คุยกับ อีเจฮุนและทังจุนซัง แล้วไปอบอุ่นหัวใจกับ Orginal Netflix เรื่องใหม่ “Move to Heaven”

Move to Heaven ออริจินัลซีรีส์เรื่องใหม่จาก Netflix ที่ได้นักแสดงมากความสามารถทั้ง อีเจฮุน, ทังจุนซัง และ ฮงซึงฮี มาถ่ายทอดเรื่องราวที่จะนำความอบอุ่นสู่หัวใจผู้ชม  กับเรื่องราวเส้นทางชีวิตของฮันกือรู (รับบทโดย ทังจุนซัง) เด็กหนุ่มที่มีอาการแอสเพอร์เกอร์กับการทำงานเป็น Trauma Cleaner  หรือ การรับทำความสะอาดและจัดการข้าวของเครื่องใช้ของผู้ตายที่ไม่ได้แค่ทำความสะอาด จัดการข้าวของเครื่องใช้เฉยๆ แต่ยังช่วยจัดการด้านจิตใจให้กับผู้ที่อยู่ข้างหลัง และครอบครัวที่ยังอยู่ ให้ก้าวข้ามผ่านความโศกเศร้าและปมในใจด้วย โดยมี โจซังกู (อีเจฮุน) เป็นผู้ปกครองของฮันกือรู ที่จะมาเล่าเรื่องราวที่ไม่มีโอกาสจะถ่ายทอดออกมาของผู้ที่จากไปในระหว่างขั้นตอนการเก็บกวาดของส่วนตัวของผู้ที่ล่วงลับไป

ซึ่งก่อนที่ซีรีส์จะปล่อยออกมาให้ชมกันนั้นทาง Netflix ก็จัดงานแถลงข่าวให้นักแสดงทั้ง อีเจฮุน, ทังจุนซัง, ฮงซึงฮี และผู้กำกับ คิมซังโฮ มาพูดคุยกันถึง Move to Heaven กันก่อนจะมีการจัดสัมภาษณ์แบบ exclusive จาก Netflix Thailand สำหรับสื่อมวลชนไทยและ 2 หนุ่ม อีเจฮุน และ ทังจุนซัง ทาง NYLON ก็ได้เข้าร่วมพูดคุยกับทั้งคู่ด้วย ก็เลยเอาบทสัมภาษณ์เล็กๆ น้อยๆ มาฝากทุกคนกัน 

ผู้ชมหลายๆ คนอาจจะไม่รู้จักกับอาการแอสเพอร์เกอร์ คุณอยากจะแนะนำอะไรเพื่อให้คนเข้าใจอาการแอสเพอร์เกอร์มากขึ้นไหม

ทังจุนซัง: อาการแอสเพอร์เกอร์จะทำให้แสดงออกความรู้สึกได้น้อย เข้าใจอารมณ์ความรู้สึกต่าง ๆ ได้ไม่ดีเท่าไหร่ ทำให้สื่อสารกับอีกฝ่ายได้ยาก เช่น เวลาได้ยินใครพูดอะไร ก็จะเข้าใจตามคำพูดนั้นตรง ๆ เลย หรือ ถ้ามีสิ่งที่คิดว่าจะต้องทำ ก็จะต้องทำให้ได้เท่านั้น แต่ในมุมกลับกันจะมีพัฒนาการที่ดีในเรื่องของความจำที่เป็นเลิศ อย่างตัวกือรูเอง ถ้าได้เห็นคู่มือสินค้าหรือรายชื่อชนิดปลาแค่ครั้งเดียว ก็สามารถท่องสิ่งที่เห็นออกมาได้ยาวๆ เลยครับ

Move to Heaven สะท้อนให้เห็นสังคมตัวคนเดียวของเกาหลี ซึ่งจริงๆ แล้วสะท้อนสังคมโลกที่มนุษย์ต่างอยู่โดดเดี่ยวมากขึ้นด้วย อยากรู้ว่าหลังจากทำงานในเรื่องนี้ ตัวคุณเองใช้ชีวิตเปลี่ยนไปไหม ทั้งกับคนรอบข้าง ครอบครัว 

