เสื้อยืดทุกตัวมีเรื่องเล่า ตามไปดูงานแสดงเกี่ยวกับเสื้อยืดกันที่ Museum of TEEs Thailand

เสื้อผ้าก็เป็น 1 ในปัจจัย 4 ในชีวิตที่ทุกคนจำเป็นต้องมี แน่นอนว่าไม่มีใครที่ไม่มีเสื้อยืดหรอก แต่จะมีสักกี่คนที่ชื่นชอบ มองว่าเสื้อยืดนี้ก็เป็นงานศิลปะอย่างหนึ่ง และเก็บสะสมเสื้อยืดจนสามารถนำมาจัดแสดงเพื่อแบ่งปันให้กับคนอื่นๆ ได้ชื่นชมของสะสมด้วยกัน วันนี้ NYLON ก็เลยอยากจะชวนทุกคนมาพูดคุยกับ คุณเบียร์พันธวิศ ลวเรืองโชค ผู้เป็นเจ้าของ Apostrophys Group ที่มี 5 บริษัทในเครือ  และยังเป็นเจ้าของ Museum of TEEs Thailand พิพิธภัณฑ์เสื้อยืดอีกด้วย

Museum of TEEs Thailand เกี่ยวกับอะไร

Museum of TEEs Thailand คืองานจัดแสดงเสื้อยืดวินเทจต่างๆ โดยข้างในจะเป็นคอลเลกชั่นส่วนตัวของผมเอง ซึ่งจริงๆ แล้วมันก็เป็นธุรกิจรูปแบบหนึ่งของผมนั่นแหละ แล้วทีมงานเขาก็อยากทำด้วย เลยทำขึ้นมา จะเห็นได้ว่านอกจากเสื้อแล้วก็ยังมีคาเฟ่ด้วย

แล้ว Museum of TEEs Thailand เกิดขึ้นมาได้อย่างไร

จริงๆ เริ่มจากที่ผมเป็นคนชอบดนตรีก่อน ก็เลยเก็บสะสมของวงดนตรีที่เป็นงานศิลปะมาเรื่อยๆ ซึ่งของส่วนใหญ่ที่เก็บจะเป็นงานศิลปะบนของที่ใช้งานได้ในชีวิตประจำวัน เช่น เสื้อ รองเท้า นาฬิกา กระเป๋า หมวก เฟอร์นิเจอร์ ซื้อแบบมั่วไปหมดเลยครับ ผมไม่ได้ชอบงานศิลปะที่เรียกว่างานศิลปะ  ผมชอบของที่ใช้งานได้ มีอยู่ใกล้ตัวเรา อยู่ใกล้เสียจนเราไม่คิดว่ามันเป็นงานศิลปะ เราตื่นมาเราเจอแก้วน้ำเราก็ไม่เรียกว่างานศิลปะ แต่มันก็ยังมีความเป็นศิลปะของมันอยู่ จนมาถึงจุดๆ หนึ่ง เราก็มาดูของในโกดัง ซึ่งมันเยอะมาก โดยประเภทที่ใหญ่ที่สุดที่เราเก็บคือเสื้อยืด พอย้ายออฟฟิศมาที่นี่ ก็เลยทำพื้นที่หนึ่งไว้เพื่อจัดแสดงเพราะเก็บไว้ในโกดังก็ไม่มีให้เห็น เลยคิดว่าเอามาจัดแสดงน่าจะดีกว่า

เสื้อยืดลายแรกที่มี และลายที่ชอบที่สุดคืออะไร

ถ้าเป็นลายแรกเลย มันนานมากแล้วจำไม่ได้จริงๆ แต่ก็เป็นเสื้อวงดนตรีนี่แหละ น่าจะประมาณ Nirvana ก็เป็นยุคที่ผมเล่นดนตรี 80-90’s 

ส่วนลายที่ชอบที่สุดจะไม่ใช่ลายที่คนรู้จัก เพราะพอเก็บเสื้อมาเยอะๆ ก็จะพบว่าลายที่มันหายากๆ เนี่ย มันก็ยังพอหาได้ คนในวงการมันก็จะหมุนเวียนเสื้อเหล่านั้นผ่านมือกันไปเรื่อยๆ แต่มันจะมีอยู่ตัวหนึ่งที่ชะตาต้องกันหรือที่เขาเรียกว่า ‘ของมันเลือกคน’ คือเสื้อ The Flaming Lips เนี่ย มันมีอยู่ซีรีส์หนึ่งประมาณปลายปี 80’s ต้น 90’s ที่มีตัวหนังสือภาษาไทย เขียนว่า “ที่เป็นพยาธิ พาหะนำโรค” แบบกลับหัว 

ที่มาของภาษาไทยบนเสื้อคืออะไร พอจะรู้ไหม

ที่มีคำนี้อยู่เพราะวงเขาชอบภาษาไทย แต่เขาไม่รู้ความหมายนะ เขาชอบฟ้อนต์เฉยๆ โดยคอลเลกชั่นนี้จะมีสองตัวคือ เสื้อลายทหารเขมรหิ้วหัวคน ส่วนอีกลายหนึ่งจะเป็นรูปภูติผีผู้หญิงคือตัวที่มีอักษรไทยอยู่ ซึ่งพอได้มาผมก็เลยศึกษาเพิ่มเติม ก็พบว่านี่คือวงที่ล้ำมาก คิดดูสิในยุค 60 เนี่ยมีเสียง synthesizer แล้วอ่ะ ซึ่งนี้คือต้นทางของวงซินธ์ในยุคปัจจุบันเลยนะ  ซึ่งลายภูติเนี่ยหายากมากในไทยมีไม่น่าเกิน 3 ตัว ซึ่งราคาถูกมาก ผมได้มาราคา 1,000 บาทต้นๆ

