‘YourMOOD’ ศิลปินคาแรกเตอร์จัดที่ใช้เวลากว่า 10 ปีตามหาสิ่งที่ ‘ใช่’ กับเพลงที่เป็นตัวแทนอารมณ์ของคนฟัง
“มีคนเตือนไว้ก่อนหรือเปล่าครับว่า คุยกับผมแล้วระวังจะปวดหัว” YourMOOD เปิดบทสนทนากับเราด้วยประโยคนี้
ถึงจะไม่มีใครเตือน แต่เพราะเคยดู ‘YourMOOD’ หรือ ‘บอย-สุรัตน์ รุ่งพุทธิกุล’ ตอนอยู่บนเวทีมาก่อน เลยพอรู้ว่า ‘ความปวดหัว’ ที่เขาพูดถึงนั้นหมายถึงพลังล้นๆ และสไตล์การพูดที่กวนๆ ปนติดตลกมากกว่า
เอาจริงๆ พลังล้นๆ ของบอยไม่ได้ชวนปวดหัว แต่ยิ่งทำให้บทสนทนากับเจ้าของเพลงแนวซินธ์ป๊อป พร้อมกลิ่นอายดนตรียุค 80s คนนี้ลื่นไหลมากยิ่งขึ้น ให้เราได้รู้จักกับเขามากขึ้นอีก ทั้งในแง่การเป็นนักร้องที่มีเอกลักษณ์เรื่องการใช้ช่องเสียง เจ้าของโชว์บนเวทีที่มีอะไรสนุกๆ เสมอ สไตล์การแต่งตัวที่ทำให้ลุ้นทุกครั้งว่าเขาจะขึ้นโชว์ด้วยชุดไหน ไปจนถึงวิธีการพูดแบบกวนๆ และการเล่นมุกหน้าตายที่เรียกเสียงหัวเราะจากแฟนเพลงได้
บอยพูดถึง The TOYS (ทอย-ธันวา บุญสูงเนิน) อยู่หลายครั้งระหว่างที่คุยกัน เพราะเป็นโปรดิวเซอร์คนสำคัญที่ทำให้เพลงของ YourMOOD ออกมาเป็นเพลงอย่างที่เราได้ยินกันทุกวันนี้ เป็นเพลงที่เปิดโอกาสให้คนฟังตีความเพลงได้ตามอารมณ์ความรู้สึกของตัวเอง ณ ตอนที่ฟัง แต่ในขณะเดียวกันก็มีความเฉพาะตัวในด้านวิธีการร้องและซาวนด์ดนตรี ชนิดที่แค่ได้ยินอินโทรก็บอกได้ว่าเป็นเพลงของใคร
แม้แต่เพลง ‘ลาก่อน’ เพลงแจ้งเกิดของเขาก็ยังเป็นเพลงเศร้าที่ไม่ได้ดีไซน์ออกมาให้ฟังแล้วต้องดิ่งสุด ในทางกลับกัน เพลงนี้ยังอาจเป็นเพลงที่ให้ความหวังสำหรับบางคนด้วยซ้ำไป ตรงกับชื่อ YourMOOD ที่มาจากความตั้งใจที่อยากให้ทุกเพลงขึ้นอยู่กับมู้ดของคุณ – คนฟังทุกคน – นั่นเอง
บอยพูดถึง The Toys (ทอย-ธันวา บุญสูงเนิน) อยู่เสมอในการสัมภาษณ์และจะบอกทุกครั้งว่าทำงานเข้ากันได้ดีมาก อยากรู้ว่าคลิกกันในการทำงานตั้งแต่แรกเลยไหม
คลิกแต่แรกเลยครับ ทำงานกับทอยเหมือนพี่น้องทำงานด้วยกันมากกว่า มันไม่ได้เหมือนโปรดิวเซอร์เพลงกับศิลปิน ในโหมดงานเราก็เต็มที่ จริงจังกันนะ
