TWOOF A KIND

อนันดา เอเวอร์ริ่งแฮม และพลอย-เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์ มีอะไรเหมือนกันหลายอย่าง ซูเปอร์สตาร์สองคนนี้เปรียบเสมือนม้าพยศที่ยากจะปราบ แต่ทุกคนก็ยอมเสี่ยงเพราะรู้ว่าพวกเขาคือม้าแข่งชั้นดีที่น่าวางเดิมพัน

 

 
ช่วงบ่ายของวันเสาร์ที่ฟ้าขมุกขมัว ณ อาคารเก่าแก่ในสมัยรัชกาลที่ 5 บนถนนสี่พระยา ซึ่งเคยเป็นที่ตั้งของบริษัทซิงเกอร์มาก่อน ถูกแปลงโฉมให้เป็นสตูดิโอถ่ายภาพชื่อรัตนสินทรศก อนันดา เอเวอร์ริ่งแฮม นั่งคุยกับเราที่โต๊ะสี่เหลี่ยมกลางห้องซึ่งถูกใช้เป็นจุดแต่งหน้าและทำผม มีกล่องขนมและขวดน้ำวางอยู่เรียงราย พระเอกหนุ่มวัย 31 ปียังคงดูดีสมวัยในเสื้อยืดแขนยาวสีออฟไวต์ ถกแขนเสื้อถึงข้อศอก เข้ากับกางเกงคาร์โก้สีเขียวทหารของ Denim & Supply Ralph Lauren

 

 
เขาให้สัญญาณความพร้อมในการสนทนาด้วยการวางไอโฟนคว่ำลงบนโต๊ะ เผยให้เห็นสกรีนข้อความบนฝาหลังด้วยฟอนต์ไทยสไตล์สิบล้อว่า ‘เมียไม่รู้! ไม่เป็นไร!!’ ที่ทำให้เราต้องเอ่ยปากถามว่า “นี่ใช่ไหม เคสที่ทุกคนพูดถึงกัน” อนันดาตอบเสียงดังฟังชัดว่า “ใช่ แต่อันนี้ต้องเปลี่ยนแล้ว เพราะตอนนี้ไม่มีเมีย” เขาใช้นิ้วจิ้มไปที่ไอโฟนและหัวเราะร่วน คนที่สั่งทำเคสนี้ให้คือโดนัท มนัสนันท์ อดีตแฟนสาวที่เพิ่งเลิกรากันไปไม่นาน โดยเขาเป็นคนคิดคำขึ้นเอง “คือเรามีปัญหาตรงที่เราสองคนค่อนข้างใช้ชีวิตกันอย่างเข้มข้น” เขาเปิดประเด็นเรื่องรักร้าวราวกับรู้ว่าเราจะถาม “เหมือนเรากำลังอยู่ในวัยที่อยากสร้างชีวิต เราเลยมีเหตุผลที่ค่อนข้างแรงและปะทะกันบ่อยๆ” อนันดา ยอมรับว่ายิ่งต่างฝ่ายต่างพยายามก็ยิ่งไปไม่รอด เขาพูดถึงอดีตคนรักด้วยน้ำเสียงปกติ ปราศจากสีหน้าของคนอกหัก และแสดงทรรศนะด้านความรักของเขาว่า “เราไม่เคยเป็นเจ้าของเขาตั้งแต่ต้น กระทั่งเขาอยู่กับเราหรือเดินจากไป เขาก็ไม่ใช่ของเรา เพราะฉะนั้นการอกหักคือสิ่งที่คุณประดิษฐ์ขึ้นมาเอง”

 

