ไม่สปาร์คจอยก็แค่ทิ้ง แต่เอาจริงไม่ง่ายเลย เรียนรู้วิธีทิ้งผ่านภาพยนตร์ “ฮาวทูทิ้ง ทิ้งอย่างไรไม่ให้เหลือเธอ”

เรื่องบางเรื่อง ทำเป็นลืมๆคนเดียวก็ไม่หายไปหรอก อีกคนหนึ่งต้องลืมด้วย มันถึงจะจบ”

ประโยคหนึ่งในภาพยนตร์เรื่อง ฮาวทูทิ้ง ทิ้งอย่างไรไม่ให้เหลือเธอ ที่เราได้ยินจากมิวสิควิดีโอเพลง ทิ้งแต่เก็บ นั้นสะดุดใจมาตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้ยิน 

ช่วงเวลาแห่งการเริ่มต้นทำสิ่งใหม่ การคัดเลือกสิ่งที่ไม่จำเป็น สิ่งที่ไม่ใช้แล้ว สิ่งที่ไม่สปาร์คจอย สิ่งที่อยู่มานานเกินกว่าจะเก็บ เลยเป็นเหตุผลที่ต้องทิ้งสิ่งนั้นไป แต่ทุกสิ่งของมีเรื่องราว มีความสัมพันธ์ในสิ่งนั้น จึงไม่ง่ายเลยที่จะทิ้ง และกลายเป็น “สภาวะไม่รู้จะทิ้งอะไร”

แล้วเมื่อแทนสิ่งของเป็นคน

ถ้าต้องทิ้งคน จะทิ้งยังไงดี?

มองดูรอบตัว มีของมากมาย

ครั้งนี้ผู้กำกับเต๋อ นวพลมาขยี้เรื่องความทรงจำ ความสัมพันธ์ และความรักที่เริ่มต้นง่ายๆ ในมุมของ จีน (ออกแบบ-ชุติมณฑน์ จึงเจริญสุขยิ่ง) หญิงสาวที่กำลังจะเปลี่ยนบ้านให้เป็นโฮมออฟฟิศสไตล์มินิมอล แต่เจอปัญหาสามัญประจำบ้านคือ บ้านรก เธอเลยสวมบทเป็นธานอส กวาดของทุกอย่างลงถุงดำแล้วส่งต่อให้ลุงรับซื้อของเก่าไป แต่มันไม่ง่ายเหมือนการดีดนิ้วเพียงครั้งเดียว เมื่อเธอเจอกล้องถ่ายรูปของแฟนเก่าอย่าง เอ็ม (ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์) เธอจึงต้องนำของกลับไปคืน ในขณะเดียวกันก็เป็นการเปิดกล่องความทรงจำระหว่างเธอกับเขา และในครั้งนี้จีนจึงได้รู้ว่าการทิ้งของของเธอนั้น กลับเป็นการทิ้งไปเพียงแค่ของต่างๆ แต่ความทรงจำและความรู้สึกนั้นยากที่จะทิ้ง และต่อให้ดีดนิ้วเพียงครั้งเดียวก็ไม่มีหายไปได้เลย

ทิ้งไปเท่าไหร่ ไม่เคยจะหมดเลย

ครั้งหนึ่งในชีวิต ทุกคนก็คงจะได้เจอประสบการณ์สร้างบ้านใหม่ ปรับปรุงบ้าน หรือโละของในบ้านทิ้งไป โมเมนต์ที่กินเวลาและความรู้สึกไปมากที่สุดคือการคัดเลือกของที่จะเก็บ ของที่จะทิ้ง ของที่จะใช้ หรือของที่จะไม่ใช้ เพื่อให้เราอยู่กับสิ่งที่ดีที่สุดไปอีกนาน แต่ความสัมพันธ์ของคนที่อยู่ในบ้านล่ะ? ภาพยนตร์ฮาวทูทิ้งเล่าถึงความสัมพันธ์ที่ไม่สมบูรณ์ของคนในบ้านไว้ได้อย่างลึกซึ้ง เป็นความต่างระหว่างคนสองรุ่น ที่คนรุ่นหลังอยากจะจบและหลุดพ้นออกจากอดีต แต่มันไม่ใช่แค่ โอเค เรามาลืมเรื่องนี้ แล้วเริ่มต้นใหม่กันเถอะ แล้วก็จบน่ะสิ และหากมองข้ามเรื่องการทิ้งสิ่งของภายในบ้าน ลึกลงไปแล้วจะได้เห็นรู้สึกหลากหลายที่ครอบครัวนี้ได้ส่งผ่านมาถึงเรา แม้ว่าบางทีหลายคนไม่ชอบที่ตัวเองยึดติดกับอดีต ความรู้สึกเดิมๆ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้อีกเช่นกันว่าในบางครั้งความรู้สึกในอดีตเหล่านี้หล่อเลี้ยงใจให้เราใช้ชีวิตในแต่ละวันได้

ตกอยู่ชิ้นหนึ่ง ใครใจร้ายจังเลย

ไม่ว่าจะเป็นคนทิ้ง หรือคนถูกทิ้ง มุมมองของ 2 สถานะนี้ได้ถูกแกะไปทีละปมอย่างค่อยเป็นค่อยไป และในบางฉากก็คล้ายว่าผู้กำกับ–เต๋อ นวพล ได้ทิ้งคำถามให้เราได้กลับมาหาคำตอบว่า ถ้าเหตุการณ์ในเรื่องเกิดขึ้นกับเราจริงๆ เราจะเก็บเอาไว้หรือจะทิ้งไปเลย หรือมีวิธีอื่นที่ดีกว่าไหม จนในตอนสุดท้ายที่แม้จะราบเรียบ ง่ายดาย แต่กลับเป็นพื้นที่ทางความรู้สึกให้ผู้ชมได้ใช้เวลาคิดและรู้สึกตาม

ทิ้งไว้ที่เดิม หรือทิ้งที่ไหนดี

“ทิ้งคนไม่เหมือนทิ้งของ” คงจะเป็นคำพูดที่ไม่เกินจริง เพราะในบางครั้งการทิ้งสิ่งของยังเป็นเรื่องยากสำหรับใครบางคน แต่ถ้าต้องทิ้งคน ทิ้งแล้วลืมไปเลยแบบที่ไม่เคยมีอยู่ก็คงเป็นเรื่องที่โหดร้ายสำหรับอีกคนไปเลยเหมือนกัน แม้การดำเนินเรื่องที่ค่อยเป็นค่อยไปสไตล์นวพล แต่มวลอารมณ์ของภาพยนตร์กลับหนักหน่วง และสัมผัสได้ถึงความละเอียดอ่อนในความรู้สึกของตัวละคร

เกือบลืมไปแล้วมีความสุขแค่ไหน

ส่งท้ายปีนี้กับภาพยนตร์เรื่อง ฮาวทูทิ้ง ทิ้งอย่างไรไม่ให้เหลือเธอ ไม่ว่าในแต่ละวันเราจะรับสิ่งใหม่เข้ามา และต้องตัดใจทิ้งบางสิ่งออกไป แต่สุดท้ายเราก็ต้องเดินไปข้างหน้าอย่างที่ภาพยนตร์ได้คอยย้ำอยู่เสมอว่า มุ้ปอร (Move On) ต่อไปนะ ดูหนังแล้วกลับมาฟังเพลง ทิ้งแต่เก็บ ยิ่งเข้ากันมากขึ้นอีก ตามไปดูพร้อมกันในวันที่ 26 ธันวาคมนี้ที่โรงภาพยนตร์จ้า

 

Written by Pimchanok Bunchaeng