ถ้าถามว่ามารู้จักกันได้อย่างไร ต้องย้อนกลับไปว่า ก่อนรู้จักทอย ผมรู้จักกับ BOWKYLION (โบกี้-ณิชชาฎา วีระสุทธิมา) ตั้งแต่ตอนที่ผมยังมีวงอยู่ ส่วนทอยเป็นเพื่อนกับโบกี้ ช่วงนั้นเป็นช่วงที่เขาเพิ่งปล่อยเพลง ‘หน้าหนาวที่แล้ว’ และเป็นช่วงที่เพลงเขากำลังทำงาน ผมฟังเพลงเขาแล้วก็ เฮ้ย เพลงใครน่ะ มันมีท่อนแปลกที่ร้องเร็วๆ ฟังไม่รู้เรื่อง แต่มันเป็นฟังไม่รู้เรื่องแบบที่ดีนะ มันเพราะและแปลกใหม่ในวงการเพลงไทย ฟังแล้วก็คิดว่า ศิลปินคนที่ชื่อ The Toys นี่เจ๋งว่ะ
ทอยมาถามโบกี้ว่า เขาอยากโปรดิวซ์เพลงให้ศิลปินสักวง มีวงไหนแนะนำบ้างไหม โบกี้ก็เลยแนะนำวงผมไปตั้งแต่ตอน 7-8 ปีที่แล้ว พอโบกี้ชวนก็สนใจ ตอนนั้นเลยมีโอกาสได้ไปเข้าค่ายกับค่ายเพลงค่ายหนึ่งก่อนจะแยกออกมาเป็นศิลปินเดี่ยวและได้ร่วมงานกับทอยอีกรอบ
วิธีทำงานของศิลปินกับโปรดิวเซอร์คู่นี้เป็นแบบไหน
เราจะตั้งต้นกันโดยทอยเป็นคนคิดเมโลดี้ บางเพลงทอยก็เสนอเรื่อง แต่ถ้าเพลงไหนผมมีเรื่อง ผมก็เสนอเขาไป เขาเป็นคนที่เปิดรับไอเดียของเราด้วย ส่วนใหญ่ตอนนี้เราจะนั่งรวมหัวกันแต่งเนื้อเพลง มีกีตาร์ 1 ตัว แล้วก็นั่งกินข้าวกันไป คิดเนื้อเพลงกันไปด้วย ทอยจะเล่นกีตาร์แล้วเราก็แต่งเพลงกันตรงนั้น บางทีถ้ารู้สึกว่าตันๆ คิดไม่ออก ก็แยกย้ายกันไปนอนก่อนแล้วค่อยกลับมาเจอกัน
ชื่อ YourMOOD นี่ก็มาจากที่เราช่วยกันคิด ตอนแรกมีหลายชื่อเลย มีหม่าล่าด้วย แต่พอเขียนออกมา ดูแปลกๆ แฮะ ก็เลยคิดชื่ออื่น แล้วก็ได้ชื่อนี้ที่พอพูดปุ๊บ เราก็ชอบกันทั้งสองคน เพราะเราอยากให้เพลงของเราเป็นตัวแทนอารมณ์ของคุณ ก็เลยเป็น YourMOOD ของผู้ฟังทุกคน
อีกอย่างหนึ่ง ส่วนใหญ่เพลง YourMOOD ถ้าฟังดีๆ ความหมายจะกว้างมาก แล้วแต่การตีความของคน อย่างเพลง ‘ลาก่อน’ บางคนฟังบอกเป็นเพลงเศร้า บางคนฟังแล้วบอกว่าเป็นเพลงที่มันบอกลาเขาได้เสียที ยินดีที่มูฟออนได้แล้ว มันเลยเป็นเพลงที่แล้วแต่อารมณ์ของคนฟังด้วย
เพราะฉะนั้นมู้ดโดยรวมของเพลง YourMOOD ก็จะไม่ใช่เพลงเศร้าสุดหรือหวานสุด
ใช่ครับ แล้วแต่มู้ดตอนที่ฟังเพลงเลย ถ้าคนเพิ่งเลิกมาฟังเพลงก็อาจจะเศร้า แต่ถ้าคนมีความรักก็อาจจะเปิดในงานแต่งงานได้
แล้วเคยมีคนเอาไปเปิดในงานแต่งงานหรือยังนะ
ไม่รู้ว่ามีไหม แต่เอาไปเปิดได้นะครับ เพราะตอนที่ปล่อยเพลง ‘พบพา’ ผมเคยทำเป็นแคมเปญให้คู่รักทำวิดีโอสั้นๆ ส่งเข้ามา แล้วก็คัดเลือกคู่ที่ได้ที่หนึ่ง ให้เขาไปดินเนอร์แล้วก็ร้องเพลงให้เขาฟังสดๆ เป็นแคมเปญที่ทำแล้วรู้สึก fulfilled