 
แม้จะดูเป็นกันเองและใช้ชีวิตแบบสมถะ แต่ฉายา ‘พระเอกติสต์แตก’ ก็เป็นที่มาของประโยคว่า ‘ถ้าเป็นแฟนอนันดาคงเหนื่อย’ เขาพยักหน้าและตอบว่า “ใช่ ผมพูดเองแหละ ผมไม่ใช่คนคบง่ายในช่วงนี้” พร้อมยืนยันว่าเขาเป็นคนที่เปิดใจและแทบไม่มีดราม่าเข้าไปแทรกแซงในความรักครั้งที่ผ่านๆ มา ยกเว้นสิ่งเดียวคือ “ผมมักยอมรับในสถานการณ์ ถ้าเรารู้ว่า ณ ตอนนั้นเราทำไม่ได้ แต่เรายังดันทุรัง เราจะทำร้ายจิตใจกันไปเรื่อยๆ และทำให้สิ่งดีๆ ที่เรามีอยู่กลายเป็นลบ” เขาขอเลือกปิดฉากความสัมพันธ์ฉันคนรักและเหลือพื้นที่ของความเป็นเพื่อนที่ยังมีความรู้สึกดีต่อกันดีกว่า

 

 
เมื่อครั้งที่พระเอกหนุ่มลูกครึ่งออสเตรเลีย-ลาวคนนี้ ก้าวเข้าสู่วงการบันเทิงไทยในวัย 14 ปี ด้วยการรับบทนำในภาพยนตร์เรื่อง อันดากับฟ้าใส ของผู้กำกับคู่บุญ หม่อมหลวงพันธุ์เทวนพ เทวกุล หรือหม่อมน้อย เขายังจำได้แม่นว่าต้องเล่นฉากดราม่ากับพงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง ตั้งแต่วันแรก “ตอนนั้นผมยังไม่เข้าใจการแสดงเลย ผมถูกเลือกเพราะบุคลิกของผมเข้ากับบท และผมก็ไม่ใช่เด็กที่มีจริตของการแสดง ผมงงว่าอยู่ดีๆ จะมาบอกให้คนร้องห่มร้องไห้ได้ยังไง” อนันดาวาดภาพให้เห็นชัดเจน “แต่พอผมเล่นไม่ได้สักพัก พี่อ๊อฟก็มาช่วยส่งอารมณ์ให้ โดยมายืนร้องไห้อยู่หลังกล้อง ทั้งๆ ที่เขาไม่ได้อยู่ในภาพและบทเขาก็ไม่ต้องร้องไห้ด้วยนะ” เขาโน้มตัวลงมาวางข้อศอกไว้บนเข่าและเล่าต่อด้วยน้ำเสียงที่จริงจังว่า “นาทีนั้นผมเกิดสปาร์กอะไรบางอย่างขึ้น เริ่มเข้าใจฉากนั้นและก็เล่นได้ ผมรู้สึกว่ามีอะไรพิเศษเกิดขึ้น” นั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้พงษ์พัฒน์เลือกหนุ่มลูกครึ่งที่ไม่ประสีประสาในวันนั้นมารับบทนำในหนังที่เขากำกับสองเรื่องคือ Me…Myself ขอให้รักจงเจริญ และ แฮปปี้เบิร์ธเดย์ ในเวลาต่อมา

 

 
แต่หนุ่มที่กวาดรางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมจากหลายเวทีในรอบ 5 ปีที่ผ่านมาก็สารภาพว่าในตอนนั้นเขายังไม่พร้อมสำหรับวงการมายา “พอเริ่มเป็นที่รู้จัก ผมก็ตกใจว่าทำไมมีคนมาชอบเรา เลยเกิดอาการว่า เอ๊ย เราต้องทำอะไรบางอย่างแล้ว จะมางงๆ ทำงานไม่เป็นไม่ได้แล้ว” เขาเล่าอย่างออกรสออกชาติ “มันเหมือนกับเราแบกภาระหนักอึ้งไว้ เขาจับเราไปไว้บนหิ้งแล้วนะ แต่เรายังไม่รู้เลยว่าการแสดงคืออะไร” เขาหัวเราะลั่น

 

