จาก ‘แพรวา’ สู่ ‘PEARWAH’ บทบาทใหม่บนเส้นทางที่ไม่ใช่การแสดงแต่เป็นความฝันในการเป็นศิลปิน

หลังจากที่ PEARWAH หรือ แพรวา – ณิชาภัทร ฉัตรชัยพลรัตน์ ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการกับบ้านหลังใหม่ที่ High Cloud Entertainment เมื่อช่วงกลางปีที่แล้ว และพอสิ้นปีก็มีผลงานเพลงในฐานะศิลปินเดี่ยวอย่างเต็มตัวในชื่อเพลง จีบป่ะ ออกมาให้แฟนๆ ได้ร้องตามกันด้วย

จีบป่ะ เป็นเพลงซินธ์ป็อปผสมกับความวินเทจในยุค 80 ที่เต็มไปด้วยความสดใส แต่เนื้อเพลงที่มีความหมายเกี่ยวกับความสัมพันธ์ที่ไม่ชัดเจน จนยากที่จะเดาว่าเขาคิดอย่างไรกับเราเลยกับต้องถามให้รู้ไปเลยว่า “ที่คุยกันอยู่นี่เรียกว่าจีบป่ะ?” 

ซึ่งหลังจากที่ปล่อยออกมาเราก็ได้เห็นพัฒนาการของแพรวาจากเพลงก่อนๆ อีกด้วย ไม่ใช่แค่ด้านการร้องเพลงเท่านั้น แต่ในเพลง ‘จีบป่ะ’ นี้ แพรวายังมีส่วนร่วมในการทำเพลงทุกขั้นตอนอีกด้วย เรียกได้เลยว่าเป็นการสานฝันในวัยเด็กที่อยากจะเป็นนักร้องของเธอได้อย่างสมบูรณ์แบบเลยทีเดียว

แต่หลายคนอาจจะยังคงติดภาพการเป็นนักแสดงของแพรวามากกว่าในด้านของศิลปิน วันนี้เราก็เลยจะมาคุยกับเธอในเรื่องของงานทั้งการแสดงที่เราคุ้นเคยและการเป็นศิลปินอย่างที่เธอใฝ่ฝันกัน

เพลงแรกกับการเป็นสมาชิกของ High Cloud Entertainment เป็นอย่างไรบ้าง มีอะไรท้าทายหรือว่าเราต้องปรับตัวมากน้อยแค่ไหน

ความท้าทายก็จะเป็นเรื่องของการที่เราได้ลงมือทำในทุกขั้นตอน ซึ่งเราเหมือนแบบไม่เคยมีประสบการณ์ทางด้านนี้มาก่อน ทั้งตั้งแต่ตอนแต่งเลย จนถึงขั้นเราคิดเนื้อเรื่อง MV อะไรอย่างเนี่ย เหมือนเราได้มีส่วนร่วมในทุกๆ ขั้นตอน ก็เลยรู้สึกว่าค่อนข้างท้าทายสำหรับเราเหมือนกัน เพราะว่ามันเหมือนเป็นการที่เราได้ใส่ไอเดียของเราลงไป เยอะมาก ซึ่งมันก็รู้สึกว่า “เอ๊ะ! คนจะโอเคกับไอเดียเราไหมนะ” แต่เราก็รู้สึกว่ามันก็เป็นโอกาสที่ดีนะที่เราได้ส่งไอเดียของเราจริงๆ ออกไป

แล้วการทำงานของ High Cloud ในฐานะที่เราเป็นศิลปินของค่ายเลย แตกต่างจากตอนที่เรามาร่วมงานกับ Txrbo ไหม

ตอนที่เรามาร่วมงานกับ Txrbo เราแค่มาร้อง Featuring และก็เหมือน โอเค ทำตาม Process ไป ไม่ได้มีอะไรมาก ก็เป็นปกติ แต่พอเราเหมือนเป็นตัวศิลปินใน High Cloud เลย มันก็เหมือนเราได้รู้ระบบการทำงานมากขึ้น เหมือนตอนนั้นเราเหมือนแบบ อะ! มา โอเค ทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว แต่เพลงนี้เหมือนเราแบบมาคิดว่าอันนี้ จะเอาแบบนี้  อันนี้เอาแบบนี้ได้ไหม อันนี้เราขอแบบนี้ได้ไหม

