จากเด็กเต้นโคฟเวอร์ สู่แดนเซอร์มืออาชีพ และศิลปินใหม่ในวงการ T-POP

ทุกวันนี้วงการ T-POP ค่อยๆ กลับมาสู่ยุคเฟื่องฟูกันอีกครั้ง เริ่มเป็นที่พูดถึงมากขึ้นและเริ่มมีพื้นที่ให้ได้ติดตามข่าวสารข้อมูลของศิลปินเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ไม่ใช่แค่ปัจจัยอื่นๆ ที่มาซัพพอร์ตวงการให้แข็งแรงมากขึ้นเท่านั้น แต่เราก็ยังมีศิลปินเกิดใหม่เพิ่มขึ้นทุกวันเพื่อทำให้วงการ T-POP มีความน่าสนใจมากขึ้นด้วย NYLON ก็เลยจะชวนทุกคนมาพูดคุยและรู้จักกับบอยแบนด์น้องใหม่ที่จะมาเพิ่มความน่าสนใจให้กับวงการ T-POP ได้มีความสนุกหลากหลาย กับวง SKYLIZE ซึ่งหากใครเป็นสายโคฟเวอร์แดนซ์หรือเป็นแฟนคลับที่ติดตามวงการนี้มานานก็คงจะคุ้นหน้าคุ้นตาพวกเขากันเป็นอย่างดี ทั้ง บอสบอส พิธิวัธ, ป่า อรัณย์ธรรม, ปอนด์ ปิยะวัฒน์, หลุยส์ ณรงค์ฤทธิ์, ป๊อป ทัตพล และ ทอย นรินธร ที่ต่างก็มีชื่อเสียงในวงการโคฟเวอร์กันอยู่แล้ว แถมยังเคยไปคว้าแชมป์เต้นจากต่างประเทศกันมาหลายรายการ K-POP Festival 2015, Seoul International KPOP Cover Dance Competition 2016, KPOP Cover Dance Festival In Korea 2018,  KPOP Cover Dance Festival In Korea 2018 และอีกหลายเวทีที่ถ้าให้ไล่ชื่อก็คงเยอะจนนับกันไม่ไหวเลยล่ะ นอกจากนี้ยังเคยได้เป็นแดนเซอร์ให้กับไอดอลดังอย่าง BTS และ GOT7 ที่มาแสดงคอนเสิร์ตที่ประเทศไทยอีกด้วย การันตีเรื่องการเต้นได้เลยว่าไม่เป็นสองรองใครแน่ๆ

การเต้นเป็นความชื่นชอบ แต่ทั้ง 6 คนก็มีความฝันที่เหมือนกันนั่นคือการเป็นศิลปิน จากการได้เดินทาง แข่งขัน และได้เป็นส่วนหนึ่งบนเวทีของศิลปินชื่อดังทำให้พวกเขามีความมุ่งมั่นและตั้งใจที่อยากจะเดินหน้าความฝันของตัวเองให้ไปถึงเป้าหมาย

วันนี้ NYLON ขอพาทุกคนมารู้จักกับเส้นทางการเต้นของเด็กโคฟเวอร์สู่การเป็นศิลปินน้องใหม่ในวงการ T-POP เผื่อถ้าหากว่าใครที่มีความฝันและได้เข้ามาทำความรู้จักกับหนุ่มๆ ทั้ง 6 คนนี้ จะได้มีแรงบันดาลใจและกำลังใจให้สู้กันต่อไป

ทำไมเป็น SKYLIZE มีความหมายพิเศษอะไรไหม

บอสบอส: เราอยากได้ชื่อที่มันครอบคลุมทุกอย่างและมีหลายๆ อย่างรวมกันอยู่ เราสนใจคำว่า Sky แล้วคิดว่าเราต้องมีคำต่อท้ายให้มันดูเท่กว่านี้ และมีอีกคำคือ Realize ตอนนั้นอยู่ดีๆ คุณป่าเขาก็พูดขึ้นมาว่า Skylize ซึ่งมันก็จะเป็นคำพ้องเสียงของคำว่า Skylight ก็เลยคุยกันว่าเราลองเปลี่ยนคำว่า light มาเป็น lize กันไหม พอมารวมกันก็เลยได้เป็นชื่อวงนี้มาครับ

