Cheat Codes เล่าเรื่องการก้าวจาก EDM สู่ Pop-Punk, ทำเพลงกับไอดอลวัยเด็ก, และการเล่นหุ้นยามว่าง!
สาย EDM ต้องรู้จักวงทรีโอ “Cheat Codes” เจ้าของเพลงฮิตแห่งปี 2017 อย่าง “No Promises” ที่จับมือร่วมกับนักร้องดีว่าสาว Demi Lovato ทำจนกลายเป็นเพลงฮิตติดหูกันทั้งโซเชียล วันนี้พวกเขากลับมาอีกครั้งกับอัลบั้มล่าสุด “Hellraisers, Part 2” ทั้งสามยังคงได้จับมือกับหลากหลายศิลปินดัง ไม่ว่าจะเป็น Travis Barker, Tyson Ritter, Bring me the Horizon, All Time Low, All American Rejects, Blackbear และ Trippie Redd กับการขยับไปทำเพลงในแนวดนตรี Pop-Rock ที่ผสมผสานไปกับบีทของ EDM ได้อย่างลงตัว แบบที่พวกเขายืนยันว่า “ไม่เคยทำมาก่อน”
NYLON ได้มีโอกาสคุยกับสองสมาชิกของวงอย่าง Trevor Dahl และ Kevin Ford ถึงอัลบั้มใหม่นี้ ที่ทั้งคู่ตื่นเต้นกับมันมากเพราะเป็นแนวเพลงที่ไม่เคยทำมาก่อน และเสียดายที่งานนี้ Matthew Russell ไม่ได้มาสัมภาษณ์ด้วยแต่ถ้ามีครั้งหน้าสัญญาว่าเราจะพาพวกเขามาคุยด้วยกันครบทั้งวงแน่ๆ
และถ้าใครตามไปฟังเพลงในอัลบั้มกันหมดแล้ว ก็อย่าลืมฟัง “How Do You Love” เพลงใหม่ที่วงเพิ่งปล่อยออกมาไม่นานนี้ ซึ่งก็เป็นเพลงที่ได้ 2 ศิลปินคันทรีชื่อดัง Lee Brice และ Lindsay Ell มาร่วมงานด้วย ใครที่ติดใจแนวดนตรีของ Cheat Codes ก็เป็นอีกหนึ่งเพลงที่ไม่ควรพลาดไปเลยล่ะ!
เล่าถึงอัลบั้มล่าสุด HELLRAISERS, Part 2 ให้ฟังหน่อยว่าเป็นอย่างไรบ้าง
Trevor: HELLRAISERS, Part 2 เป็นอะไรที่พวกเราไม่เคยทำมาก่อน เป็นแนวป๊อปพังค์ อัลเทอร์เนทีฟ และอีโม เราทำงานกับศิลปินที่เราโตมากับเพลงของเขา ที่หล่อหลอมตัวตนของเราในฐานะนักดนตรี พวกเราร่วมงานกับศิลปินอย่าง Travis Barker, All Time Low, Oliver Sykes, Tyson Ritter มันออกแนวย้อนวันวาน (Nostalgic) มากๆ ฟิลยุค 80s มาก ทำให้ผมนึกถึงดนตรีแบบที่ผมฟังตอนอายุ 12 14 15 ปีเลย แนวเพลงแบบที่ทำให้ผมเริ่มเล่นเครื่องดนตรี แล้วสร้างวงเล็กๆ ขึ้นมา ได้แสดงดนตรีสดต่างๆ นั่นเป็นความรู้สึกที่อยู่เบื้องหลังอัลบั้มนี้ เป็นอะไรที่พวกเราไม่เคยทำ พวกเรามักจะทำเพลงแดนซ์สนุกๆ เพลงฮิดติดชาร์ต เพลงป๊อปจ๋า ซึ่งพวกเราชอบที่ได้ทำเพลงแนวนั้นและจะยังคงทำต่อไป แต่เราก็ชอบที่ได้ทำงานออกมาหลากหลายแนว ลองทำอะไรที่ไม่เคยทำในแนวทางเพลงของพวกเรา
แรงบันดาลใจของอัลบั้ม “HELLRAISERS, Part 2” มาจากไหน แล้วไอเดียนี้เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไร
Kevin: เหมือนอย่างที่ Trevor บอกไว้ที่ว่าเราโตมากับเพลงแบบนี้ ดังนั้นพอได้มาทำเพลงแนวนี้และได้ทำอะไรแบบที่พวกเราไม่เคยทำมาก่อน มันเลยเป็นแรงบันดาลใจในการทำเพลงของพวกเรา
ได้ร่วมงานกับ Grey256 และ Tyson Ritter เป็นอย่างไรบ้าง
Trevor: มันสุดยอดมาก Grey256 เป็นกลุ่มคนที่มากความสามารถมากๆ เราชอบทุกเพลงที่พวกเขาปล่อยออกมาก่อนนี้ ดนตรีที่พวกเขาทำเองมันดีมาก เพลงที่พวกเขาแต่งเองก็ดีมาก พวกเขาเป็นโปรดิวเซอร์และนักแต่งเพลงที่มีพรสวรรค์ แล้วพวกเขาเองก็เป็นคนเจ๋งมาก เป็นกันเองมาก ฉลาด พวกเขารู้ว่าควรทำอะไร มันเจ๋งมากที่ได้ทำงานกับคนแบบพวกเขา คุณจะเห็นได้เลยว่าพวกเขารู้ว่าต้องทำอะไร ทำเพลง จัดการกับการทำเพลงอย่างไร มันยอดมากที่ได้ทำงานกับคนเก่ง