ตอนนั้นเขาเตรียมทุกอย่างให้หมดแล้ว เราแค่มาร้องตามเฉยๆ

ใช่ๆ คือมีไกด์มาแล้ว และก็ร้องตามแบบไกด์เลย แต่อันนี้คือเราแบบคิดตั้งแต่แรก โอเค เพลงนี้เราอยากเล่าถึงอะไร เราอยากได้มู้ดประมาณไหน

แพรเป็นคนชอบความชัดเจน คือถ้าจีบบอกว่าจีบเลย เราจะได้ทำตัวถูก ไม่งั้นถ้าเกิดสมมติถ้าเกิดเราไม่รู้ว่าเขาจีบรึเปล่า แล้วเราแบบเผลอ อุ๊ย มีใจให้ แล้วเขาไม่ได้จีบเรา เราก็เฟลอยู่นะ เราก็หน้าแตกอยู่

แล้วที่ว่าเรามีส่วนร่วมตั้งแต่เริ่มเลย ไอเดียของเพลง ‘จีบป่ะ’ มีที่มาอย่างไร ทำไมถึงออกมาเป็นเพลงนี้

คือมันมาจากการที่ว่า…คือ ในสมัยนี้ไม่รู้ว่าเป็นยังไง แต่ในสมัยตอนที่เราแบบ Puppy Love หรือว่าแบบสมัยก่อนหน้านี้ หรือแม้กระทั่งในปัจจุบันเวลาที่มีผู้ชายเข้ามาจีบเวลาเขาเข้ามา เขาจะไม่ได้บอกว่าแบบ “เธอ เรามาจีบเธอนะ” เขาจะเป็นแบบ “ไปดูหนังไหม กินข้าวรึยัง ฝันดี ตื่นรึยัง” อะไรอย่างเนี่ย ซึ่งเรารู้สึกว่ามันเป็นความไม่ชัดเจนที่เราไม่รู้ว่า เฮ้ย คุณทำแบบนี้เพื่ออะไรหรอ หรือว่า ยูเป็นคนอัธยาศัยดีรึเปล่า หรือว่าเป็นคนขี้เหงาต้องการเพื่อนคุย หรือว่าเราเป็นเพื่อนกันหรือพี่น้องกันไรเงี้ย 

คือส่วนตัวแพรเป็นคนชอบความชัดเจน คือถ้าจีบบอกว่าจีบเลย เราจะได้ทำตัวถูก ไม่งั้นถ้าเกิดสมมติถ้าเกิดเราไม่รู้ว่าเขาจีบรึเปล่า แล้วเราแบบเผลอ อุ๊ย มีใจให้ แล้วเขาไม่ได้จีบเรา เราก็เฟลอยู่นะ เราก็หน้าแตกอยู่ เราก็มั่นหน้าหนึ่งอะไรอย่างเนี่ย (หัวเราะ) เราก็เลยรู้สึกว่ามันควรจะมีความชัดเจน ตอนแรกก็ไม่แน่ใจว่าเราคิดแบบนี้คนเดียวรึเปล่า ก็เลยลองถามเพื่อน เพื่อนๆ บอกว่า เออ จริง บางทีเราไม่รู้ว่าแบบเขาจีบเรารึเปล่า จนบางทีเราไม่ได้ตอบเขาเพราะคิดว่าเขาอัธยาศัยดี จนแบบ อ้าว สรุป เขาจีบนะ แต่เขาไปแล้ว

อยากให้เล่าเรื่องราวสนุกๆ ในกอง MV หน่อย อย่างที่บอกว่าแพรวามีส่วนร่วมทุกอย่าง แล้วได้ไอเดียการทำ MV ตัวนี้ออกมายังไงบ้าง 

คือ MV ตัวนี้มันได้มาจากเหมือนเราฟังเพลงแล้วเรา… ปกติเวลาแพรฟังเพลง แพรจะนึกถึงมู้ดของว่า เห้ย เพลงนี้ถ้าฟัง ฟีลร้องประมาณนี้ มันน่าจะต้องขับรถร้องซิงก์ไปน่าจะเท่นะ หรือว่าเราร้องบนเรือยอร์ชก็น่าจะเท่มากเหมือนกันนะ เราก็นึกแล้วเราก็แบบ อะ น่าจะต้องทะเลแล้วแหละ เพราะส่วนตัวเราชอบทะเล เราก็เลยรู้สึกว่า อะ ใส่เข้าไป ก็รีเควสไปว่า อยากได้ซีนขับรถ แบบต้องเป็นเปิดประทุนนะคะ ผมจะได้ปลิวๆ แล้วก็ต้องแบบอยู่บนเรือยอร์ช ซิงก์แบบเท่ๆ ให้ดูแบบโปรดักชันหลักล้าน 