รวมตัวกันได้อย่างไร

ป๊อป: จริงๆ แล้วพวกเราก็เป็นเพื่อนกันมานานแล้ว เคยทำทีมโคฟเวอร์ด้วยกัน พวกเรามีความฝันเหมือนกัน นอกจากการเต้นโคฟเวอร์แล้วเรารู้สึกว่าเราอยากก้าวไปได้ไกลกว่านี้ เราอยากเป็นศิลปิน ก็เลยช่วยกันฝึกร้องเพลงก่อนในตอนแรก เราคิดว่าถ้ายังไม่มีสังกัดก็จะทำด้วยตัวเองนี่แหละ 6 คน แต่สุดท้ายเราก็ได้มาออดิชั่นที่ค่าย KS Entertainment ก็ต้องขอบคุณทางค่ายด้วย และคนที่ดึงให้พวกเราเข้ามาก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นคุณป่าที่ชวนเพื่อนๆ ให้ได้มีโอกาสได้มาอยู่ตรงนี้ รวมกันเป็นวง Skylize ครับ

ทำไมชอบเต้น เข้าสู่วงการเต้นได้ไง

ทอย: ทอยเต้นมาตั้งแต่ ป.4 เป็นเต้นแข่งทั่วไป มีงานอะไรเราก็ไปแข่ง พอมาเริ่มเต้นโคฟเวอร์ได้ตอนช่วงประมาณ ม.3 ตอนนั้นเต้นเพราะอยากรู้ว่าการเต้นประเภทนี้มันเป็นอย่างไร เคยดูอย่างเดียวไม่เคยเข้าไปในวงการนั้นจริงๆ พอได้เต้นก็ติดใจ ชอบการที่เราได้ลิปซิ้งค์ ชอบการได้แสดงแบบที่เราไม่เคยแสดง

หลุยส์: หลุยส์มาเต้นเพราะว่าดูรายการโทรทัศน์ของเกาหลี เห็นเขาเต้นแล้วดูเท่ ดูมีออร่า ผมก็เลยอยากลองไปเต้นบ้าง หลังจากนั้นก็เริ่มแกะท่าเต้นโคฟเวอร์เองสมัยมัธยมต้นเพื่อไปเต้นโชว์เพื่อนๆ ที่โรงเรียน อันนี้เป็นจุดเริ่มต้นของหลุยส์ เป็นเพลง “U” ของ Super Junior ครับ

เล่าเรื่องการร่วมเวทีกับศิลปินดังๆ อย่าง BTS และ GOT7 หน่อย

ป่า: พวกเราเคยมีโอกาสได้เป็นแดนเซอร์ให้กับวง BTS และ GOT7 ครับ ตอนที่ทั้ง 2 วงมาจัดคอนเสิร์ตที่ประเทศไทย แล้วเขาต้องการแดนเซอร์ที่ไทย 20-30 คน และพวกเราได้เป็นหนึ่งในนั้นด้วย ดีใจและภูมิใจมากๆ ตอนที่อยู่บนเวที ด้วยความที่เป็นราชมังคลากีฬาสถานคนดูเยอะมากๆ ตรงนี้ก็เลยเป็นสิ่งที่จุดประกายความฝัน ทำให้แพชชั่นพวกเราพลุ่งพล่านมากๆ ว่าอยากจะเป็นศิลปินครับ

การเต้นโคฟเวอร์เป็นวงการที่ค่อนข้างเปิดกว้างมากเลยนะ เพราะว่ามีคนไทยที่ไปเป็นศิลปินที่เกาหลีก็เยอะ เลยทำให้เด็กไทยหลายๆ คนก็มีความฝัน มีแรงบันดาลใจจากตรงนั้น เขาก็อาจจะเลือกที่จะมาเต้นโคฟเวอร์ก่อน ซึ่งตอนนี้อาจจะยังไม่มีเวทีแข่งขันมากนัก แต่หลังจากนี้สถานการณ์ดีขึ้นก็อยากให้ผู้ใหญ่หลายๆ คนเปิดพื้นที่ให้กับพวกเขาได้ทำตรงนี้ด้วย