นอกจากสไตล์เพลง อีกเรื่องที่คนมักจะนึกถึงเมื่อพูดถึง YourMOOD ก็คือสไตล์การแต่งตัว ความชอบในเรื่องนี้ที่กลายมาเป็นสไตล์ของเรามีที่มาจากไหน
ผมชอบเรื่องแฟชั่นมาตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว ตอนเรียนมัธยมก็จะดูจากนิตยสารต่างๆ แล้วซึมซับ พอมีโซเชียลมีเดียก็ชอบดูเวลาคนแต่งตัวกัน
บอยแต่งตัวจัดมาตั้งแต่สมัยเรียนเลยหรือเปล่า
ตอนเรียนน่าจะถือว่าแต่งตัวจัดครับ จัดว่าไม่ดี จัดว่าไม่หล่อ จัดว่าไม่ได้ (หัวเราะ)
ตอนนี้กลายเป็นว่าคนจะรอดูว่าเราจะจัดชุดไหนขึ้นโชว์ การเลือกชุดที่มีทั้งชุดกล้วย ชุดเป็ด ชุดฮัลโลวีน และอีกหลายชุดเริ่มต้นจากตรงไหน
น่าจะตอนทำผมสีแดง พอผมแดงแล้วรู้สึกว่าอยากทำอะไรที่มันจัดจ้านตามสีผม ก็เลยทำอะไรที่แหวกแนวและนอกกรอบ ไม่ได้อายที่จะพรีเซนต์มันออกมา รู้สึกชอบด้วยซ้ำไป อย่างชุดกล้วยนี่เป็นของทอย เขาสั่งไว้แล้วไม่ได้ใส่ ผมเลยยืมมา ตอนนั้นเป็นงานดูเร็กซ์ ธีมมันได้ ก็เลยใส่ชุดนี้ ตั้งแต่จากชุดกล้วยมา ผมเริ่มรู้สึกว่า นี่คือทางของผมละ ก็เลยมีชุดต่อๆ ไปตามมา จนชุดกลายเป็นส่วนหนึ่งของการออกแบบโชว์แต่ละครั้ง ทำให้ผมมั่นใจขึ้นด้วย เคยมีบางคนถามว่า ใส่ชุดแบบนี้แล้วมั่นใจเหรอ ใช่ ผมมั่นใจ ถ้าไม่ใส่สิ ผมจะไม่มั่นใจ
เคยมีบางคนถามว่า ใส่ชุดแบบนี้แล้วมั่นใจเหรอ ใช่ ผมมั่นใจ ถ้าไม่ใส่สิ ผมจะไม่มั่นใจ
ความมีคาแรกเตอร์ของ YourMOOD อีกอย่างคือเรื่องวิธีการร้อง ซึ่งถ้าย้อนกลับไปตอนเรียน บอยยังไม่ได้ใช้วิธีร้องเพลงแบบนี้ หรือแม้แต่ตอนที่ยังทำวง ช่องเสียงที่ใช้ก็ยังไม่ได้ชัดขนาดนี้ มีจุดไหนที่ทำให้รู้ว่า เราควรร้องด้วยช่องเสียงนี้ ด้วยเสียงที่เป็นตัวเรา
ช่วงเรียนมีเพื่อนทักว่า เฮ้ย มึงจะร้องเพลงเสียงหมือนศิลปินที่ร้องทำไม เพราะตอนนั้นเวลาร้องเพลงของศิลปินท่านไหน ผมก็ร้องเป็นเสียงของเขาจนเพื่อนทัก พอมีโอกาสร้องเพลงตามร้านอาหารเพื่อหาเงินไปด้วย เรียนไปด้วย ช่วงนั้นน่าจะเริ่มฝึกร้องเสียงตัวเอง แต่ก็ยังไม่ชัดเจนมากจนมาเจอทอย ทอยเป็นคนที่เห็นช่องเสียงผมที่สุด ก็เลย push จนช่องเสียงนี้ออกมาได้
ทอยบอกว่าเสียงผมมีคาแรกเตอร์และเสียงพุ่ง มันจะกึ่งๆ ว่าจมูกหรือว่าคอ ค่อนข้างงง แต่เป็นงงที่ดี งงแบบมีคาแรกเตอร์ เวลาเขาห้องอัด เขาจะเป็นคนคุมร้องด้วย พอเขาให้คำแนะนำอะไร เราก็จำและใช้มาเรื่อยๆ เป็นอย่างนี้มาตั้งแต่เพลงแรกแล้ว