ส่วนการทำงานกับ “น้องไท – อเล็กซานเดอร์  ไท  มาโนยู ค่อนข้างง่าย ง่ายมากค่ะ คือโดยส่วนตัวรู้จักน้องอยู่แล้ว เคยเจอกัน ก็เลยชวนน้องมาเล่น MV เพราะเห็นว่าน้องยังไม่เคยเล่น MV มาก่อนเลย รู้สึกว่าน่าจะเป็นอิมแพคที่ดี และก็เป็นการเปิดตัวที่ดีด้วย พอน้องเขาหน้าใหม่อะ คนมาเห็นก็จะแบบ เฮ้ย คนนี้ใครนะ

ถือว่าเป็นช่องทางการเปิดตัวที่ดีอยู่เหมือนกัน

ใช่ๆ แต่ก็จะมีความยาก คือ เวลาเราถ่าย หนูต้องร้องซิงก์ แต่น้องต้องชวนเราคุย มันก็เลยจะมีความแบบก็อยากตอบนะ แต่ว่าร้องซิงก์อยู่ (หัวเราะ) แล้วน้องก็ชวนคุยแบบ “พี่ๆ เราไปที่นั่นกันดีไหมครับ?” ไรเงี้ย ก็ร้องซิงก์อะ ก็ซิงก์อยู่ เลยตอบไม่ได้อะ (หัวเราะ) แต่น้องก็ตลกดี พอน้องเด็กและเขาใช้ภาษาไทยไม่ได้คล่อง 100% มันก็จะมีความแบบ “ผมว่าเราไปตรงนั้นดีไหม? หรือว่าถ้าตรงนั้นไม่สวยเราไปตรงนี้ดีไหม?” มันพูดไปเรื่อยอะ ละก็ เออๆ มันก็ตลกดีนะ (หัวเราะ)

แล้วกระแสเพลง ‘จีบป่ะ’ เป็นอย่างไรบ้าง เวลาเข้าไปใน TikTok  ก็เห็นคนทำ Challenge เป็นสาวๆ ส่งไปให้คนที่ตัวเองชอบด้วย

ใช่ ก็ถือว่าเป็นเพลงแนวที่ไม่เคย… หมายถึงว่ายังไม่ค่อยมีคนทำมากกว่า กับการที่แบบเป็นผู้หญิงที่ชัดเจน แล้วขึ้นมานำเกมในความสัมพันธ์ครั้งนี้ เพราะจากที่อ่านคอมเมนต์ก็มีหลายคนเหมือนกันที่ไม่แน่ใจว่า เฮ้ย นี่โดนจีบอยู่รึเปล่านะ และเขาก็ลองส่งไป แล้วฝ่ายชายก็เหมือนตอบว่า “จีบ” แล้วแบบ ว้ายยย เขินอยู่เหมือนกันน้าๆ (หัวเราะ) 

แล้วถ้าสมมติเป็นตัวเราเองที่เจอความสัมพันธ์แบบในเพลง จะทำอย่างไร

ส่วนใหญ่เราจะถามเลย ถ้าเขาเริ่มมาแนว “สวัสดีครับ ตื่นรึยังครับ ฝันดีครับ นอนรึยังครับ กินข้าวรึยังครับ” ส่วนใหญ่มันจะเป็นแบบนี้ ผู้ชายจะเข้ามาจีบแบบนี้ไง เราก็จะเริ่ม “เออ ถามอะไรหน่อยได้ไหม อันนี้คือจีบเรารึเปล่า” จะได้รู้ จะได้ทำตัวถูก เพราะบางทีถ้าสมมติ เขาไม่ใช่ไทป์ที่เราชอบจริงๆ หรือเราไม่ได้คิดกับเขาเกินกว่านั้น ถ้าเราไม่รู้ว่าเขามาจีบเรารึเปล่ามันจะกลายเป็นเหมือนเราให้ความหวังเขา มันก็คือจะได้ไม่ต้องทำให้เขาเสียเวลาด้วย และก็เหมือนชัดเจนในฝั่งของเราว่า “เห้ย ยู เราเป็นแค่เพื่อนกันดีกว่า” จะได้ปฏิเสธไปเลยทีเดียว ไม่ใช่คุยกันอย่างนี้ประมาณเดือนสองเดือน และแบบ อ้าว สรุป อ้าว เพิ่งรู้มึงมาจีบกู กูคิดกับมึงแค่เพื่อนเอง อะไรอย่างเนี่ย เดี๋ยวแบบซวย

