Small Talk สารคดีจากไต้หวันที่พาไปดูบาดแผลของเหล่า LGBT ที่ถูกสังคมรอบข้างทำร้ายเสมอมา

วันอาทิตย์ 9 มิถุนายนที่ผ่านมาทาง NYLON ได้มีโอกาสไปร่วมชมภาพยนตร์ในเทศกาล 2019 TAIWAN LGBT FILM FESTIVAL IN BANGKOK ที่จัดโดย Documentary Club โดยในงานนั้นจะมีการจัดฉายสารคดีและภาพยนตร์ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับ LGBT ยาวถึง 1 สัปดาห์เต็ม

ส่วนเรื่องที่ได้ดูไปนั้นก็คือ Small Talk สารคดีในปี 2016 ที่กำกับโดย Huang Hui-chen ซึ่งเป็นเรื่องราวของตัวเธอเองในช่วงอายุ 40 ปี (เมื่อปี 2016) ในขณะนั้นเธอมีลูกสาวตัวเล็กน่ารักและอาศัยอยู่บ้านที่มีสมาชิกประกอบด้วย เธอ ลูกสาว และ อาหนู แม่ของเธอ ผู้ซึ่งปัจจุบันแทบจะไม่มีความสัมพันธ์ใดกับเธอแล้ว การเจอหน้ากันในบ้านมีแค่เพียงการทำกับข้าวทิ้งไว้ให้แม่ในแต่ละวันเท่านั้น

นั่นจึงเป็นสาเหตุให้เธอ ตัดสินใจทำสารคดีเพื่อใช้เป็นสื่อหนึ่งที่จะเสาะหาว่าปัญหาของความสัมพันธ์ที่ร่วงโรย แท้จริงแล้วคืออะไร?

สารคดีเรื่องนี้ไม่ได้มีวิธีการถ่ายทำ มุมกล้อง หรือการตัดต่อที่หวือหวาอะไร แต่จะค่อยๆ พาเราไปดูชีวิตประจำวันของคนในบ้านว่าแต่ละคนทำอะไรบ้าง Huang Hui-chen ก็คือแม่ที่คอยทำงาน ดูแลบ้านและครอบครัวอยู่เป็นระยะ ส่วนอาหนู ในตอนนี้เธอคือผู้หญิงวัยทอง แต่งตัวใส่กางเกงขายาว ตัดผมสั้น และมีความสัมพันธ์อันลึกซึ้งกับผู้หญิงคนอื่นอยู่บ่อยครั้ง ถึงตรงนี้จึงได้เห็นว่าวิถีชีวิตของทั้งสองคนนั้นแทบจะไม่มีช่วงใดที่ข้องเกี่ยวกันเลย จะมีเพียงแค่ช่วงเวลาเดียวเท่านั้นที่จะพาทั้งสองมาเจอกันนั้นคือ การกินข้าวบนโต๊ะอาหาร

ตรงจุดนี้สารคดีเริ่มใส่อีกหนึ่งประเด็นสำคัญที่ว่า อาหนูเป็นทอมบอยหรือ

หลังจากนั้นหนังจึงเริ่มไปสัมภาษณ์คนรอบตัวว่ารู้เรื่องเกี่ยวกับที่อาหนูเป็นทอมบอยบ้างไหม? เรากลับพบว่าทุกคนรอบตัวอาหนูนั้นต่างรู้ดีว่าเธอเป็นทอมบอยมาโดยตลอดเพียงแค่ไม่เคยพูดเรื่องนี้อย่างจริงจัง โดยบทสัมภาษณ์เริ่มจากเหล่าหลานๆ ของอาหนู เธอบอกว่าเธอรู้ดีว่าอาหนูนั้นเป็นผู้ชายเพราะไม่เคยเห็นอาหนูใส่กระโปรงเลย แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกไม่ดีต่ออาหนูแต่อย่างใด เพราะมันก็เป็นสิทธิ์ของมนุษย์ที่จะเป็นเพศใดก็ได้หรือจะรักใครก็ได้เช่นกัน

via : gagatai

แต่ทว่า หนังยังพาเราไปไกลกว่านั้นเมื่อคำถามเหล่านี้กลับไปอยู่ฝั่งเหล่าอากง อาม่า อากู๋  ก็ได้คำตอบมาว่า อดีตมันผ่านไปแล้ว ให้มันผ่านไปเถอะ หลังจากที่ตัวผู้กำกับได้เริ่มถามเกี่ยวกับเพศภาพของอาหนู รวมไปถึงเรื่องราวที่อาหนูนั้นถูกคลุมถุงชนให้แต่งงานกับผู้ชายที่เธอไม่ได้รักอีกต่างหาก