การกำหนดธีมการจัดแสดงเสื้อในแต่ละครั้งยึดจากอะไร

จริงๆ ที่เห็นเนี่ยแค่ 30 เปอร์เซนต์นะ แต่เพราะมีพื้นที่จำกัด ผมเลยต้องจัดแสดงเสื้อทีละนิด แล้วใช้วิธีเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ซึ่งก่อนหน้านี้ผมก็มี Rock And Metal เป็นธีมเปิด คิดว่าน่าจะเข้าถึงคนไทยง่ายกว่า เพราะถ้าผมเปิดด้วย The Flaming Lips เดียวคนจะกรี๊ดเอา ต่อมาก็เริ่มเปลี่ยนมีการบิดออกเล็กน้อย คือมีการขยับเข้าไปในปีลึกๆ ขึ้น อย่างตรงบาร์ก็จะเป็น Rock And Metal ยุค 60’s 70’s บ้าง และอาจจะมีความเฉพาะในแนวดนตรีมากขึ้น 

เล่าที่มาของธีม “เสื้อวงปีลึก 60- 80’s ในคอลเลกชั่น MOTT X #Offcollector” ให้ฟังหน่อย

จริงๆ มันมาจากความชอบของผมนะ เพราะผมเล่นดนตรีด้วย ซึ่งแนวเพลงส่วนใหญ่ก็เป็น Rock กับ Punk นี่แหละ เสื้อยืดตรงนี้ผมก็มีเยอะมาก ซึ่งเดี๋ยวคอลเลกชั่นต่อไปก็จะยังคงยึดธีมนี้อยู่ อาจจะมีเปลี่ยนแปลงนิดหน่อยเรื่องความลึกในแต่ละแนวดนตรี

แล้วในธีมนี้ มีเสื้อตัวไหนน่าสนใจและอยากนำเสนอบ้าง 

ผมก็กำลังดูอยู่ว่าจะเป็น Rap Tees ดีไหม หรือจะเป็นเสื้อหนัง เสื้อการ์ตูน ผมมีเสื้ออีกเยอะ ซึ่งมันยังมีให้หมุนเวียนเรื่อยๆ สามารถอยู่แบบนี้อีกได้นาน อย่างน้อย 3 ปีแน่ๆ 

แต่ที่ผมสนใจมากกว่าธีมในแต่ละครั้ง คือผมอยากนำเสนอเรื่องข้อมูลของเสื้อลงโซเชียลมีเดียมากกว่า

ทำไมถึงอยากนำเสนอเรื่องของเสื้อลงโซเชียลมีเดีย?

ผมไม่ได้อยากให้แค่คนมาดูเสื้อของผม เพราะฉะนั้นการทำแต่ละธีมในการจัดแสดงเนี่ย ผมก็อยากให้คนรู้ข้อมูลเกี่ยวกับเสื้อ ประวัติของเสื้อด้วย เรื่องของแท้ ของปลอม ซึ่งมันเป็นข้อมูลที่ดีให้คนเล่นเสื้อหน้าใหม่ ถ้าเขามีข้อมูลตรงนี้ก็จะทำให้เขาสามารถเลือกซื้อเสื้อที่อยากได้จริงๆ ไม่ถูกหลอก วงการมันจะได้น่าอยู่มากขึ้น

แล้ว Museum of TEEs Thailand อนาคตจะเป็นอย่างไรบ้าง

เดี๋ยวต่อไปจะมี phase 2 ขึ้นมา กำลังสร้างอยู่ คือจะทำรองเท้า ผมมีอยู่ 700 กว่าคู่ ก็จะหมุนเวียนนำเสนอเหมือนเดิม แต่รองเท้าก็จะมีความหลากหลายกว่า ซึ่งตอนนี้ผมก็ติดต่อกับคนอื่นๆ ในวงการรองเท้าอยู่ก็จะทำให้มีความหลากหลายขึ้น อย่างของผมก็จะเป็น Designer Shoes เป็นรองเท้าที่ศิลปินต่างๆมาร่วมงานกับบริษัทรองเท้า ผมว่ามันมีเรื่องราวให้น่าเล่าเยอะดี

ในความรักเสื้อยืดแบบนี้ มองถึงอนาคตเสื้อยืดไว้อย่างไรบ้าง

เอาจริงผมไม่ได้รักนะ จริงๆ ผมแค่ชอบแล้วก็เก็บแค่นั้น แต่พอทำมาเรื่อยๆ มันเข้าเส้นไปเลยครับ ทุกวันนี้ก็ยังซื้ออยู่เรื่อยๆ ผมรู้สึกว่ามันคือของที่ทุกคนต้องใส่อ่ะ สุดท้ายแล้วในอนาคตถึงเสื้อจะมีความเปลี่ยนแปลง ไม่ต้องซัก หรือปรับหดขยายได้อะไรแบบนั้น แต่สุดท้ายมันก็ยังคงมีหน้าตาแบบนี้อยู่ดี ผมว่ามันเป็นสิ่งที่ลงทุนไว้ก็ไม่เสียหาย

สำหรับใครที่สนใจหรือมีความชื่นชอบในเรื่องของเสื้อยืดและอยากตามไปดูงานแสดงที่ Museum of TEEs Thailand ก็ตามไปกันได้ที่ ลาดปลาเค้า50 ถ.ลาดพร้าว เปิดทุกวัน ยกเว้นวันจันทร์ เวลา 12:00 – 20:00น. จ้า หรือจะเข้าไปสอบถามรายละเอียดอื่นๆ ได้ที่ fb : Museum of TEEs Thailand