Online Music Festival : Top Hits Thailand เพลงฮิต วงดัง สนุกยาวๆ กว่า 8 ชั่วโมงครึ่ง!!

ด้วยสถานการณ์ COVID-19 ทำให้คอนเสิร์ตหลาย ๆงานต้องถูกยกเลิกไป ทำเอาแฟนเพลงที่ซื้อบัตรไปแล้วหรือรอที่จะซื้อ ต้องเศร้าและเหงาไปตาม ๆกัน 

แต่ไม่ใช่สำหรับแฟนๆ ที่เฝ้ารอชมศิลปินที่ชื่นชอบในงาน Online Music Festival : Top Hits Thailand เพราะหลังจากที่ What The Duck ได้ทดลองทำคอนเสิร์ตออนไลน์ไปแล้วเมื่อตอนงาน Whal & Dolph Online Market Concert ครั้งนี้ทางผู้จัดงานได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบของงานให้พิเศษกว่าเดิม ทั้งใหญ่ขึ้น โปรดักชันอลังการขึ้น มอบประสบการณ์ใหม่ให้คนดู ด้วยจอ 360  องศา ทุกคนจะเห็นหน้าศิลปินชัดที่สุด และศิลปินก็เห็นหน้าเราชัดที่สุดเช่นกัน แถมยังมีเทคโนโลยีเจ๋งๆ อย่างการใช้แอปพลิเคชั่นมาร่วมกับการส่งกำลังใจให้ศิลปินที่เราชื่นชอบอีกด้วย แฟนเกาหลีมีแท่งไฟ Top Hits Thailand มีทั้งป้ายไฟและสติ้กเกอร์ให้ส่งกันได้แบบรัวๆ 

โดยคอนเสิร์ตนี้จัดขึ้นในวันที่ 7 มิถุนายนที่ผ่านมา ทาง Top Hits Thailand ได้ขนศิลปินดังที่มีเพลงฮิตติดชาร์ตมาให้แฟน ๆ ได้เพลินเพลินใจกัน ไม่ว่าจะเป็น Mirrr, Gungun, Safeplanet, Bowkylion, Tilly Birds, Three Man Down, Jaylerr x Paris, Ink waruntorn, The Toys, และ Scrubb แต่ยังไม่พอ ยังมีศิลปินดูโออินดี้จาก UK อย่าง Oh Wonder มาร่วมสร้างสีสันให้กับคอนเสิร์ต ทำให้มิวสิคเฟสติวัล Top Hits Thailand ในครั้งนี้สนุกและครบรสจริง ๆ

พอถึงเวลาเริ่มคอนเสิร์ต เวทีก็ถูกปรับไฟให้มืดลง ตามมาด้วยเสียงเพลงในท่อน แค่ได้ดูแลเธอตอนเหงา เป็นสัญญาณที่บอกว่า Mirrr ได้ทำการเริ่มคอนเสิร์ตแล้ว หลังจากนั้นก็ได้เริ่มเล่นเพลงแรกกับเพลง ชาคริต ตามมาด้วย รอให้เธอ, เกม และจบโชว์ด้วยเพลงที่เต็มไปด้วยความรู้สึก กับดนตรีลุ่มลึกอย่าง นิโคติน โดยช่วงท้ายของเพลง ได้ชวนให้แฟนๆ เปิดไฟฉาย และร้องเพลงคลอไปด้วยกัน จนเหมือน Mirrr กำลังเล่นดนตรีอยู่ท่ามกลางหมู่ดาวเลยล่ะ