การเต้นของแต่ละคนพาให้ไปเจอประสบการณ์ดีๆ อะไรบ้าง

ป่า: ถ้าการได้เต้นที่ต่างประเทศนี่ อย่างหนึ่งที่เราได้คือเรื่องมิตรภาพครับ เราจะไปเจอทีมที่มาจากแต่ละประเทศ (บอสบอส: แล้วพวกเขาก็ชอบในการเต้นเหมือนกับเรา) ใช่ๆ เราก็จะมาคุยมาแบ่งปันความรู้กันด้วย

ได้เรียนรู้การเต้นกับเพื่อนต่างชาติด้วยไหม

ป่า: สำหรับผมเคยไปแข่งฮิปฮอปที่อเมริกา การเต้นก็จะมีหลากหลายสไตล์เนอะเวลาแข่งขัน ซึ่งมันก็จะต่างกับการเต้นโคฟเวอร์ศิลปิน สำหรับตัวผมที่ได้ไปแข่งเต้นในตอนนั้นก็เลยได้มีโอกาสเรียนรู้ว่าการเต้นมันมีหลายรูปแบบมาก ไม่ว่าจะเป็นป็อปปิ้ง ร็อกกิ้ง เขาจะมีทีมที่เป็น expert ทางด้านสไตล์หนึ่งไปเลย เราก็เขาไปหาเขา ไปแลกเปลี่ยนประสบการณ์ของเรากัน

คำสบประมาทสร้างแรงผลักดันให้กับเราอย่างไร

หลุยส์: แน่นอนว่ามันผลักดันมากๆ อยู่แล้ว เพราะว่าพวกเราจะไม่ค่อยคิดลบกับคอมเมนต์ลบๆ เท่าไร หรือถ้าใครพูดอะไรมาก็เปลี่ยนเป็นแรงผลักดันแทน ไม่งั้นพวกผมก็คงจะไม่ได้ไปไกลกันถึงขนาดนั้น (หัวเราะ) ก็ต้องขอบคุณทุกคอมเมนต์ที่ผลักดันพวกเราให้มาถึงตรงนี้ด้วย

ป๊อป: ต้องบอกว่าคอมเมนต์ที่ดีเราก็อ่านแล้วก็ต้องขอขอบคุณที่คอยให้กำลังใจพวกเรานะครับ แต่ถ้าเป็นคอมเมนต์ลบเราก็ไม่อยากเก็บมาคิดเยอะ อย่างที่หลุยส์พูดเลย เราเก็บมาเป็นแรงผลักดันมากกว่า เอาจริงๆ นะ ตอนนี้ตั้งแต่ที่ปล่อยซิงเกิ้ลออกไปก็ยังมีอยู่เหมือนกัน แต่พวกเราก็เก็บเอาไว้

บอสบอส: แล้วก็ตั้งใจทำให้มันดีขึ้นเรื่อยๆ ครับ

เราจะไม่ค่อยคิดลบกับคอมเมนต์ลบๆ เท่าไร หรือถ้าใครพูดอะไรมาก็เปลี่ยนเป็นแรงผลักดันแทน ไม่งั้นพวกผมก็คงจะไม่ได้ไปไกลกันถึงขนาดนั้น

จากการเต้นโคฟเวอร์กันเอง พอมีค่ายแล้วมีอะไรเปลี่ยนไปบ้าง ปรับตัวเยอะไหม

บอสบอส: พอเรามาอยู่ในจุดนี้ จุดที่เราเป็นศิลปินกันแล้ว เราต้องทั้งฝึกเรื่องการร้อง ฝึกเรื่องบุคลิกภาพความเป็นตัวเองให้มันสะท้อนออกมามากที่สุด เราจะไม่ก็อปปี้ใครแล้ว ต้องเป็นตัวเองให้มากที่สุด ซึ่งจุดนี้เป็นจุดที่วัดพวกเราเลย ซึ่งสำหรับบอส บอสว่ายากเหมือนกันนะ มื่อก่อนที่เราเต้นโคฟเวอร์ เราก็จะได้รับคำชมว่าเหมือนคนนั้น เหมือนคนนั้น พอมาเป็นศิลปินก็ต้องเป็นตัวเองให้มากที่สุด เพื่อให้คำชมเปลี่ยนเป็น ทอยเท่ที่สุดเลยนะ ทอยเท่มาก