อีเจฮุน: ตัวผมเองยังอาศัยอยู่กับครอบครัว ไม่ได้แยกออกมาอยู่คนเดียว ก็เลยยังไม่เคยรู้สึกว่าโดดเดี่ยวหรือเหงา แต่พอได้มาแสดงซีรีส์เรื่องนี้เลยได้รู้ว่า ช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกัน มันไม่ได้อยู่ตลอดไปสินะ  สักวันหนึ่งก็ต้องเจอกับวินาทีที่แยกจากกัน แล้วตัวเราจะรับมือกับมันยังไง ทำให้ผมคิดถึงจุดนี้เยอะมาก ก่อนหน้านี้ไม่เคยได้คิดถึงเรื่องนี้อย่างละเอียดลึกซึ้งเท่าไหร่ ทำให้รู้สึกขอบคุณการที่ผมได้มีชีวิตหายใจอยู่ ณ ตอนนี้ และอยากจะพูดคำดี ๆ ให้กับคนรอบตัวที่ผมรักได้ฟัง ทำให้รู้ว่าถึงแม้จะไม่ได้เจอกันบ่อย แต่การติดต่อไปหาและพูดคุยกันนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญมากครับ

ทังจุนซัง: ผมโทรหาคนรอบตัว เพื่อนหรือคนรู้จักที่ไม่ได้ติดต่อกันมานาน ผมก็มีช่วงที่เหงาหรือรอการติดต่อจากเพื่อน ๆ เหมือนกัน เลยลองเปลี่ยนเป็นฝ่ายที่เริ่มติดต่อไปหาก่อนแทนครับ

มุมมองของนักแสดงที่มีต่อ ชีวิตและความตาย ในซีรีส์ 

ทังจุนซัง: ที่จริงผมยังเพิ่งอายุ 19 ปี แต่เอาจริงๆ แล้ว มันก็เป็นเรื่องที่คนอายุเท่านี้สามารถจะนึกถึงได้ แต่ผมไม่เคยคิดเรื่องของ ชีวิตและความตาย มากขนาดนั้น แต่พอได้แสดงเรื่องนี้ที่เกี่ยวกับการจัดของให้คนที่จากไป ทำให้ได้ย้อนคิดว่ามีสิ่งของอะไรที่สื่อถึงตัวเราบ้างนะ หรือคิดว่าถ้าเราตายไปแล้ว หลังจากนั้นจะเป็นยังไงนะ คิดแค่อะไรแบบนี้ ไม่ได้คิดถึงชีวิตและความตายในเชิงปรัชญาหรือคิดถึงเรื่องชีวิตและความตายอย่างจริงจังขนาดนั้นครับ

อีเจฮุน: ผมพยายามคิดและรู้สึกถึงคีย์เวิร์ดคำว่า ชีวิตและความตาย ผ่านผลงานชิ้นนี้  การใช้ชีวิตมีทั้งดีใจ โกรธ เศร้า สุข ผมหวังว่าตอนที่เผชิญหน้ากับความตายผมจะไม่เหงา และได้คิดว่าช่วงเวลาที่คนที่ผมสนิทกำลังจะจากไป ผมอยากจะคอยอยู่เคียงข้างเขาครับ

ได้เรียนรู้อะไรเกี่ยวกับชีวิตบ้าง หลังจากที่ได้มาเล่นเรื่องนี้ที่เกี่ยวกับของสำคัญในชีวิตและการจากไป 