เปลี่ยนอารมณ์กันด้วยการมาของ Gungun ที่มาพร้อมกับกีตาร์คู่ใจ กับเทคนิคกรีนสกรีน ที่จำลองให้เขานั่งอยู่ริมชายหาด ในเพลงร้องไห้เพราะคนโง่  ต่อด้วยการคัฟเวอร์เพลงช่วงเวลาของ Zweed n’ Roll   ถัดมาด้วยเพลง ปล. คิดถึง ของ สิงโต นำโชค และจบด้วยเพลงฮิตที่เชื่อว่าไม่มีใครไม่เคยฟัง อย่างเพลง วาฬเกยตื้น โดยเพลงนี้มีลูกเล่นที่น่าสนใจคือมีน้องวาฬออกมาว่ายน้ำและนอนเกยตื้นอยู่ข้างๆ ด้วย 

ไม่ปล่อยให้รอนานเสียงดนตรีอันเป็นเอกลักษณ์ ที่ฟังแค่โน๊ตแรกก็รู้เลยว่าวงที่จะเล่นถัดไปคือ Safeplanet ก็ดังขึ้น โดยเพลงแรกที่เล่นคือ พริบตา ที่จำลองเวทีให้เหมือนเหล่าเซฟบอยกำลังแสดงโชว์อยู่ในยานอวกาศ ตามมาด้วยเพลงดินแดน และกอดความเจ็บช้ำ ที่เวทีถูกเปลี่ยนไปให้เหมือนอยู่ท่ามกลางพายุ แต่ก็ถูกโอบกอดด้วยเนื้อเพลง ดนตรี และเสียงร้องอันอบอุ่นของพวกเขา
เมื่อมรสุมผ่านไปแล้วก็มาต่อกันด้วยเพลง คำตอบ และจบด้วยเพลง ตัดสินใจ การแสดงที่ออกมาทำให้เราสนุกมาก จนลืมไปเลยว่ากำลังนั่งดูคอนเสิร์ตบนหน้าจอคอม

ถึงคิวของศิลปินสาวที่มาพร้อมเสียงอันเป็นเอกลักษณ์อย่าง Bowkylion ที่พร้อมกับเสียงอันไพเราะ กับเนื้อเพลงโดนๆ อย่างเพลง ค. ควาย, คือราย และคิดถึงแต่ ที่เวทีเต็มไปด้วยดอกไม้และผีเสื้อ ราวกับว่าโบกี้กำลังร้องเพลงอยู่ในสวนดอกไม้ จากนั้นโบกี้ก็คัฟเวอร์เพลง แก้มน้องนางนั้นแดงกว่าใคร ของเขียนไขและวานิช ต่อด้วยเพลงแขนซ้าย, คนไข้ และจบด้วย ลงใจ เมื่อโชว์จบลง สาวโบกี้ก็โดนเซอร์ไพรส์วันเกิดย้อนหลังด้วยวิดีโอของแฟนคลับด้วยล่ะ

ถัดมาด้วยเพลงมันๆ กับความหมายโดนๆ ของวง Tilly Birds เริ่มมาด้วยเพลง จากกันด้วยดี, ฤดูหนาว, แค่พี่น้อง และเพลงให้เธอหายดี ซึ่งเพลงนี้เติร์ดได้แต่งไว้ให้กับคุณแม่ที่เพิ่งจากไป โดยเติร์ดได้บอกว่าขอมอบเพลงนี้เพื่อเป็นกำลังใจให้กับทุกคนที่ได้ฟัง  และแฟนๆ ก็ส่งกำลังใจกลับมาให้เติร์ดผ่านแชทในห้อง Zoom กันอีกด้วย
จบการแสดงสุดประทับใจด้วยเพลง คิด(แต่ไม่)ถึง โดยได้ทำการปรับเนื้อเพลงท่อนสุดท้ายนิดหน่อย  เป็นการส่งความคิดถึงไปหาแฟน ๆ “พวกเราไม่เคย ไม่คิดถึงพวกเธอเลย” 