พอเราเป็นนักแสดง สิ่งที่เราทำผลงานออกมามันคือสิ่งที่เราแสดงออกมา ที่เราเป็นคนอื่น …แต่ว่าถ้าเป็นในพาร์ทศิลปิน คือมันเป็นตัวเรา 100%

แล้วช่วงนี้เห็น High Cloud มีโปรเจกต์ร้องเพลงกับศิลปินต่างประเทศ ถ้ามีโอกาสอยากร้องเพลงกับใครในต่างประเทศบ้างไหม

Coldplay แล้วกัน อเพราะว่าไปดูเขาเล่นคอนเสิร์ตแล้วรู้สึกว่า เขามันส์ และแบบเอเนอร์จี้เขาแบบ มันรู้สึกว่า ถ้าเราได้ทำงานกับคนเก่งๆ แบบนั้นอะ เราก็จะเก่งขึ้นแบบก้าวกระโดดทันที แล้วเราก็แบบเป็นแฟนเพลงเขาอยู่แล้วด้วย ก็เลยรู้สึกว่ามันน่าสนใจมาก หรือว่าจะเป็นดีเจ EDM แบบ Marshmello ไรก็ได้ แต่น่าจะเกินไปหน่อย ก็คือนึกภาพตัวเองไม่ออกเหมือนกัน แต่แค่รู้สึกว่าอยากร่วมงานด้วย

ตอนนี้เป็นทั้งนักแสดงและเป็นศิลปินด้วย แบ่งเวลาในการพัฒนาความสามารถทั้งสองด้านของเราอย่างไรบ้าง

แบ่งเวลาก็ให้ผู้จัดการเคลียร์คิวค่ะ (หัวเราะ) เหมือน เรามอบเวลาชีวิตให้เขาไปแล้ว และให้เขาไปเมเนจเอา แต่เราก็จะมีการบอกเขาว่า เฮ้ย ในหนึ่งสัปดาห์ หรือหนึ่งเดือนอย่างน้อยต้องมีวันพักให้เรานะ ถ้าทำงาน 30 วันนี่คือหนูตายนะ จะขอวันพักหน่อย เพราะว่าเหมือนพอเราทำสองอย่างแล้วการที่เราได้ออกไปเจอคนเยอะๆ มันจะเหมือนต้องมีวันที่เหมือนแบบเราอยู่กับตัวเอง อยู่เฉยๆ ไม่ทำอะไรเลย เพื่อเหมือนแบบเป็นการฮีลตัวเองไปในตัว เหมือนได้ใช้เวลาส่วนตัวบ้างอะไรอย่างเงี้ย คือ มันไม่เชิงว่าเป็นคนติสต์ แต่ก็เป็นแบบมนุษย์คนหนึ่งที่ออกสังคมเยอะและต้องการพักอะไรอย่างเงี้ย ประมาณนั้น

แพรวาที่เป็นนักแสดงกับแพรวาที่เป็นศิลปิน มีความเหมือนและแตกต่างกันตรงไหน 

จริงๆ ไม่ต่างกันเลย แค่ว่าผลงานที่ออกมาให้คนได้ชมมันต่างกัน พอเราเป็นนักแสดง สิ่งที่เราทำผลงานออกมามันคือ Role Play มันคือสิ่งที่เราแสดงออกมา ที่เราเป็นคนอื่น เราแสดงเป็นคนอื่นให้คนอื่นได้ดู ได้เรียนรู้ชีวิตคนที่เราไปแสดงเนี่ยว่า ข้อคิด ถ้าใช้ชีวิตแบบเนี่ยจะเป็นยังไง เราไปเจออะไรมา แต่ว่าถ้าเป็นในพาร์ทศิลปิน คือมันเป็นตัวเรา 100% คือถ้าอย่างในเพลง เรามีภาษาญี่ปุ่นอะไรอย่างเนี่ย จริงๆ มันก็คือการกวนๆ อะไรอย่างนี้ เพราะว่าแบบส่วนตัวเป็นคนชอบดูอนิเมะ แล้วมันมีภาษาญี่ปุ่น แล้วเราก็จะชอบแบบ อุ๊ย อยากใส่คำนี้จังเลย ๆ