 
นอกจากการนั่งเก้าอี้โปรดิวเซอร์ผลิตซีรีส์เกาหลีรีเมกป้อนให้ทรูวิชั่นส์แล้ว อนันดากำลังจะมีหนังเขย่าขวัญเรื่อง ห้องหุ่น และประกบกับน้อย-กฤษดา สุโกศล แคลปป์ ในเรื่อง ขุนพันธ์ ขณะที่นอกจอนั้นเขาเพิ่งย้ายเข้าบ้านใหม่แถวซอยอารีย์ได้ไม่กี่สัปดาห์ และเตรียมเปิดโรงแรมสไตล์บูทีคชื่อว่า ‘ยาหยี’ ที่เชียงใหม่ ในอีกไม่ช้า กระนั้นก็ไม่ลืมหาเวลานั่งคร่อมพาหนะคู่ใจอย่างบิ๊กไบค์รุ่นฮายาบูสะของซูซูกิ หนึ่งในมอเตอร์ไซค์ 4 คันของเขา “ปกติหน้าฝนผมไม่ค่อยขี่นะ แต่เมื่อวานก็เพิ่งขี่ไปเอง วันนี้ก็เกือบขี่มาแล้ว” เขากล่าวพลางหัวเราะ

 

 
บทสนทนาหยุดลงเมื่อพลอย-เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์ เดินเข้ามา เธอวางกล่องอาหารลงบนโต๊ะและเอ่ยปากชวนทุกคนว่า “กินเลย ญาติเราทำมาให้” เมื่อพลอยแง้มฝาออก เคซาเดียหลายชิ้นในกล่องก็ส่งกลิ่นหอมโชยเตะจมูก อนันดาไม่รอช้ารีบหยิบหนึ่งชิ้นเข้าปาก “อืม อร่อย” ก่อนที่เราจะใช้โอกาสนี้เล่นเก้าอี้ดนตรีสลับที่ให้ฝ่ายหญิงได้นั่งคุยกับเราบ้าง พลอยดูสวยแปลกตาไปกว่าที่เคยในเสื้อผ้าสไตล์ทหารแบบเดียวกับอนันดาซึ่งถือเป็นชุดสุดท้ายของการถ่ายภาพแฟชั่นในวันนี้ เธอยอมรับว่าช่วงนี้เหนื่อยเป็นพิเศษเพราะต้องถ่ายละครพร้อมกันสองเรื่องคือ มาดามดัน และ สามีตีตรา ซึ่งใกล้ปิดกล้องในอีกไม่นานทั้งคู่ ก่อนจะเดินหน้าถ่ายหนังเรื่องใหม่ Teacher’s Diary ของค่ายจีทีเอช

 

 
พลอยไม่เหมือนดาราคนอื่นๆ ของไทย แม้เธอจะมีงานอีเวนต์และพรีเซนเตอร์โฆษณาวิ่งชนไม่ยั้ง แต่เธอก็ทำหน้าที่นักแสดงได้อย่างไม่บกพร่อง ด้วยการมีละครและภาพยนตร์ให้เห็นอย่างไม่ขาดสาย ทั้งยังลับฝีมือในการแสดงได้คมกริบขึ้นเรื่อยๆ จนคว้ารางวัลนักแสดงนำหญิงมาจากหลายสถาบัน “ถ้าสมมติพลอยตายไปวันพรุ่งนี้พลอยก็ไม่เสียดายนะ เพราะพลอยได้ทำงานอย่างเต็มที่ สร้างสรรค์ผลงานที่ดี ได้ทำทุกอย่างมาเกือบหมด พลอยว่าพลอยใช้ชีวิตคุ้มแล้วสำหรับผู้หญิงอายุ 31” เรานั่งคุยกันก่อนวันเกิดเธอเพียงไม่กี่วัน

 