มาถึงการแสดงของ Three Man Down ที่ได้พาเพลง เลือกคนที่เขารักเรา มาเป็นเพลงเปิดตัว ต่อด้วยเพลง อยากฟัง หลังจบเพลงแสงไฟก็ดับลงไปแต่เสียงฝนตกก็เริ่มดังขึ้น เข้ากับบรรยากาศเพลง ฝนตกไหม ที่ดังขึ้นมาพร้อมกับเอฟเฟคฝนตก ทำเอาผู้ชมรู้สึกเหงา เศร้า เหมือนกำลังยืนร้องไห้ท่ามกลางสายฝน ถัดมาที่เพลง ทีมรอเธอ และจบด้วยเพลงของคนมีความรักอย่าง ข้างกัน 

แต่ไม่ได้มีเท่านี้นะ เพราะอยู่ดีๆ ก็ได้ยินเสียงหนุ่มเติร์ดในเพลง ฝนตกไหม ดังขึ้นมา ทำเอางงกันไปหมด ในขณะที่กิตจาก Three Man Down ก็ร้อง คิด (แต่ไม่)ถึง โดยโชว์นี้เป็นการนำเอาเพลงของทั้งสองวงมา Mash up กัน เป็นเพลง ความคิดถึงที่ฉันได้เคยส่งไปในคืนที่ฝนโปรยลงมา ให้เราได้ฟังกันสดๆ ครั้งแรกซึ่งเข้ากันได้ดีทีเดียว

ยังเจ็บคอกันไม่สุดเพราะถึงจะอยู่บ้านแต่ก็น่าจะเรียกเสียงกรี๊ดจากผู้ชมไปไม่น้อยสำหรับ Jaylerr x Paris ที่เปิดตัวในเพลงดี๊ดี บอกเลยว่าดี๊ดีแบบ I can’t believe it ต่อด้วยคัฟเวอร์ เพลง Do You ของ F.hero และ Bambam และ ของขวัญ ที่สองหนุ่มตั้งใจร้องเพื่อเป็นของขวัญให้กับแฟนๆ ซึ่งก็สร้างความประทับใจไปไม่น้อย จบโชว์ด้วยเพลงที่ฮิตทั่วบ้านทั่วเมืองอย่าง รักติดไซเรน ที่ทั้งคู่ได้ชวนแฟนๆ ลุกขึ้นมาเต้นด้วยกันผ่านทางหน้าจอ ถึงตัวจะอยู่ไกลกัน แต่ใจของทั้งคู่ก็ติดไซเรนไปถึงทุกคนแล้วเรียบร้อย

มาถึงคิวของศิลปินสาวเสียงใส เจ้าแม่เพลงเหงา ๆ กับรักไม่สมหวังอย่าง อิ้งค์ วรันธร ที่เปิดตัวมากับเพลง ฉันต้องคิดถึงเธอแบบไหน เหมือนเป็นการส่งต่อความคิดถึงไปหาแฟนๆ ต่อด้วย ดีใจด้วยนะ, เธอบอกว่าฉันไม่ดี, ไม่อยากเหงาแล้ว, เกี่ยวกันไหม และจบด้วยเพลงเหงา เหงา ที่ผู้ชมได้มีโอกาสร่วมคอรัสในท่อนท้ายเป็นการคลายความเหงาระหว่างกัน

สำหรับ The Toys เปิดตัวมาได้สมกับคำล่ำลือจริงๆ เพราะแทนที่จะร้องเพลงอยู่บนเวที กลับปล่อยให้แสตนดี้ The Toysใส่เฟสชีลยืนบนเวทีแทน ส่วนเจ้าตัวก็นั่งร้องเพลงอยู่บนโซฟาสบายๆ และเริ่มเพลงแรกด้วยเพลงแสงไฟ, ของว่าง, ขอโทษที่เป็นแบบนี้, หน้าหนาวที่แล้ว, นอนได้แล้ว, พูดไม่ออก และเพลงลาลาลอย ที่มาพร้อมกับเอฟเฟคยานอวกาศที่พาเราลอย ล่องไปในอวกาศด้วยกัน ก่อนจะจบด้วย ก่อนฤดูฝน ที่เจ้าตัวเล่นกีตาร์เอง พร้อมกับเอฟเฟคพายุเข้า อุกกาบาตลง จน The Toys หายไปจากเวทีอย่างงงๆ เป็นการจบโชว์ที่มีแต่คำถามแต่ก็ประทับใจสมกับเป็น The Toys จริง ๆ

