซ้อน “มันเป็นคำสองคำที่ไม่มีความหมายอะไร ผมสุ่มเลือกสองคำนี้แล้วนำมาต่อกันเท่านั้นเอง ผมว่ามันฟังดูแปลกดีและมีจินตนาการ”

 

ซาวด์จากห้องใต้ดินของเขาค่อยๆ ดังขึ้นสู่พื้นผิวโลกผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์กอย่างมายสเปซ โดยเพลงแรกที่ถูกอัพโหลดคือ “Hello Seattle” ยังตอบเสียงดังฟังชัด “มายสเปซเป็นสิ่งที่สำคัญกับผมมาก เพราะในตอนนั้นผมยังไม่มีแผนการอะไรที่ชัดเจน พอทำเพลงเสร็จก็อัพขึ้นมายสเปซ และผมคิดถูกมากที่เลือกทำแบบนั้น” อาวล์ ซิตี้เริ่มมีแฟนเพลงติดตามผลงานมากขึ้นเรื่อยๆ ในมายสเปซ และนำไปสู่การทำอีพีอัลบั้มชื่อ Of June ในปี 2007 ตามด้วยอัลบั้มเต็มชุดแรก Maybe I’m Dreaming ในปีถัดมาพร้อมกับเริ่มจำหน่ายในไอทูนส์ แม้จะไม่มีค่ายเพลงหนุนหลัง ผลงานเพลงที่กลั่นกรองออกมาจาก ‘ผู้ชายคนเดียว’ กลับมีเสียงตอบรับที่ดีเกินคาด โดยทั้งสองอัลบั้มติดอันดับท็อป 20 บนชาร์ต Billboard Dance/Electronic Albums ยกเว้นเสียงจากบุคคลสองคนที่อยู่ใกล้ตัวเขามากที่สุด “ในตอนแรกๆ พ่อแม่ผมไม่เข้าใจว่าทำไมผมเอาแต่ขลุกตัวอยู่ในห้องใต้ดิน และได้แต่บ่นว่า ‘ออกมาทำอะไรข้างนอกบ้างสิลูก’ ผมก็บอกว่า ‘ไม่ได้ ผมต้องแต่งเพลง’ พ่อแม่ผมไม่ได้เป็นนักดนตรีเลยต้องใช้เวลาสักพักกว่าพวกเขาจะเข้าใจ” ยังพูดถึงแรนดัล พ่อผู้เป็นช่างซ่อม และโจแอน แม่ผู้เป็นครู “แต่ต่อมาพวกเขาเห็นผมขึ้นโชว์บนเวทีก็เริ่มเข้าใจมากขึ้น”

 

อีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า อดัม ยัง หรือในนามอาวล์ ซิตี้ ต้องเดินทางไปขึ้นแสดงในเทศกาลดนตรี Sonic Bang ที่อิมแพ็คอารีนา นี่ถือเป็นครั้งที่สองในการมาเยือนเมืองไทยของเขาหลังจากที่เคยมาร่วมแสดงในงาน Silverlake Music Festival เมื่อต้นปี 2012 หนุ่มร่างสูง 188 เซนติเมตร วัย 27 ปีคนนี้นั่งเอนหลังคุยกับเราบนโซฟาในท่าทีที่สบาย เมื่อเขายกขาขึ้นไขว่ห้างเราก็สังเกตเห็นรองเท้าผ้าใบสเก็ตบอร์ดแบรนด์ดัง Osiris ที่อยู่บนปลายเท้าเขา เสื้อเชิ้ตลายสก็อตพื้นแดงคาดแถบสีเทาที่เขาสวมทับเสื้อกล้ามสีดำแล้วพับแขนเสื้อถึงข้อศอกช่างตัดกับสีผิวที่ขาวซีดของเขา เราเคยได้ยินว่าอดัม ยัง เป็นคนขี้อายและพูดน้อย ซึ่งเอาเข้าจริงก็ไม่ใช่เรื่องผิดคาด “ตอนเด็กๆ ผมขี้อายหนักกว่านี้อีก แต่การเดินทางและการออกทัวร์บ่อยๆ ก็ช่วยให้ผมขี้อายน้อยลง แต่ก็ยังเป็นอยู่” ยังตอบแบบเขินๆ ด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม “ผมเป็นคนเงียบๆ และไม่ค่อยสุงสิงกับใคร ผมชอบอยู่คนเดียวในย่านชนบท แต่เวลาผมต้องเป็นศิลปินแสดงอยู่บนเวที ผมก็แปลกใจตัวเองเหมือนกันที่ทำได้” เราเองก็แปลกใจเมื่อเห็นอาวล์ ซิตี้ที่วาดลีลาอยู่บนเวที ไม่ได้ดูเหนียมอายเหมือนอดัม ยัง ที่นั่งอยู่ตรงหน้าแม้แต่น้อย

 