 
ดาราสาวแถวหน้าของไทยที่อยู่ในวงการบันเทิงมานานเกือบ 20 ปี มักตกเป็นจำเลยบนหน้าหนังสือพิมพ์และนิตยสารกอสซิปจากการกระพือข่าวของสื่อมวลชนอยู่บ่อยครั้ง “พลอยเป็นข่าวหมดทุกรูปแบบแล้ว ยกเว้นอย่างเดียวคือไปทำเขาท้อง” เธอพูดแบบขำๆ “พลอยเลยไม่ค่อยแคร์ข่าวและไม่อยากแก้ข่าวด้วย จะเขียนอะไรก็เขียนไป” เธอเผยว่าเลิกอ่านข่าวกอสซิปต่างๆ มานานหลายปีแล้วไม่ว่าจะจากสื่อไหนก็ตาม “ยกเว้นเพื่อนจะส่งลิงค์มาให้และกำชับว่า แกควรจะอ่านนะ!” เธอเน้นเสียงและหัวเราะ กระนั้นพลอยก็มีวิธีจัดการกับเรื่องแย่ๆ เหล่านี้ให้ออกมาสวยงามอย่างมืออาชีพ “มันอยู่ที่ว่าเราจะรับมือกับมันยังไง แน่นอนว่าคำพูดเหล่านั้นมันทิ่มแทงเราอยู่แล้ว แต่ถ้าเราไม่เก็บมาเป็นอารมณ์และหัดมองเป็นเรื่องตลก มันก็เป็นวิธีคิดบวกที่ดีนะ โลกนี้มีไว้ให้เหยียบ ไม่ได้มีไว้ให้แบก” เธอพูดอย่างนุ่มนวลแต่ตรงประเด็น

 

 
การสนทนาข้ามมาถึงเรื่องความรักของเธอกับนาวิน ต้าร์ ที่ยุติลงไปเมื่อต้นปี และแน่นอนว่ามันเป็นของหวานอันโอชะของสื่อมวลชนในขณะนั้น “ถ้าพลอยเลิกกับใครสักคน เท่ากับว่าพลอยต้องเลิกกับคนทั้งประเทศ ถ้าพลอยเป็นแฟนใครสักคน เท่ากับว่าพลอยเป็นแฟนกับคนทั้งประเทศ” แล้วเคยคิดไหมว่าถ้าเราเป็นคนธรรมดา ความรักแต่ละครั้งของเราจะ… “ง่ายขึ้น” เธอพูดแทนเราก่อนจะถอนหายใจเบาๆ และพูดต่อว่า “ก็จริงนะ ถ้าโลกนี้มีแค่เราสองคนมันอาจจะไปได้นานกว่านี้ แต่นี่มันมีหลายล้านคนเหลือเกิน” พลอยพูดจบก็ฉีกยิ้มหวานและยกขวดน้ำขึ้นดื่ม

 