เดโม่แรกๆ ของเพลง ‘ลาก่อน’ จะไม่ได้ร้องด้วยช่องเสียงนี้ แต่ตอนนั้นเราทำเพลงนี้กันเกือบร้อยแบบ ทำกันเป็นปีเลย อัดร้องนี่อัดกันหลายรอบมากจนกว่าจะออกมาเป็นเวอร์ชันที่ทุกคนได้ฟัง ทั้งเปลี่ยนเนื้อ แก้เนื้อ แก้เสียง ฟีลไม่ได้ มิกซ์ไม่ดี arrange เพลงยังไม่ไม่โอเค ก็เลยแก้กันนาน
แต่ตอนนั้นไม่ได้ห่วงเรื่องระยะเวลาเลยนะ เพราะว่าอยากได้งานที่คุณภาพดี อยากปล่อยงานที่เราแฮปปี้ก่อน คนฟังจะได้แฮปปี้ตาม
คาแรกเตอร์สำคัญแค่ไหนสำหรับบอย
เรื่องคาแรกเตอร์สำคัญมากครับ ทั้งเสียงร้องและดนตรีเลย อย่าง ‘ลาก่อน’ นี่แค่ดนตรีขึ้นต้นมา คนไม่มากก็น้อยที่ได้ยินแล้วน่าจะบอกได้ว่า เฮ้ย เพลงลาก่อนมาแล้ว ต่อให้ไม่ใช่ผมร้อง แต่มันจะทำให้คนนึกถึง YourMOOD ได้ง่ายและชัดเจน
ที่ผ่านมาถือว่าใช้เวลานานแค่ไหนในการค้นหาคาแรกเตอร์ที่ลงตัว
ถ้าเอาตั้งแต่เริ่มเล่นดนตรีตอนมัธยมที่มีไปแจมวงเพื่อนๆ บ้าง ตั้งแต่ช่วง ม.4-5 ก็น่าจะเกิน 10 ปี นานนะกว่าจะเจอ มีช่วงหนึ่งที่คิดว่าเจอแล้วเพราะคนพูดกันเยอะว่า ฟังเสียงแล้วรู้ว่าเป็นเรา แต่สำหรับเรามันยังไม่ได้ดีที่สุด กลมกล่อมที่สุด เป็นมุมมองคนอื่นมากกว่าจะมั่นใจเองจริงๆ
ผมเจอคาแรกเตอร์ได้เพราะผมเจอทอยด้วย ทอยเป็นคนที่ทำงานด้วยแล้วดึงศักยภาพเราออกมาได้ดีมากๆ ทั้งช่องเสียง วิธีการร้อง โน้ตที่ใช้ แม้กระทั่งเวลาเล่นสด ตอนนี้เราก็ยังทำงานกันอย่างหนัก ทุกงานเราจะรีวิวกันตลอด ทอยจะดูจากคลิปที่ผู้จัดการวงถ่ายเพื่อดูว่าตอนนี้เราอยู่ถูกทางกันหรือเปล่า ดูทั้งวิธีการร้องและไดนามิกโชว์แต่ละครั้งด้วย
ถ้าคนไม่เคยดูโชว์ของ YourMOOD มาก่อนแล้วได้ดูเป็นครั้งแรก คิดว่าความรู้สึกที่เขาได้กลับไปน่าจะเป็นอะไร
ปวดหัวครับ พูดอะไรเยอะแยะไปหมด (หัวเราะ) แต่จริงๆ คงขึ้นอยู่กับมู้ดเขาในวันนั้นด้วย
แล้วถ้าให้นึกคำที่จะอธิบาย YourMOOD ได้ในไม่กี่คำ
(นิ่งคิด) หล่อแต่แปลก ใช่ คำนี้แหละ หล่อแต่แปลก
ตอนนี้เป้าหมายในการทำงานเพลงของ YourMOOD เป็นแบบไหน
อยากมีอัลบั้มอีก อยากปล่อยเพลงออกมาเรื่อยๆ แล้วก็อยากมีคอนเสิร์ตใหญ่ของ YourMOOD เอง ส่วนงานอื่นๆ ในวงการบันเทิงก็อยากทำนะ อย่างก่อนหน้านี้มีโอกาสเล่นซีรีส์ก็สนุก เป็นอะไรที่แปลกใหม่
รู้มาว่าบอยเป็นคนสนุกกับงานเพลงมากๆ เลยอยากรู้ว่าอะไรในงานเพลงที่ทำให้รู้สึกสนุกได้เสมอ