อะไรเป็นจุดที่เราอยากก้าวเข้ามาเป็นศิลปินเต็มตัว

มันเป็นความฝันวัยเด็กว่าเราอยากเป็นนักร้อง อยากเป็นเหมือนแบบ พี่ดา เอ็นโดรฟิน อยากเป็นเหมือนแบบ Taylor Swift เพราะว่า เราซื้อแผ่นซีดีครั้งแรกก็คือซื้อพี่ดา ซื้อ Taylor Swift เรารู้สึกว่าอยากเป็นคนอย่างนี้จังเลย เราอยากเป็นศิลปินแบบนี้ เราอยากมีคนชื่นชอบแบบนี้ เราอยากเล่าเรื่องราวผ่านเสียงดนตรี แต่พอมาถึงยุคนี้จะมาบอกให้ซื้อเทปก็คงไม่ใช่ละเนอะ (หัวเราะ) ก็บอกว่า อะ ให้โหลดแล้วกัน

เป้าหมายในการเป็นศิลปินของแพรวาคืออะไร มองภาพเราในอนาคตเป็นแบบไหนบ้าง

จริงๆ ไม่เชิงมองไว้ แต่แค่เรารู้สึกว่าถ้าวันหนึ่งเราได้ไปขึ้นคอนเสิร์ตที่ใหญ่ๆ ในเวทีที่มีศิลปินแนวหน้าเยอะๆ เราก็รู้สึกว่าแค่นั้นก็เป็นเกียรติของเรามากแล้ว หรือว่าเพลงเราติดชาร์ตได้นาน เราก็รู้สึกว่า เฮ้ย มันเป็นสิ่งที่มันเติมเต็มหัวใจเราได้มากแล้ว แต่ถ้าที่ใฝ่ฝันเลย ไม่เชิงมองภาพตัวเอง แต่ว่าใฝ่ฝัน ฝันที่มองไว้ ฝันที่วาดเองแต่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ ก็คือเราอยากมีคอนเสิร์ตเดี่ยวที่อิมแพ็ค แต่ถ้าเกิดสมมติถึงจุดนั้นแล้วเราอิมแพ็คไม่ได้ เราอาจจะลดลงมาเหลือแค่สเกลเล็ก (หัวเราะ)

แต่จริงๆ เราอยากได้อิมแพ็คนะ คือเราคิดว่าอยากมีคอนเสิร์ตแบบเวลา Ariana Grande มา เวลาศิลปินต่างประเทศเขามาจัดคอนเสิร์ตที่ประเทศเราแล้วคนเต็ม เราอยากเป็นอย่างนั้นได้ แต่ถ้าถึงเวลานั้นจริงๆ เราคงไม่ได้ขึ้นคนเดียวแน่นอน เราต้องมีเกสต์เยอะมาก เพราะว่าเราเป็นคนเพื่อนเยอะ (หัวเราะ) ที่แน่ๆ ต้องมี ไอซ์ พาริส แน่นอนว่าเราต้องร้อง ‘รักติดไซเรน’ และต้องมี พี่กอล์ฟ ฟักกิ้งฮีโร่ และ “Txrbo” คือเราจะเอาคนที่เราเคยร่วมงานและมีผลงานที่คนชื่นชอบมารวมอยู่ด้วย และเราจะมีศิลปินที่เราไม่เคยร่วมงานแต่เราอยากร่วมงานกับเขา เราก็จะดึงเขามาด้วย (หัวเราะ) แล้วบอกว่า “พี่ มาขึ้นให้หน่อย” หรือว่าคนที่แบบเป็นเหมือนไอดอลเรา เป็นแบบคนที่เราชื่นชม ว่าแบบคนนี้แหละต้องมาอยู่ในคอนเสิร์ต ถ้าเราได้เขาเป็นเกสต์นี่มันจะสุดยอดมาก