หากมองแบบผ่านๆ เราอาจจะรู้สึกว่านี่ก็เป็นการมองไปข้างหน้าและปล่อยให้เรื่องที่ผ่านไปแล้วมันจบไป แต่หากเรามองลึกไปกว่านั้น ถึงแม้ความสัมพันธ์ระหว่างอาหนูกับคนที่ถูกจับแต่งงานนั้นจะจบไปแล้ว แต่ความเจ็บช้ำจากเหตุการณ์นั้นก็ยังส่งผลต่อจิตใจอาหนูจนถึงทุกวันนี้อยู่ รวมไปถึงตัวผู้กำกับที่เป็นลูกสาวของเธอด้วย เพราะหลังจากที่อาหนูแยกทางกับสามีของเธอ เธอก็กลายเป็นทอมบอย แต่งตัวหล่อ เอาเงินทองไปใช้จ่ายให้กับสาวๆ และเอาไปเล่นการพนันเป็นจำนวนมาก หนึ่งในสาวที่เคยคบหากับอาหนูถึงกับบอกว่า ถ้าเขาไม่เอาเงินมาให้ฉัน ป่านนี้เขาอาจซื้อบ้านใหม่แล้วก็ได้ และที่สำคัญบาดแผลเหล่านี่มันส่งผลให้อาหนูเริ่มผลักไสครอบครัวและเริ่มออกตามหาชีวิตที่ถูกพรากไปหลังจากต้องแต่งงานกับผู้ชายที่ไหนก็ไม่รู้ นี่เลยอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างอาหนูและลูกของเธอกระท่อนกระแท่นกันอย่างทุกวันนี้

via : gagatai

และสารคดีก็มาเฉลยเรื่องราวทุกอย่างผ่านการพูดคุยบนโต๊ะอาหารในฉากสุดท้าย ภายใต้บรรยากาศที่เรียบง่าย ท่านั่งขัดสมาธิและเสื้อกล้ามที่อาหนูใส่ กลับดูขัดกับบทสนทนาที่รุนแรงและพร้อมทำลายสภาพจิตใจของทั้งคู่อย่างเหลือเกิน การบอกเล่าถึงสิ่งที่อยู่ในใจกันมาโดยตลอด บาดแผลในจิตใจที่ทั้งคู่ไม่เคยเปิดเผยให้กันและกัน ส่งผลให้ทั้งคู่ถึงกับหลั่งน้ำตากันออกมาในซีนนี้กันเลยทีเดียว

via : gagatai

เพราะสุดท้ายแล้วสิ่งที่พรากความสัมพันธ์ระหว่างตัวผู้กำกับและอาหนูไปนั้น ไม่ใช่เพศภาพของอาหนูในตอนนี้หรอก แน่นอนว่าส่วนหนึ่งมันคือความผิดของอาหนูที่ออกไปหาความสุขนอกบ้านกับหญิงสาวอื่นแทนที่จะใช้เวลาอยู่กับลูกของเธอ แต่ถ้าหากเรามองในอีกมุมหนึ่ง สิ่งที่อาหนูพยายามดิ้นรนมาตลอดจนถึงปัจจุบันนี้คือการกลับไปใช้ชีวิตของตัวเองที่ขาดหายไป มันเป็นสิ่งที่น่าเจ็บปวดมากที่มนุษย์คนหนึ่งถูกพรากอิสรภาพในการที่จะรักใคร หรือใช้ชีวิตในเพศใด เพียงเพราะประเพณีที่สืบทอดต่อกันมาอย่างการคลุมถุงชน

ดังนั้น ผู้ร้าย ตัวจริงในเรื่องนี้อาจสรุปได้ว่าคือ สังคมของไต้หวันในยุคนั้นที่ยังไม่ยอมรับสิทธิในเพศภาพของแต่ละคน ต่างหากที่ทำให้เกิดปัญหาเหล่านี้ขึ้นมา ลองคิดดูสิว่าถ้าหากในวันนั้นอาหนูสามารถที่จะรักกับหญิงสาวที่เธอจะรักได้จริงๆ เราอาจจะไม่ต้องเห็นอาหนูมาเป็นเพลย์บอยที่ผลาญเงินเป็นว่าเล่น หรือเห็นความสัมพันธ์อันร้าวฉานของเธอและลูกสาวแบบนี้ก็ได้

Written by Kithanai Jongaijuk

0 replies

Leave a Reply

Want to join the discussion?
Feel free to contribute!

Leave a Reply