ถ้าเป็นงานเพลงนี่ผมสนุกทุกขั้นตอนเลยนะ ตั้งแต่คิดเพลง เพราะมันเหมือนเราต้องทำการบ้าน ต้องออกไปเจอสิ่งใหม่ๆ ไปหาแรงบันดาลใจเพื่อมาใช้ในการแต่งเพลง
การเข้าห้องอัดก็สนุกเพราะทุกครั้งผมจะได้วิชากลับมาตลอด เป็นการพัฒนาตัวเองตลอดเลย พอเข้าห้องอัด ทำเพลง ฟังมิกซ์ มาสเตอร์เพลงแล้วส่งให้ค่าย มีการประชุมกับค่าย ผมก็สนุกหมด ทุกขั้นตอนมันคอยขับเคลื่อนให้เรามีแรงทำงานตลอดเวลา ถ่ายพีอาร์ โปรโมทเพลง จนไปถึงเล่นคอนเสิร์ต โชว์ให้คนดู เราก็ได้คิดโชว์ ทำเพลงเพื่อโชว์ เพราะในออดิโอเป็นแบบหนึ่ง แต่พอไปโชว์ เราอยากได้อีกมู้ด ทั้งจากคนดูและจากเราเอง เราก็เปลี่ยนดนตรี เปลี่ยนจังหวะบ้าง มันสนุกตั้งแต่ในขั้นตอนการทำงานแล้ว ยิ่งเวลาไปเจอคนดูตอนที่เราโชว์ แล้วคนดูส่งแรงมา เราก็ยิ่งได้รับพลังจากตรงนั้น ทำให้ยิ่งสนุกมากขึ้นไปอีก
บางช่วง YourMOOD มีงานเดือนละร่วม 20 งาน ทำอย่างไรให้ตัวเองมีพลังพอสำหรับทุกงานได้
จริงๆ ผมเป็นคนมีพลังเยอะ เยอะมากๆ เลยละ ไม่เหนื่อยด้วยนะ ผมไม่รู้ว่าคนอื่นเป็นแบบไหน บางคนเขาอาจจะมีพลังในการทำงานเยอะ พอกลับบ้านแล้วเหนื่อย แต่ของผมพอกลับบ้านก็ยังพลังเท่าเดิม จนผมลืมไปแล้วว่าเดือนหนึ่งผมเคยมีงาน 20 งาน เพราะเราไม่ได้รู้สึกเหนื่อย มันเป็นพลังที่เรามีอยู่ในทุกๆ วัน ออกไปทำงานอะไรก็สนุก อย่างถ่ายแฟชั่นวันนี้ก็สนุก เพราะได้ตัวเองในลุคใหม่ๆ งานทุกอย่างมัน fulfill เราได้หมด ทำแล้วรู้สึกดีจากข้างใน
ผมเป็นคนมีพลังเยอะ เยอะมากๆ เลยละ มันเป็นพลังที่เรามีอยู่ในทุกๆ วัน ออกไปทำงานอะไรก็สนุก อย่างถ่ายแฟชั่นวันนี้ก็สนุก เพราะได้ตัวเองในลุคใหม่ๆ งานทุกอย่างมัน fulfill เราได้หมด ทำแล้วรู้สึกดีจากข้างใน
ช่วงที่งานเยอะๆ เคยคิดไหมว่า การเป็นศิลปินของเราวันหนึ่งจะมาถึงจุดนั้นได้
ไม่เคยคิดเลยครับ ตอนที่มีงาน YourMOOD ครั้งแรกผมร้องไห้เลย ร้องไห้แล้วก็ตื่นเต้นมาก ถ้าย้อนกลับไปมองตอนนั้นก็รู้สึกภูมิใจ
จุดไหนที่บอยเริ่มรู้สึกว่า เรามีแฟนคลับกับเขาบ้างแล้ว
น่าจะเป็นงานที่ผมไปแจมกับน้อง PURPEECH ที่มหาสารคาม ซึ่งเป็นงานแรกของ YourMOOD เลย ไปแจมคนเดียวแบบไม่ได้มีวงไปด้วย ตอนนั้นอยู่ดีๆ คนก็ร้องเพลงลาก่อนกันได้ ร้องเสียงดังมาก จนเราถ่ายคลิปเก็บไว้ เป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่า เฮ้ย มีคนร้องเพลงเราได้ขนาดนี้เลยเหรอ ไม่เคยคิดมาก่อน
