#Girlsread : If I was your girl – Meredith Russo

คำเตือน: เปิดเผยเนื้อหาสำคัญบางส่วน

“This is the story of my life. When I was born my parents named me Andrew Hardy

and the doctors wrote “male” on my birth certificate.

They had no idea who I would grow up to be.”

ในช่วงปีที่ผ่านมาเรียกได้ว่าทั้งหนังและหนังสือเกี่ยวกับ LGBTQ+ ได้เข้ามาสู่กระแสหลักมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็น Call me by your name, Danish girl หรือ Carol เป็นยุคสมัยที่คนได้เข้าไปทำความเข้าใจและเรียนรู้ความแตกต่างและความหลากหลายของมนุษย์มากยิ่งขึ้น  แต่ถึงอย่างนั้น ชีวิตของ LGBTQ+ ก็ยังต้องเผชิญกับอุปสรรคต่างๆ ซึ่งหนังสือที่อยากจะมาชวนอ่านวันนี้ก็เป็นอีกเล่มที่เปิดเปลือยชีวิตของ Transgender แต่ไม่ได้เพียงแค่บอกเล่าเรื่องราวอย่างเดียวเท่านั้น เพราะหนังสือเล่มนี้ยังพร้อมจะโอบกอดและเป็นกำลังใจให้กับใครก็ตามที่ต่อสู้เพื่ออัตลักษณ์ของตัวเองอยู่ด้วยล่ะ

If I was your girl ของ Meredith Russo บอกเล่าเรื่องราวของ  Amanda Hardy  เธอเป็น Transgender ที่ย้ายไปอยู่ในเมืองเล็กๆ เพื่ออยู่อย่างเงียบๆ หลังจากเข้ารับการผ่าตัดเปลี่ยนแปลงตัวเอง  เป้าหมายของเธอคือเพียงแค่เรียนไฮสคูลให้จบแล้วรีบย้ายไปอยู่เมืองใหญ่ๆ อย่าง นิวยอร์ก ซึ่งเธอจะได้รับการยอมรับมากกว่านี้

แต่เรื่องราวกลับไม่เป็นไปตามที่คิดเมื่อเธอต้องเข้าไปอยู่ในสังคมโรงเรียน อยู่กับเพื่อนใหม่ที่ไม่มีใครรู้อดีตเบื้องหลังของเธอ และยิ่งไปกว่านั้นคือมีชายหนุ่มสุดป๊อปนาม Grant มาตามจีบ ปัญหาต่างๆ จึงเกิดขึ้นเพราะอดีตที่เธอไม่อยากบอกเล่า ยิ่งนานวัน ความสัมพันธ์ของ  Amanda กับ Grant ยิ่งแน่นแฟ้นจนกลายเป็นคนรักกันจริงๆ  ในห้วงเวลาหนึ่งเธออยากรักษาสิ่งเหล่านี้เอาไว้ เพราะมันคือชีวิตที่เธอต้องการ มีแก๊งเพื่อนสาว มีแฟนที่แสนดี เป็นที่ยอมรับของทุกคน แต่เธอก็ต้องอยู่กับความกลัวหากความลับถูกเปิดเผย

ตัวละครในเรื่องมีนิสัยคล้ายๆ กับเรื่องราวไฮสคูลทั่วไป หนุ่มนักกีฬาสุดฮอต แก๊งเพื่อสาวสุดเปรี้ยว ตัวละคร LGBTQ+ ที่ต้องคอยปิดเป็นความลับ ชาวบ้านที่เคร่งศาสนา รวมถึงพ่อแม่ที่พยายามเรียนรู้วิถีชีวิตของลูก หากตัดประเด็นเรื่อง Transgender แล้ว นี่อาจเป็นพล็อตนิยายวัยรุ่นธรรมดาๆ แต่เพราะตัวละคร Transgender นี่เองที่ทำให้นิยายเรื่องนี้แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง

เรื่องโฟกัสไปที่ชีวิตและอุปสรรคขอ ง Amanda บอกเล่าสิ่งที่คนเป็น Transgender ต้องเผชิญ ทั้งการโดนกลั่นแกล้ง ไม่เป็นที่ยอมรับ ถูกมองว่าประหลาด ได้รับการปฏิบัติอย่างเหยียดหยาม บางครอบครัวไม่อาจยอมรับได้ และบางคนที่เคร่งศาสนาถึงกับขับไล่ไสส่ง ซึ่งคนแต่งเล่าสลับไปมาระหว่างชีวิตปัจจุบันกับอดีตของ  Amanda ก่อนเข้ารับการผ่าตัดเปลี่ยนแปลงร่างกาย  ซึ่งไม่ว่าทางใดทางหนึ่ง เธอก็มักจะถูกรังเกียจอยู่เสมอ แม้แต่คนในครอบครัวที่ช่วงแรกๆ ไม่สามารถยอมรับสิ่งที่เธอเป็นได้จนนำไปสู่การพยายามฆ่าตัวตายเพราะไม่อาจทนกับสภาพแวดล้อมรอบตัว จากการเล่าผ่านมุมมองของ Amanda ทำให้เราได้สัมผัสถึงอารมณ์ ความรู้สึกของเธออย่างชัดเจน ชวนให้เราเข้าใจและได้เรียนรู้ชีวิตของ Transgender ที่ต้องถูกกระทำอยู่ซ้ำๆ

นอกจากเรื่องราวที่ชวนติดตาม ความน่าสนใจอีกอย่างจากหนังสือเล่มนี้คือ คนเขียนเองก็เป็น Transgender และแน่นอนว่าเธอก็เอาประสบการณ์ของเธอเข้ามาใส่ในนิยายเรื่องนี้ด้วย แต่เธอก็ได้บอกเอาไว้ตอนท้ายเล่มว่าเธอไม่อยากให้เรื่องของ  Amanda ได้รับการยกย่องเป็นตำราที่ควรยึดถือปฏิบัติตาม เพราะเธอเป็นแค่นักเล่าเรื่องที่บางครั้งก็ใส่อะไรที่เธอจินตนาการเข้าไป  นอกจากนี้เธอยังเขียนโน้ตไว้ท้ายเล่มเพื่อให้กำลังใจ Transgender ว่า “There is no wrong way to express and embody your most authentic self! You are beautiful, and you deserve to have your body and identity and agency respected” ซึ่งคำพูดนี้เป็นความจริงทุกประการ ไม่ใช่เพียงกับเพื่อนๆ Transgender เท่านั้น แต่มนุษย์ทุกคนควรได้รับสิ่งเหล่านี้

ในนิยายเรื่องนี้อาจจะจบลงแบบ  Happy Ending แต่ชีวิตของใครหลายๆ คนไม่อาจเป็นแบบนั้น เพราะฉะนั้นสิ่งที่เราควรทำหลังจากอ่านจบคือการเข้าใจและยอมรับกันและกัน ทุกคนสมควรได้เป็นในสิ่งที่เขาต้องการจะเป็น ไม่มีใครผิดในเรื่องนี้ ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร คุณสามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองได้เมื่อนั่นคือร่างกายของคุณ

“Getting anything you want if you let yourself believe you deserve it.” 😉

Trigger Warning: หนังสือเล่มนี้พูดถึง Depression, Suicidal Thoughts, Severe Bullying แบบชัดและตรงมากๆ ค่ะ ใครกำลังเผชิญสภาวะนี้ แนะนำว่าอย่าเพิ่งอ่านนะคะ

Written by Ployrung Sibplang

0 replies

Leave a Reply

Want to join the discussion?
Feel free to contribute!

Leave a Reply