และเซอร์ไพรส์ที่แท้จริงก็คงจะเป็นโชว์สุดพิเศษจากศิลปินรับเชิญจากแดนไกลอย่าง Oh Wonder ซึ่งทั้งคู่ได้ร้องเพลงส่งตรงมาจากอังกฤษเลยทีเดียว เริ่มจากเพลงของคนอกหักอย่าง I Wish, I Never Met You, Happy และจบด้วยเพลง Ultralife โดยเสียงร้องและเนื้อเพลงที่กินใจได้สร้างความประทับใจให้กับแฟน ๆไปมากเลยทีเดียว โดยก่อนจะลา ทั้งคู่ได้บอกอีกว่าขอบคุณที่รอดูพวกเขา และพวกเขาอดใจรอไม่ไหวที่จะกลับมาที่ประเทศไทยอีกครั้ง

มาถึงวงสุดท้ายที่หลายคนรอคอยอย่าง Scrubb ที่เปิดตัวมาด้วยเพลง ทุกอย่าง ต่อด้วย ใกล้ ที่ทำให้เรารู้สึกได้ใกล้ชิดกับหนุ่มๆ Scrubb มากยิ่งขึ้น ลึกลึก, คู่กัน, เธอหมุนรอบฉัน ฉันหมุนรอบเธอ, คำตอบ และ เข้ากันดี โดยผู้ชมต่างพากันปรบมือตามจังหวะตามไปด้วย ทำเอาแฟน ๆ สนุกกันจนลืมว่าไม่ได้อยู่ในคอนเสิร์ตแบบเดิม

ความประทับใจในคอนเสิร์ตครั้งนี้คงจะหนีไม่พ้น Visual Effect สุดอลังการแถมยังมีลูกเล่น ให้แฟนๆ ได้รู้สึกมีส่วนร่วมกับการแสดงอย่างเทคนิค AR ที่เมื่อสแกน QR Code บนหน้าจอไปแล้วก็จะมีเอฟเฟคน่ารักๆ เด้งขึ้นมา! 

นอกจากนี้ผู้ชมยังได้ใกล้ชิดกับศิลปินมากกว่าเดิมอีกด้วย เพราะหลังจากที่การแสดงของแต่ละคนจบไป  ศิลปินจะสุ่มเลือกผู้ชม จากหน้าจอรอบๆ มาพูดคุยกันแบบสดๆ โดยไฮไลท์ของช่วงนี้คงจะเป็นการที่ศิลปิน พิธีกร และแฟนๆ อารมณ์ขันกันไม่หยุด ปล่อยมุขกันไม่หย่อน ซึ่งได้สร้างเสียงหัวเราะให้กับผู้ชมได้มากเลยทีเดียวเลยล่ะ

ถึงแม้ว่ามิวสิคเฟสติวัลครั้งนี้จะถูกจัดอยู่ในรูปแบบออนไลน์ แต่ความสนุก ความประทับใจก็ไม่ได้ต่างกับการไปคอนเสิร์ตจริง ๆเลย เพราะเรารับรู้ได้ถึงความตั้งใจของทั้งทีมงานและศิลปินที่เต็มที่กับมิวสิคเฟสติวัลครั้งนี้  เรียกได้ว่ากว่า 8 ชั่วโมงครึ่งนี้ ถึงแม้จะมีจอมากั้น แต่ก็กั้นความสนุก ความอิ่มเอมใจของเราไว้ไม่อยู่จริงๆ