ทอย: จริงๆ ภาพจำของเรา คนอื่นก็ค่อนข้างติดมาจากเด็กโคฟเวอร์ครับ ซึ่งตอนนี้พวกเราก็พยายามที่จะหลุดภาพนั้นออกมาให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ด้วย

ปอนด์: นอกจากเรียนเต้น ร้อง และบุคลิกเพิ่มก็มีเรื่องของเวลาครับ ทั้งวินัย นิสัย การทำงานด้วยกัน มันต้องมาเคาะ มีการทะเลาะ มีหลายอย่างที่เยอะกว่าการเต้นที่แค่มาต่อท่ากันแล้วก็จบไป

ทอย: เราจะต้องเจอคนเยอะมากขึ้น การทำงานที่จริงจังมากขึ้นครับผม การทำงานของผู้ใหญ่ การทำงานกับทีมงานที่ไม่คุ้นเคยก็ต้องมีการปรับตัว การวางตัวที่ดีในการทำงาน ต้องมีความรับผิดชอบที่สูงขึ้นมากๆ ครับ

คิดว่าในฐานะ SKYLIZE ในอนาคตจะเป็นอย่างไรบ้าง

ป่า: ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงตอนนี้ พวกเราเต็มที่มากๆ เต็มที่จนน่าจะเกินขั้นแล้ว แบบเราทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อที่จะมาที่นี่ ก็หวังว่าในอนาคตอย่างน้อยพวกเราก็อยากจะมีคอนเสิร์ตของตัวเอง ได้มีแฟนคลับไม่ว่าจะชาติไหน ก็อยากให้เขาคอยชื่นชมพวกเรา มีพวกเราเป็นแรงบันดาลใจด้วย

บอสบอส: และพวกเราก็มีความตั้งใจที่จะผลักดันวงการ T-POP ให้ไปสู่ระดับโลกให้ได้ ก็จะเป็นบอยแบนด์วงหนึ่งที่จะไปจุดนั้นให้ได้

ในฐานะที่เคยเต้นโคฟเวอร์มาก่อน อยากเห็นภาพการเต้นโคฟเวอร์ในไทยเป็นแบบไหน

ทอย: จริงๆ ตอนนี้การเต้นโคฟเวอร์เป็นวงการที่ค่อนข้างเปิดกว้างมากเลยนะ เพราะว่ามีคนไทยที่ไปเป็นศิลปินที่เกาหลีก็เยอะ เลยทำให้เด็กไทยหลายๆ คนก็มีความฝัน มีแรงบันดาลใจจากตรงนั้น เขาก็อาจจะเลือกที่จะมาเต้นโคฟเวอร์ก่อน ซึ่งตอนนี้อาจจะยังไม่มีเวทีแข่งขันมากนัก แต่หลังจากนี้สถานการณ์ดีขึ้นก็อยากให้ผู้ใหญ่หลายๆ คนเปิดพื้นที่ให้กับพวกเขาได้ทำตรงนี้ด้วย

บอสบอส: ส่วนหนึ่งคนมาเต้นโคฟเวอร์เพราะไม่มีโอกาสได้แสดงบนเวทีครับ ไม่มีโอกาสได้เฉิดฉาย ได้โชว์ หลายๆ คนเลยเลือกที่จะมาเต้นโคฟเวอร์กัน เลยอยากให้ผู้ใหญ่หลายๆ ท่านเปิดใจ ว่าเด็กไทยเก่งไม่แพ้ชาติใดในโลกครับ

ป๊อป: นั่นเลยเป็นเหตุผลหนึ่งที่เมื่อ 2-3 เดือนที่แล้วเราถึงจัดงาน T-POP Cover Dance Contest ขึ้นมา เพราะว่าเราอยากจะเปิดโอกาสให้พื้นที่กับเด็กที่มีความฝันด้วยครับ