Fast & Feel Love: หนัง (โฆษณา) เรื่องล่าสุดของ เต๋อ-นวพล
ขึ้นชื่อว่าเป็นหนังของ ‘เต๋อ-นวพล ธำรงรัตนฤทธิ์’ หลายคน (รวมถึงเรา) ก็คิดไว้ก่อนเลยว่าต่อจะให้เคลมว่าเป็นหนังแอ็คชั่นที่ไม่เคยทำมาก่อนก็คงจะต้องแทรกความอินดี้ คิดเยอะ และย่อยยากแน่นอน แต่ ‘Fast & Feel Love’ กลับลบภาพหนังอินดี้ของนวพลหายไป กลายเป็นหนังโฆษณาแนวแอ็คชั่นที่ดูสนุก ไม่ต้องคิดเยอะ อาจจะเป็นตำนานการทำหนังแบบใหม่ของผู้กำกับคนนี้เลยก็ได้
หนังโฆษณาที่ว่านี้เล่าเรื่องของ เกา (นัท-ณัฏฐ์ กิจจริต) เนิร์ด Sport Stacking ที่ตั้งใจจะเป็นที่ 1 จากนักแข่งทั่วประเทศ ทุก 0.001 วินาทีของเขามีค่า แต่ในระหว่างที่จะต้องฝึกซ้อมอย่างโหดนั้น ก็มีดราม่าเข้ามาทำให้เกาต้องเสียสมาธิ เริ่มจากที่ เจ (ญาญ่า-อุรัสยา เสปอร์บันด์) แฟนสาวที่ทิ้งเข้าไป ต่อเนื่องมาจนถึงงานต่างๆ ที่เจเคยดูแลให้ เกาก็ต้องมาเรียนรู้ที่จะต้องลงมือทำเอง และเรียนรู้ที่จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ในวัย 30 ปี แทนที่จะได้ทุ่มเทเวลาไปกับการทำลายสถิติ 4.6 วินาทีที่โดนแซงไปให้ได้
การดำเนินเรื่องราวของหนังดูเหมือนเป็นหนังโฆษณาที่เราจะได้เห็นการขายในเรื่อง ไหนจะการขายบ้าน AP (หนักมาก) ไหนจะขายปั๊มน้ำ หรือแม้กระทั่งขายกองทุน ที่ทั้งหมดดูจะเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตคนวัย 30+ ทั้งนั้น แต่การขายกลับไม่ทำให้อึดอัดและดูยัดเยียดจนเกินไป ชวนให้เราติดตามว่าจะมีซีนไหนที่จะเป็นซีนงานขายอีกไหม
นอกจากจะเป็นหนังโฆษณา (ที่สนุก) แล้วก็ยังเป็นหนัง Parody ที่ล้อเลียนหนังดังหลายเรื่องที่เลือกมาใส่ในสถานการณ์ของเรื่องได้พอดีแบบเนียนๆ และยังมีมุกตลกไวรัลสอดแทรกอยู่ตลอดทั้งเรื่อง จนทำให้คิดว่าถ้าหากใครไม่ได้ติดตามเหตุการณ์ต่างๆ ในโซเชียลหรือไม่ได้ดูหนังเยอะเท่าไรก็อาจจะตามบางมุกไม่ทันก็ได้ รวมถึงเราจะได้ทั้งบทพูดเท่ๆ ไปตั้งสเตตัสและมีมสนุกๆ จากทั้งเรื่องเอาไว้เล่นกันบนโซเชียลได้อีกด้วย
ช่วงแรกหนังเล่าเร็วสมชื่อ จากวัยมัธยมสู่ช่วงมหาวิทยาลัย จนเกาและเจย้ายมาอยู่ในบ้านหลังเดียวกัน เกาใช้เวลากับ Sport Stacking ในห้องที่เงียบที่สุดของบ้าน โดยมีแฟนสาวอย่างเจที่คอยช่วยเหลือในทุกๆ เรื่อง ทั้งงานบ้าน อาหารการกิน แม้แต่เรื่องเอกสารสำคัญต่างๆ เกาก็ยกให้เป็นหน้าที่ของเจในการจัดการทั้งหมด จุดเริ่มต้นของเรื่องราวการเติบโตของเกาจึงเริ่มขึ้นตรงที่ความฝันของเจและเกาแตกต่างกันมาก เกามีความฝันในการเป็นนักกีฬา Sport Stacking ฝันที่จะทำลายสถิติโลก ฝันว่าจะได้ไปแข่งขันและย้ายไปอยู่ที่อเมริกากับเจ
แต่ในขณะเดียวกัน เจฝันแค่จะเป็นแม่บ้านธรรมดาๆ ที่เมืองไทย ดูแลบ้าน ดูแลเกา และดูแลลูกเท่านั้น ไม่ได้มีแค่เวลาและความฝันของเกาเท่านั้นที่มีค่า แต่เวลาของเจที่ยกให้เกามาตลอดหลายปีก็เป็นสิ่งที่มีค่าสำหรับเธอเหมือนกัน
Fast & Feel Love บอกกับเราว่าทุกคนต่างก็มีความฝันของตัวเอง ความฝันสำคัญ แต่คนรอบข้างก็สำคัญกับเราไม่แพ้ความฝัน สุดท้ายแล้วไม่ว่าจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ (ในทางไหน) ก็ไม่สามารถใช้ชีวิตคนเดียวได้อยู่ดี แม้แต่การเล่นกีฬาที่เล่นคนเดียวและต้องใช้สมาธิ ก็ไม่สามารถผ่านพ้นไปได้ด้วยตัวคนเดียวแบบไม่มีคนรอบข้างให้ความช่วยเหลือในเรื่องต่างๆ ได้
จะสรุปแบบเร็วๆ ว่าเป็นหนังสู้ชีวิตที่ชีวิตสู้กลับก็คงจะไม่ผิดเท่าไร
ใครที่กำลังมองหาหนังที่จะได้ผ่อนคลายสมองไม่ต้องคิดอะไรมากตลอดสองชั่วโมงก็แนะนำให้จองตั๋วและเข้าไปดู Fast & Feel Love รับรองว่าไม่ผิดหวังแน่นอน