 
แม้จะทำงานมาต่อเนื่องหลายชั่วโมง จนการถ่ายทำเซ็ตสุดท้ายจบลงในเวลาพลบค่ำ แต่แบตเตอรี่ในตัวของอนันดาและพลอยดูเหมือนจะเหลืออยู่มากกว่าครึ่ง อาจเป็นเพราะทั้งคู่สนิทกันมากจนไม่รู้สึกว่ากำลังทำงาน พระนางคู่นี้เคยร่วมงานกันมาแล้ว 4 ครั้ง ในละครเรื่อง คนเริงเมือง และ ในฝัน รวมถึงภาพยนตร์เรื่อง ชั่วฟ้าดินสลาย และ อุโมงค์ผาเมือง ซึ่งทุกเรื่องกำกับโดยหม่อมน้อยทั้งสิ้น ในสายตาของเรา พลอยเสมือนเป็นอนันดาในเวอร์ชั่นผู้หญิง ทั้งสองเข้าวงการในเวลาไล่เลี่ยกัน มีเลือดนักแสดงเต็มตัว มีผลงานภาพยนตร์หลายเรื่อง เป็นคนที่มีโลกส่วนตัวสูง ยังไม่นับรวมว่าต่างฝ่ายต่างกำลังอยู่ในสถานะโสด “เรารู้จักกันมาตั้งแต่อายุ 14 ได้แล้วมั้ง” อนันดาเล่าถึงความสนิทของพวกเขาให้เราฟัง “ผมเห็นสเต็ปของพลอยตั้งแต่แบบว่า…” เขาหันหน้าไปขอโทษพลอยก่อนจะพูดว่า “’เด็กสก๊อยคนนึง’ ที่กลายเป็นซูเปอร์สตาร์ในวันนี้ แต่เราก็ยังมองเห็นเด็กสก๊อยคนนั้นอยู่นะ” อนันดาหัวเราะและเสริมว่า “เราเหมือนเป็นเด็กนอกคอกที่ซนๆ ด้วยกันทั้งคู่” เมื่อเราอยากฟังเรื่องเมาธ์ในกองถ่าย พลอยโพล่งขึ้นมาทันทีว่า “อนันดาถักนิตติ้งให้พลอยเป็นผ้าพันคอผืนยาวมาก” อนันดาเนี่ยนะ ถักนิตติ้ง เราย้อนถาม “ใช่ แล้วก็ชอบจริงๆ นะ ถักๆ ไปก็เริ่มติด แต่ผลพลอยได้ก็คือสมาธิ” เขาตอบ จากนั้นก็เล่าต่อว่า “เราทำงานด้วยกันบ่อยมาก มันเลยรู้สึกดีต่อกัน ตั้งแต่วัยหนุ่มสาว ตอนนี้ก็เริ่มเป็นผู้ใหญ่แล้ว” และนั่นช่วยส่งผลดีต่อการแสดงร่วมกัน อย่างที่พลอยกล่าวว่า “อนันดากับพลอยเป็นคนที่ไม่มีกำแพง”

 

 
“ไม่มีกำแพงและไม่มีเสื้อผ้าด้วย” อนันดาวกเข้ามุกเด็ด “คือเราแก้ผ้าด้วยกันบ่อยมาก”

 

 
“เฉพาะในฉากนะ!” พลอยรีบตัดบท

 

 
“มันตลกมากที่ตอนนั้นเรามีแค่ถุงเท้าครอบอยู่ตรงนี้” อนันดาเล่าพร้อมทำท่าประกอบอย่างที่คุณต้องมโนภาพตาม “แล้วพลอยก็มีแค่สติกเกอร์กับจีสตริง แต่เรากลับมองข้ามอะไรพวกนั้นไปและพูดคุยกันได้ปกติ” พลอยพยักหน้าและพูดว่า “เหมือนพลอยรู้จักเขามาทั้งชีวิต พลอยวางใจในตัวเขา เขาเป็นคนที่แฟนจะพึ่งพาไม่ได้ แต่เพื่อนจะพึ่งพาได้”

 

 
“จ้า” อนันดาลากเสียงยาวเชิงประชด “จะหาเมียได้ไหมเนี่ย พูดแบบนี้”

 

 
โสดพร้อมกันทั้งคู่แบบนี้ ไม่มีคนเชียร์ให้จับคู่กันเหรอ “ก็มีนะ หม่อม (หม่อมน้อย) ชอบเชียร์ให้เป็นแฟนกัน แต่อย่าเลย เพราะพลอยว่ามันน่าจะเกิดหายนะได้เลยล่ะ” พลอยพูดจบทั้งคู่ก็หัวเราะจนตัวงอ เราเห็นด้วยกับพลอยเต็มร้อย!

 

 
เรื่อง: ณัฐวุฒิ แสงชูวงษ์
ภาพ: ไชยวัฒน์ ไชยโชติ
สไตล์: ธาวินี จันทนาโกเมษ
สไตลิสต์: อนัคฆ์วี เอี่ยมอ่อง
แต่งหน้า: สุรพล ลิ้มวาณิชย์
ทำผม: ทัศน์ เลิศมโนรัตน์
ผู้ช่วยช่างภาพ: สิริสิน ดวงมณี

สถานที่: rattanasin sok studio โทร. 09-0424-4466

 

0 replies

Leave a Reply

Want to join the discussion?
Feel free to contribute!

Leave a Reply