ส่วน Tyson Ritter นั้นสุดยอดมาก เขามีความเป็นศิลปินสูงมากๆ แล้วก็มีไฟกับการทำเพลง เขาแค่ใส่ใจมากๆ กับสิ่งที่เขาทำ มันเป็นการทำงานที่ทำให้รู้สึกมีชีวิตชีวา ทุกคนใส่ใจกับการทำเพลงทั้งนั้นแหละ แต่พอเป็น Tyson เขาจะผลักดันทุกรายละเอียดไปให้สุดทางเท่าที่จะสุดได้ ตั้งแต่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ในแง่ดนตรี ไปจนถึงแง่ของภาพที่จะออกมา เพื่อให้มันสมบูรณ์แบบที่สุด มันเลยเจ๋งดี
มีใครที่อยากร่วมงานด้วยอีกไหม
Kevin: ผมอยากทำงานกับ The Kid LAROI
Trevor: ผมอยากร่วมงานกับ Paul McCartney จากวง The Beatles ผมชอบ Paul McCartney ผมว่าเขาเยี่ยมยอดมาก ผมโตมากับ The Beatles คลั่งไคล้วงนี้ ไม่รู้สิ ตอนที่เราเริ่มทำวงกัน ผมไม่คิดเลยว่าจะได้ทำเพลงกับ Oliver Sykes หรือ All Time Low โอกาสต่างพากันเข้ามาหาพวกเรา ในขณะที่เราก็ผลักดันตัวเราเองไปข้างหน้าเรื่อยๆ ทำเพลงที่ผสมผสานแนวเพลงต่างๆ เราไม่มีทางรู้ได้เลยว่าเราจะได้ร่วมงานกับใครบ้างในอนาคต สำหรับผมมันจะสุดยอดเลยถ้าได้ทำงานกับคนที่มีส่วนสร้างแนวดนตรีและวัฒนธรรมในวงการเพลงให้คนทั้งโลกอย่าง Paul มันน่าจะสนุกดี
ชอบเพลงไหนที่สุดอัลบั้มนี้ แล้วทำไมถึงชอบเพลงนี้
Kevin: ผมชอบเพลง “Call It” มันเริ่มจากที่ผมและ Trevor ร้องๆ กัน แล้วผมก็ใส่เปียโนเข้าไปในเพลง มันเจ๋งมากที่พวกเราทำเพลงนี้ออกมาได้
Trevor: ใช่แล้ว มันเป็นเพลงที่เจ๋งดี ส่วนผมคิดว่า “Dummy” ที่ทำกับ Oliver Sykes มันเยี่ยมมาก แค่เพราะได้ร่วมงานกับคนเหล่านี้ก็เหลือเชื่อมากแล้ว มันทำให้ผมคิดย้อนไปตอนผมยังเด็ก ฟังเพลงของพวกเขาจากเครื่องวอล์คแมนตอนไปทัศนศึกษา ไปดูการแสดงสดของพวกเขา จำได้ได้ว่าช่วยอายุ 15 เคยโดดเรียนเพื่อไปต่อแถวรอดูแสดงทัวร์ของ Bring Me The Horizon ด้วย
จากจุดนั้นก็ตั้งใจทำเพลงมาเรื่อยๆ แล้วอีก 13 ปีต่อมาผมทำเพลงมามากพอที่จะได้ร่วมงานกัน มันเป็นความคิดที่เหลือเชื่อสุดๆ ดังนั้นผมว่าเพลงนี้แหละ ผมว่าเพลงนี้มันสุดยอดในตัวของมันเองด้วย เสียงของเขามันฟังดูยอดมาก มันเป็นอะไรที่เขาไม่เคยทำมาก่อน มันแตกต่างสำหรับเขา แล้วก็แตกต่างสำหรับเราด้วย ผมเลือกเพลง “Dummy” ครับ
นอกเหนือจากทำเพลงแล้ว มีงานอดิเรกอะไรที่ทำกันบ้างไหม
Kevin: ผมเล่นหุ้น เล่นหุ้นครับ
Trevor: ใช่ Kevin เป็นพ่อมดแห่งการเล่นหุ้นเลยแหละ หุ้นเขาขึ้นกับขึ้นตลอด ส่วนผมชอบไปตั้งแคมป์และปีนเขาเวลาที่ผมว่าง ครอบครัวผมชอบทำกิจกรรมนอกสถานที่กัน พวกเขาชอบหาอะไรทำนอกบ้าน ซื้อต้นไม้ต่างๆ มาปลูกกัน ใช่ครับ ผมชอบทำเพลง ในช่วงที่ว่างจากการทำกิจกรรมนอกสถานที่ พบปะครอบครัวและผองเพื่อน
สุดท้ายแล้ว อยากฝากอะไรถึงแฟนเพลงชาวไทยไหม
Trevor: โอ้ เรารักพวกคุณ เราหวังว่าจะได้ไปหาเร็วๆ นี้ พวกเรายังไม่เคยไปประเทศไทยเลย มันคงเยี่ยมมากถ้าได้ไปเที่ยวและแสดงดนตรีสดที่ไทย อยู่ต่อสักสองสามวัน อันที่จริงเราไปหลายๆ เมืองก็ได้นะ เที่ยวชมเมือง แสดงดนตรีสดไปทั่วประเทศ พวกเราขอบคุณทุกความรักที่แฟนชาวไทยมอบให้ เราหวังว่าพวกคุณจะได้ลองฟัง HELLRAISERS PT. 1, 2 & 3
Kevin: ครับ เรารักพวกคุณครับ