อินกับความโรแมนติกผ่านเสียงเพลงใน LEO Presents The Parkinson Soulmantic คอนเสิร์ตจะบอกเธอว่ารัก

อีกหนึ่งคอนเสิร์ตที่หลายคนรอคอยกันอย่างใจจดใจจ่อกับ LEO Presents The Parkinson Soulmantic คอนเสิร์ตจะบอกเธอว่ารัก ของวงดนตรี Soul ที่มาแรงที่สุดในตอนนี้อย่าง The Parkinson วงที่มีผลงานเพลงที่โดดเด่นและสไตล์การเล่นสดที่ควรจะได้ไปฟังสักครั้งวงหนึ่งของไทย เราเลยขอมาเล่าบรรยากาศภายในคอนเสิร์ตที่จัดเมื่อวันที่ 23 มิถุนายนที่ผ่านมาให้อ่านกันสักหน่อยแล้วกัน

ถ้าได้ติดตามข่าวเกี่ยวกับคอนเสิร์ตนี้ จะทราบดีว่านี่คืองานที่บัตรหมดเกลี้ยงภายในวันแรกที่เปิดขาย นั่นจึงส่งผลให้ในช่วงเวลาก่อนเริ่มงานนั้น แฟนคลับจำนวนกว่า 3,000 คนได้มายืนรอต่อคิวเข้าชมที่ BCC HALL เซ็นทรัลพลาซ่า ลาดพร้าว กันอย่างหนาแน่น เห็นแบบนี้แล้วอดชื่นใจแทนวงไม่ได้จริงๆ

เมื่อถึงเวลาแสดงคอนเสิร์ตก็เปิดเวทีมาด้วย Opening Act จากเหล่าศิลปินค่าย Spicy Disc ทั้ง Nap A Lean, Zommarie, จิ้ง Helmet Heads, เก็ท The Rube, Tape และ No One Else  ซึ่งแต่ละคนก็ขนเพลงดังของตัวเองมาทำเป็นโชว์รวมที่ออกมาสร้างความประทับใจและเรียกเสียงกรี๊ดจากเหล่าคนดูได้เป็นอย่างดี แต่นั่นยังคงดังไม่เท่าเมื่อ 3 หนุ่ม กานต์ โต เบียร์ สมาชิกวง The Parkinson กระโดดขึ้นเวทีมาในชุดสูทสีดำและเปิดงานด้วยเพลง จะบอกเธอว่ารัก ที่เรียกเสียงกรี๊ดจากคนดูในงานแบบสนั่นลั่นฮอลล์ และต่อด้วยเพลง ที่เดิมในหัวใจ ของ ตู่ ภพธร 

โดยหลังจากจบช่วงเปิดงาน กานต์ก็เริ่มทักทายแฟนๆ และเริ่มเล่าถึงการเดินทางของวงที่กว่าจะมาเป็นศิลปินมีเพลงเป็นของตัวเองได้นั้น พวกเขาต้องเล่นคัฟเวอร์เพลงตามร้านกลางคืนเพื่อตามหาความฝันของตัวเองอยู่นานพอสมควร และเพื่อให้เข้ากับบรรยากาศตามเรื่องเล่า ก็เลยขอเปลี่ยนเวทีให้เป็นเหมือนบาร์กันสักหน่อยแล้วก็พา  ‘เพลงคัฟเวอร์’ ที่เข้ากับสไตล์ของ The Parkinson มาร้องให้แฟนๆ ฟังกัน ไม่ว่าจะเป็น Vultures – John Mayer เพลงโปรดของวง, พบกันใหม่ Polycat ที่กานต์เล่าว่า นี่คืออีกวงที่กล้าจะทำดนตรีออกมาจากกระแสหลักเช่นเดียวกับเขาในสมัยนั้น รวมถึง  ฟังดูง่ายๆ – Silly Fools, Lost Star – Adam Levine, Gravity – John Mayer ก่อนที่สุดท้ายจะตามมาด้วย  The Sweetest Love – Robin Thicke, Back At One & วันของเรา – Brain McKnight & Soul After Six,  After The Love Has Gone – Earth, Wind & Fire และ Rock with you – Michael Jackson

หลังจากนั้น โต มือเบส ก็เริ่มพูดถึงความรักที่ชอกช้ำ และเชิญชวนให้ใครก็ตามที่ยังเจ็บปวดอยู่นั้น ยกแก้วขึ้นมา จะได้อินไปกับเพลง หมดแก้ว ความพิเศษของเพลงนี้คือในช่วงท้ายได้ สิงโต นำโชค ขึ้นมาเล่นโซโล่กีตาร์ให้ เรียกเสียงกรี๊ดจากคนดูได้อย่างมหาศาล และทั้งคู่ก็ได้ร่วมเล่นเพลงด้วยกันทั้ง อยู่ต่อเลยได้ไหม และ อาย เป็นการปิดโชว์ในครึ่งแรกอย่างดงาม 