อีเจฮุน: ผมรู้สึกว่าต้องคอยดูแลคนรอบตัวให้ดี สังคมเราให้ความสำคัญกับความฝัน ความมั่งคั่ง การหาเงินของตัวเอง ถึงแม้มันจะเป็นสิ่งที่สำคัญแต่มันก็ช่าง… (หยุดพูดไป แต่สื่อความหมายในสีหน้าและน้ำเสียงได้ว่า น่าเสียดาย/น่าเศร้า) ผมคิดว่าสุขภาพและคนที่อยู่รอบตัวเรา คือผลลัพธ์ที่แสดงให้เห็นว่าที่ผ่านมาเราใช้ชีวิตมายังไงบ้าง ท้ายที่สุดแล้ว คน ก็คือสิ่งสำคัญ รู้สึกว่าต้องดีกับคนรอบตัวให้มากกว่านี้ผ่านผลงานชิ้นนี้ครับ

ทังจุนซัง: ผมก็เหมือนกันครับ ได้รู้สึกว่าคนรอบตัวนั้นสำคัญมาก ไม่ว่าใคร ๆ ก็ต้องเคยรู้สึกเหงาอยู่แล้ว ผมเองก็เช่นกัน ผมเลยได้เรียนรู้ว่าคนรอบตัวนั้นเป็นบุคคลที่สำคัญต่อตัวผมมาก 

อาชีพใน Move To Heaven เป็นความแปลกใหม่ของซีรีส์เกาหลี คุณมีมุมมองอย่างไรบ้างกับอาชีพลักษณะนี้ 

อีเจฮุน:  การมีอยู่ของอาชีพนี้เป็นอะไรที่มีค่าและสมควรได้รับความเคารพ เป็นงานที่ไม่ได้ทำง่าย ๆ ผมคิดว่าความเคารพที่มีต่อผู้ที่ล่วงลับเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ไม่ใช่งานที่จะทำแค่เพื่อหาเงินเท่านั้น ผมหวังว่าถ้าหลังจากนี้คนได้รู้จักและเลือกที่จะประกอบอาชีพนี้มากขึ้น จะได้รู้ว่าเป็นอาชีพที่ต้องมีจิตใจอันยิ่งใหญ่ที่เคารพผู้ล่วงลับและสามารถสื่อสารสิ่งต่าง ๆ ให้กับครอบครัวของเขาได้

ทังจุนซัง: ผมคิดว่าถ้าวันหนึ่งต้องจากไป ก็คงสามารถฝากเรื่องไว้กับบริษัทเก็บกวาดที่เกิดเหตุหลังความตายได้ รู้สึกว่าตอนที่ยังมีลมหายใจอยู่ ต้องใช้ชีวิตอย่างดี เพื่อที่เวลาพนักงานมาเก็บกวาดจะไม่ได้เหนื่อยเกินไป ไม่สร้างความเดือดร้อนให้กับเขา รู้สึกว่าเป็นอาชีพที่ยอดเยี่ยมและไม่ใช่งานธรรมดา ๆ เลย

ระหว่างถ่ายทำ มีอะไรที่พวกคุณประทับใจกันและกันบ้าง 

อีเจฮุน: สิ่งที่นึกออกตอนนี้เลยคือ ตอนถ่ายทำคุณแม่ของจุนซังทำอาหารมาให้สตาฟและนักแสดงทานด้วยตัวเองเลยครับ (หันไปถามคุณจุนซัง) “ใช่กุ้งทอดไหมนะครับ” อร่อยมาก ๆ เลยครับ เมนูนี้เนี่ยถ้าจะทำก็ต้องเตรียมตัวตั้งแต่วันก่อนหน้า ทำละเอียดทีละอันๆ (คุณจุนซังน่าจะหันมาตอบว่า คือ สปริงโรล) คุณแม่เตรียมสปริงโรลมาให้ อร่อยและประทับใจมาก อยากทานอีกครับ