หลังจากอัลบั้มอิสระสองชุดแรก อาวล์ ซิตี้ ก็กลายเป็นที่รู้จักในวงกว้างกับอัลบั้ม Ocean Eyes ในปี 2009 ที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูงภายใต้สังกัด Universal Republic โดยเฉพาะซิงเกิลแรกอย่าง “Fireflffllies” ที่ขึ้นถึงอันดับ 1 บนชาร์ตบิลบอร์ด และเป็นหนึ่งในเพลงฮิตทั่วโลกของปีนั้น “ผมไม่ได้คาดหวังอะไรเลย ผมแค่ตั้งใจทำงานเพลงให้ดีที่สุดเพราะมันเป็นสิ่งที่ผมรัก แต่ผลตอบรับที่เกิดขึ้นมันสุดยอดมาก ผมเองก็คาดไม่ถึงเหมือนกัน” อัลบั้ม Ocean Eyes ขึ้นถึงอันดับ 8 บนชาร์ตบิลบอร์ด เช่นเดียวกับสองอัลบั้มถัดมา All Things Bright and Beautiful และ The Midsummer Station ที่ล้วนติดท็อป 10 ต่อท้ายด้วยการมี “Good Time” ที่ร่วมงานกับคาร์ลี เร เจปเซน เป็นซิงเกิลฮิตติดชาร์ตไปทั่วโลก เขาไม่ปฏิเสธว่า “เพลงนี้มีความเป็นป๊อปมากกว่าเพลงอื่นๆ อย่างเห็นได้ชัด มันเป็นแค่การทดลองสนุกๆ กับคาร์ลี แต่เพลงอื่นๆ ของผมจะแตกต่างจากนั้น” แล้วการร่วมงานกับสาวแคนาเดียนคนดัง เจ้าของเพลง “Call Me Maybe” เป็นยังไงบ้าง “สุดยอดเลยครับ เธอเป็นเพื่อนร่วมงานที่วิเศษ เป็นคนสนุกและทำงานด้วยง่าย ปกติเวลาผมทำเพลงผมจะค่อนข้างกดดัน แต่เพลงนี้ไม่เลยครับ” ยังตอบแบบยิ้มๆ

 

นอกจากอาวล์ ซิตี้ แล้ว เขายังเป็นเจ้าของโปรเจ็กต์ดนตรีชื่อ ‘สกาย เซลิง’ (Sky Sailing) และ ‘พอร์ต บลู’ (Port Blue) อีกด้วย ซึ่งแน่นอนว่าทั้งหมดเป็น one-man project เราอดสงสัยไม่ได้ว่ามีเครื่องดนตรีอะไรที่คุณยังเล่นไม่ได้อีกไหม ยังหัวเราะและตอบว่า “จริงๆ ก็ไม่มีนะครับ ผมชอบการมีเครื่องดนตรีหลายชนิดอยู่รอบตัว ถึงจะเล่นได้ไม่ดีก็เถอะ” แต่ยังก็ไม่อายที่จะสารภาพว่า “แต่ยุคนี้การอีดิทเพลงในคอมพิวเตอร์ทำได้ง่ายกว่า ถึงไม่มีเครื่องดนตรีจริงๆ คุณก็ใช้เทคโนโลยีเข้าช่วยได้ จริงๆ ผมก็แอบโกง
บ้างแหละ”

 

อดัม ยัง ยอมรับว่าทุกวันนี้ เขายังคงนอนตาค้างได้ถึงเช้าถ้าไม่ได้กินยาเมลาโทนิน แต่การลุกขึ้นมาทำเพลงในตอนกลางคืนก็เป็นวิธีบำบัดที่ดีอย่างน่าประหลาด “ผมว่าผมได้แรงบันดาลใจในช่วงกลางคืนมากกว่ากลางวัน เพราะเป็นช่วงเวลาที่ทุกคนหลับ มีแต่ตัวผมคนเดียว ผมชอบทำงานแบบนี้ มันทำงานได้ดีกว่า ไม่มีอะไรมากวนใจ ไม่มีใครส่งอีเมลหรือข้อความมาหา” ยังบอกว่าเพลง “Metropolis” ในอัลบั้ม The Midsummer Station ซึ่งเกิดจากความฝันของเขาที่เกี่ยวกับซูเปอร์แมนเป็นหนึ่งในเพลงที่เขาภูมิใจและบ่งบอกความเป็นอดัม ยัง ได้ดี “ถ้าผมไม่เป็นโรคนอนไม่หลับ ผมคงไม่สามารถเขียนเนื้อเพลงที่สวยงามเหล่านี้ออกมาได้” เขาบอก “ผมต้องขอบคุณโรคนี้ด้วยซ้ำ”

 

 
เรื่อง: ณัฐวุฒิ แสงชูวงษ์

สัมภาษณ์: อัญญารัตน์ ดาก้อน

ภาพ: สิริสิน ดวงมณี

ขอขอบคุณ: universal musicthailand, bec-teroentertainment

0 replies

Leave a Reply

Want to join the discussion?
Feel free to contribute!

Leave a Reply