หลังจากไปพักเหนื่อยจากความสนุกกันไปพักหนึ่ง ทางวงก็ไม่รอช้า กระตุ้นคนดูให้กลับเข้ามาอยู่ในภวังค์ของ Soulmantic อีกครั้งด้วยเพลง คนชั่ว 2018 หลังจากนั้นก็เล่นเพลงของวงดนตรีที่เป็นเหมือนไอดอลให้พวกเขาทั้ง  สักวัน – ก้อ ณฐพล ศรีจอมขวัญ, เสมอ – ปู พงษ์สิทธิ์ และทันทีที่เพลงเสมอจบ จู่ๆ กานต์ก็กระโดดลงจากเวทีเพื่อไปหยุดอยู่ตรงที่นั่งของสมาชิกวง Season Five เป็นสัญญาณบอกว่าเพลงต่อไป เมื่อคืน น่าเสียดายที่ Season Five ไม่ได้มาร่วมแจมในโชว์นี้ด้วย

ต่อมา The Parkinson ก็เล่นเพลงอย่าง ต้องโทษดาว – ธงไชย แมคอินไตย์  และ ไปเถอะ ที่เพลงนี้มีการทำทะเลดาวด้วยแฟลชมือถือสร้างบรรยากาศสวยงามให้เกิดขึ้นในฮอลล์ด้วย เมื่อเพลงจบ กานต์ก็กล่าวเปิดตัว แสตมป์ อภิวัชร์ ขึ้นมาบนเวทีแบบดื้อๆ ไฟบนเวทีก็กลายเป็นสีชมพู เตรียมเข้าสู่เพลง มันคงเป็นความรัก แต่นั่นก็ยังพีคไม่เท่าเพลงต่อไปอย่าง ทั้งจำทั้งปรับ เพลงของแสตมป์ ที่กานต์และ YOUNGOHM ไปร่วมร้องในเพลง แต่ทว่าในงานนี้ YOUNGOHM ไม่ได้มาร่วมแจมด้วย จึงเป็นหน้าที่ของ โต ที่ต้องแต่งตัวเป็น YOUNGOHM ออกมาแรพแทน สร้างเสียงหัวเราะให้กับคนดู ก่อนที่ไฟในฮอลล์จะมืดลง สมาชิกทั้ง 3 ลงไปเปลี่ยนเสื้อผ้าสำหรับโชว์ในช่วงสุดท้ายของงาน

เพียงช่วงเวลาไม่นานเกินรอ วงได้ขึ้นมาบนเวทีด้วยชุดสูทสีแดงพร้อมกับเพลง จะบอกเธอว่ารัก ที่ถูกนำมาเรียบเรียงใหม่ให้ทรงพลังและเข้าถึงอารมณ์มากยิ่งขึ้นเป็นเวอร์ชั่นเฉพาะของงานนี้เลยทีเดียว ก่อนที่ทางวงจะเล่นเพลง คืนนี้ ที่ชวนทุกคนมาร้องท่อนฮุคสุดสยิวด้วยกัน และหลังจากนั้นก็ถึงเวลาของแขกรับเชิญคนสำคัญอย่าง ดา Endorphine ที่ขึ้นมาบนเวทีพร้อมกับเพลง ไม่ต้องรู้ว่าเราคบกันแบบไหน และ ระหว่างเรา…คืออะไร เพลงของดาที่ได้ร่วมงานกับ The Parkinson 

และแล้วก็มาถึงช่วงสุดท้ายของโชว์ ทางวงเริ่มเล่นเพลง แค่นี้…พอ, แอบชอบ – ละอองฟอง ก่อนที่จะเปิดตัวแขกรับเชิญคนสุดท้ายของงานอย่าง เป้ Sax Mild ที่มาร่วมแจมในเพลง เธอทั้งนั้น – Groove Riders, เป็นประจำ และ September – Earth, Wind & Fire ที่ถึงตอนนี้ กระโดดโลดเต้นตามความมันส์ของเพลงกันแล้ว ก่อนที่วงจะปิดด้วยเพลง เพื่อนรัก ที่เรียบเรียงขึ้นใหม่ได้อย่างยิ่งใหญ่และสะเทือนอารมณ์ เหมาะสำหรับการปิดโชว์ของพวกเขาได้อย่างแท้จริง

ถึงแม้งานจะใช้เวลาไปทั้งหมดเกือบ 4 ชั่วโมงแล้ว ได้เหล่าแฟนคลับก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะเบื่อหรืออยากกลับบ้านอย่างใด พวกเขาตะโกนให้วงมาเล่นให้ฟังอีก มีหรือที่จะปฏิเสธได้ ก่อนที่จะหยิบเพลงแห่งวงการโซลอย่าง Let Get It On – Marvin Gaye ที่มีไลน์กีตาร์หวานๆ ส่งท้ายให้ทุกคนกลับบ้านและนอนหลับฝันดีกันอย่างถ้วนหน้า

เรียกได้ว่าเป็นโชว์ที่ทำให้หัวใจของเรานั้นเต็มอิ่มไปด้วยดนตรี Soul ผ่านเสียงโซโล่กีตาร์ของกานต์ เราสามารถกล้าพูดได้เต็มปากเลยว่านี่คือโชว์ครั้งใหญ่ที่แสดงถึงความสามารถของวงThe Parkinson ด้วยการสะกดคนดูให้อยู่ในภวังค์ได้นานถึง 4 ชั่วโมงเต็มได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะในช่วงที่แรกที่เขาเล่นเพียง 3 ชิ้น โดยไม่พึ่งแบคอัพนั้น เป็นหลักฐานชั้นดีว่า ในตอนนี้เขาได้สร้างโลกแห่ง Soul Music ไว้ให้เหล่าผู้ฟังชาวไทยได้รู้จักเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

 

Written by Kithanai Jongaijuk