ทังจุนซัง: ประทับใจเรื่องนั้นเหรอครับ (หัวเราะ) สำหรับผม ในฐานะที่พี่เจฮุนเป็นนักแสดงที่มีประสบการณ์เยอะมาก เวลาพักในกอง ผมก็จะถามสิ่งที่ผมสงสัย สิ่งที่ผมควรจะต้องทำต่อไปในฐานะนักแสดง ความคิดและความกังวลเกี่ยวกับอนาคตต่าง ๆ เวลาถามหรือขอความช่วยเหลือจากพี่เจฮุนทีไร พี่เจฮุนก็จะให้คำตอบอย่างใจดีและคอยนึกถึงมุมของผมตลอด ได้เรียนรู้จากพี่เจฮุนเยอะมาก ประทับใจมากครับ

ในซีรีส์ Move to Heaven นี้คุณต้องเรียนศิลปะต่อสู้ป้องกันตัว (MMA) ก่อนหรือไม่ และมีการเตรียมตัวอย่างไรบ้างก่อนแสดงซีรีส์เรื่องนี้ 

อีเจฮุน: มีฉากที่ต้องแสดงออกมาให้ร่างกายดูแข็งแรงและแนวแอคชั่นเยอะมาก เลยต้องฝึกกับทีมศิลปะป้องกันตัวเยอะหน่อย แต่ก็แอบเสียดายที่ช่วงเวลาฝึกนั้นไม่ได้ยาวมาก ผมอยากแสดงออกมาให้ดูแข็งแรงและเท่ ก็เลยทุ่มสุดตัว ทำให้มีการบาดเจ็บเกิดขึ้น อย่างตอนถ่ายฉากต่อยมวย ต่อยกระสอบทราย ผมหักโหมไปหน่อยทำให้เจ็บข้อมือ ต้องใส่เฝือกที่มืออยู่เดือนนึงเลย ช่วงนั้นก็ลำบากอยู่บ้าง แต่ก็รู้สึกพึงพอใจมากครับที่ได้ลองแสดงฉากต่อยมวยหรือศิลปะต่อสู้ป้องกันตัวต่าง ๆ ด้วยตัวเองผ่านผลงานชิ้นนี้

มีฉากไหนในเรื่องที่คุณรู้สึกประทับใจหรือมีความเกี่ยวข้องกับคุณมากที่สุด?

ทังจุนซัง: ผมคิดว่าเป็น EP5 ครับ เป็นเรื่องราวเหตุการณ์เกี่ยวกับคู่รักคู่หนึ่งครับ ตอนที่ผมอ่านบท ผมรู้สึกสัมผัสได้ถึงอารมณ์ในฉากนั้น มันเหมือนกับเชอร์ล็อก โฮมส์ ที่เจอเบาะแส นำไปสู่เรื่องราวต่างๆจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ผมรู้สึกว่ามันเท่มากเลยครับ

อีเจฮุน: ผมคิดว่า EP1 เลยครับ ผมจะไม่สปอยล์มากแล้วกัน เป็นเรื่องราวของญาติผู้ใหญ่ที่จากไปแล้วลูกชายก็มารับข้าวของเครื่องใช้ของคนที่เสียชีวิตครับ ผมรู้สึกว่ามันสมจริงมากและมันเป็นเรื่องราวที่ค่อนข้างเศร้าครับ วันมะรืนนี้ทุกคนจะได้ดูเรื่องนี้แล้ว ผมฝากติดตามเรื่องราวตั้งแต่ EP1 ไปตลอดจนจบทั้งเรื่องเลยนะครับ

ฮงซึงฮี: ฉันขอพูดถึงฉากที่จุนซังได้พูดไปก่อนหน้านี้นะคะ ใน EP นั้นฉันได้ยินเรื่องราวที่คล้ายกับในฉากนั้น ตอนถ่ายทำเลยรู้สึกมีอารมณ์ร่วมไปกับฉากนั้นค่อนข้างมากค่ะ ฝากติดตามด้วยนะคะ

 

ตอนนี้ Move to Heaven ได้ลงฉายทั้ง 10 EP บน Netflix แล้วเรียบร้อย ไปติดตามการทำงานเก็บกวาดที่เกิดเหตุหลังความตายกันกับฮันกือรูและโจซังกูกันได้เลย!