เปิดเวทีให้เป็นพื้นที่ความหลากหลาย เมื่อรางวัล Oscars มีภาพเอเชียมากขึ้นกว่าเดิม

หลังจากปีที่แล้วเราฮือฮากับการที่ภาพยนตร์เรื่องดังอย่าง Parasite กลายเป็นภาพยนตร์จากเอเชียเรื่องแรกที่คว้ารางวัล Oscars เวทีใหญ่ของวงการภาพยนตร์อเมริกันในสาขา Best Picture ทั้งๆ ที่ใช้ภาษาเกาหลีทั้งเรื่อง รวมไปถึงเรื่องราวที่ผู้กำกับอย่าง Bong Joon-ho ถ่ายทอดออกมานั้นมันช่างมีความเป็นเอเชี๊ย เอเชีย ชนิดที่ว่า ต่อให้ดูแบบไม่คิดอะไร ชาวเอเชียอย่างเราก็เข้าใจกันได้

Oscars

ปีนี้ ชาวเอเชียหนาตาบนพรมแดงและเวที Oscars กันอีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นคุณยาย Youn Yuh-jung (ยุน ยอจอง) ชาวเกาหลีที่คว้ารางวัล Best Supporting Actress จาก Minari เป็นนักแสดงเอเชียคนแรกในรอบ 64 ปีที่ ถัดจาก Miyoshi Umeki ซึ่งเป็นชาวเอเชียคนแรกที่ได้รับรางวัลในสาขานี้ไปในปี 1957 

Yuh-Jung Youn at the Vanity Fair Oscars portrait studio
Credit @quillemons/Instagram

Choé Zhao จาก Nomadland กลายเป็นผู้กำกับหญิงชาวเอเชียคนแรกในประวัติศาสตร์ที่ได้รางวัล Best Director และเป็นผู้กำกับชาวเอเชียคนที่สองถัดจากบงจุนโฮที่พาภาพยนตร์ที่เธอกำกับไปได้ไกลถึงรางวัลใหญ่ที่สุดของเวที Oscars ด้วย

Chloé Zhao at the Vanity Fair Oscars portrait studio
Credit @quillemons/Instagram

ส่วนนักแสดงชายสายเลือดเกาหลี Steven Yeun ที่แม้จะไม่ได้รางวัล แต่ก็ถือได้ว่าเป็นนักแสดงเชื้อสายเอเชียตะวันออกคนแรกที่มีชื่อเข้าชิงในสาขา Best Actor 

 

ดูจะเป็นยุคที่เชื้อสายเอเชียจะไปได้ดีบนเวทีประกาศรางวัลอยู่นะ แต่ในอีกด้านก็เป็นที่น่าสังเกตว่าหรือนี่คือการปรับตัวของ Oscars และฮอลลีวูด ที่เคยขึ้นชื่อว่าเป็นวงการที่ยืนหนึ่งเรื่องเหยียดเชื้อชาติ และเป็นความพยายามผ่อนคลายกระแส #StopAsianHate ที่กำลังเป็นประเด็นระดับชาติของอเมริกาอยู่ตอนนี้ก็เป็นได้ 

ปัญหาการเหยียดชาติพันธ์ุเป็นหนึ่งในปัญหาที่ฝังรากลึกในอเมริกาและดูจะรุนแรงมากขึ้นทุกวัน จนส่งผลให้เกิดแคมเปญ #BlackLivesMatter มาจนถึง #StopAsianHate ที่ได้รับการตอบรับอย่างกว้างขวางในหมู่คนบันเทิง เพราะถ้าจะให้พูดกันตรงๆ เวทีประกาศรางวัลเหล่านี้ก็คือเวทีของชาวอเมริกัน ภาพยนตร์ฮอลลีวูดก็คือภาพสะท้อนของสังคมอเมริกัน การที่วงการฮอลลีวูดดูจะใส่ใจเรื่องของ Political Correctness มากขึ้นเป็นพิเศษ อีกนัยหนึ่งก็เหมือนการตอบรับกับบริบททางสังคมที่เปลี่ยนไป 

ลองย้อนกลับไปดูสัก 4-5 ปีที่ผ่านมา เราจะเห็นว่าผู้ได้รับการเสนอชื่อและผู้ได้รับรางวัลบนเวที Oscars มีความกระจายตัวมากขึ้น ไม่กระจุกอยู่แค่กลุ่มนักแสดงคนขาวเท่าสมัยก่อน เรียกว่าได้รางวัลกันรัวๆ เช่น นักแสดงผิวดำ Mahershala Ali ที่คว้ารางวัล Best Actor in a Supporting Role จากเรื่อง Moon Light ตัวแรกไปในปี 2017 ก่อนจะกลับมาคว้ารางวัลในสาขาเดิมอีกครั้งจากเรื่อง Green Book ในปี 2019 แถม Green Book ก็ยังได้รางวัล Best Picture ไปด้วย ในขณะส่วนนักแสดงเชื้อสายเอเชียเพิ่งมามีบทบาทเยอะขึ้นบนเวทีรางวัลเมื่อไม่กี่ปีมานี้นี่เอง  

ในปี 2019 มีไวรัลหนึ่งที่หลายคนยังจำได้ คือแคมเปญ #StarringJohnCho (2016) ที่ชาวเน็ตที่ต่างหยิบเอาภาพของ John Cho นักแสดงเชื้อสายเกาหลีที่ยืนระยะเป็นนักแสดงกว่าสองทศวรรษแต่ยังคงได้รับบทจำกัด มาตัดต่อลงบนโปสเตอร์ภาพยนตร์แทนนักแสดงคนขาวในหลายๆ เรื่อง เพื่อสื่อให้เห็นว่าจะเป็นนักแสดงคนไหนก็สามารถแสดงได้ เพื่อเรียกร้องให้ฮอลลีวูดที่มักจะถูกวิพากษ์วิจารณ์เรื่อง white-washed ในการเปิดพื้นที่ให้นักแสดงเชื้อสายอื่นบ้าง 

หรืออย่างในปี 2017 ที่ Chloe Bennet นักแสดงจาก ซีรีส์ Agents of S.H.I.E.L.D. ทางช่อง ABC (ที่เรากำลังจะได้เห็นเธอในบทบาทของ Power Puff Girls เร็วๆ นี้) ออกมาพูดถึงการเหยียดเชื้อชาติของวงการฮอลลีวูดที่ทำให้เธอต้องเปลี่ยนนามสกุลจาก หวัง ที่ดูเอเชียสุดๆ ให้เป็นนามสกุลปัจจุบันที่ฟังแล้ว “อเมริกันมากกว่า” เพื่อที่จะได้โอกาสมากขึ้นในการแคสติ้ง ฟังแล้วก็เศร้า

แต่ไม่ว่าการที่เราเห็นภาพยนตร์และนักแสดงจากเอเชียมากขึ้นในฮอลลีวูดจะเป็นเรื่องการเมืองหรือไม่ก็ตาม ก็ถือได้ว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่เราจะได้เห็นความหลากหลายที่มากขึ้นในวงการภาพตร์ และหลังจากนี้ก็คงมีภาพยนตร์เชื้อสายเอเชียให้ดูกันมากขึ้นแน่นอน ก็คงต้องมารอลุ้นกันว่าปีต่อๆ ไป ว่าจะมีชาวเอเชียจากประเทศไหนที่จะสร้างประวัติศาสตร์ครั้งใหม่กันอีกบ้าง

reference:

#StarringJohnCho highlights Hollywood’s ‘whitewashing’

Chloe Bennet Reveals Why She Changed Her Last Name

WHAT IS #STARRINGJOHNCHO?