จากนั้นพอเราเริ่มมีงานเรื่อยๆ ก็เริ่มมีกลุ่มไลน์โอเพนแชทของแฟนคลับ บางทีผมก็แฝงตัวเข้าไปบ้าง เนียนๆ บ้าง ได้เห็นว่าแฟนคลับเขาเหนียวแน่นกันมากขึ้นเรื่อยๆ แล้วก็น่ารักมาก
สำหรับบอย บอยมองแฟนคลับด้อม My MOOD อย่างไรบ้าง
ผมรักแฟนคลับมากๆ เขาเหมือนเป็นครอบครัวของผมเลย เวลาเจอกันตามงาน ผมจำได้นะ หรือเวลาเห็นในโซเชียลมีเดียที่เขาแท็กมา เราก็ได้รับพลังจากแฟนคลับด้วย คิดว่าพลังที่ผมมีส่วนหนึ่งก็ได้มาจากคนรอบข้าง แฟนคลับ ครอบครัว เพื่อนๆ
แล้วก็หมาด้วยใช่หรือเปล่า
หมานี่แน่นอน หมาน่ารักมากๆๆ (เสียงสอง) ขอพูดเรื่องหมาได้ไหมครับ อยากพูด ผมรักหมามากเลย ไม่เคยคิดว่าจะรักได้ขนาดนี้ ตอนแรกผมไม่คิดว่าจะเลี้ยง คือไม่ได้ไม่ชอบหรือกลัว แต่ว่าเป็นคนที่รักความสะอาดและดูแลตัวเองเยอะมาก เลยไม่คิดว่าวันหนึ่งจะรักหมา จะมารับผิดชอบเลี้ยงเขาให้เป็นหมาที่ดีของสังคม จนผมมีไก่กึ๊บ (ชื่อหมาของบอย) ไก่กึ๊บเป็นหมาที่พลังโพสิทีฟ แล้วก็ชอบเล่นกับคน เผลอๆ ถ้าใครอุ้มไป เขาก็ไป ขี้เล่น ผมว่าผมค่อนข้างเหมือนหมาผมเลย
ผมรักหมามากเลย ไม่เคยคิดว่าจะรักได้ขนาดนี้
ถ้าเหมือนกันขนาดนี้ อีกหน่อยไก่กึ๊บจะย้อมขนแดงด้วยไหม
มีแพลนอยู่ครับ อยากจะเติมสีให้ลูกสาวอยู่เหมือนกัน
__
Interviewed by Panicha Imsomboon
[Model]
@yourmooooooooooooooooooooooood
Surat Rungputtikul
[Clothes]
Top: @Mattermakers @Greyhound / Shoes: @Labhommes / Eyewear: @Fendi by #LVMHEyewearExcellence
[Style]
Stylist: Poonsiri Sanubol / Asst stylist: Piyawan Khumphai / Makeup: @jjaypink
/ Hair: Manaswee kitpisut
[Photography]
Photographer: Tanisorn Vongsonton / Assistant photographer: Nontawat Sutthikorn / Videographer: Santi Kaewboonmueng / Video Editor: Wacharapon wanid / Retouch: Pabhawin Disthajorn
[Editorial]
Producer: Thunyares Phuboonrung / Project Coordinator: Wittawat Karpkert / Content Creator: Maytinee Teatananun / Project Manager: Pornnapat Suporn / Art Direction: Narin Machaiya, Anchisa Sukkaeo / Group Editor-in-Chief: Top Koaysomboon