THE CROWN-UP GIRL

หลังจากฝนที่ตกปรอยๆ อยู่หลายชั่วโมง ตลอดช่วงเช้าหยุดลงสักพัก แสงแดดอ่อนๆ ก็เริ่มสาดส่องลงมาที่สระว่ายน้ำในโมเต็ลแห่งหนึ่งย่านสุขุมวิท ปู-ไปรยา สวนดอกไม้ ยืนโพสท่าแบบสบายๆ อยู่ริมสระท่ามกลางอากาศที่กำลังอบอ้าวพลางเอ่ยปากว่า “อยากกระโดดลงน้ำซะเดี๋ยวนี้เลย” เสียดายชะมัดที่เราไม่ได้เตรียมชุดว่ายน้ำไว้ให้เธอ สาวลูกครึ่งไทย-สวีเดนคนนี้ไม่เหมือนกำลังโพสท่าเสียด้วยซ้ำ แค่เดินนวยนาดไปมาสลับกับนั่ง ยิ้มและหัวเราะสนุกตามประสา แต่ช่างภาพสามารถรัวชัตเตอร์ใส่ความสวยของเธอได้จากทุกมุม

 

วงการบันเทิงเปิดประตูต้อนรับดาราสาวคนนี้มาตั้งแต่สิบปีก่อน จากการชักชวนของนักปั้นมือหนึ่ง เอ-ศุภชัย ศรีวิจิตร “ปูเพิ่งอายุ 13 ตอนเจอพี่เอที่ห้าง ตอนนั้นพี่เอยังใส่รองเท้าแตะ ไม่มีรถขับเลย ปูเป็นรุ่นแรกๆ ของเขา” ปูเล่าย้อนไปถึงวันที่ก้าวเข้าสู่วงการ เธอนั่งคุยกับเราที่เก้าอี้ริมสระว่ายน้ำหลังจากเสร็จสิ้นการถ่ายแฟชั่น “จากนั้นอาทิตย์เดียวพี่เอก็พาไปเซ็นสัญญากับช่องเจ็ด แล้วอีกอาทิตย์นึงก็ได้ถ่ายละครเลย ทุกอย่างเกิดขึ้นภายในสองอาทิตย์” ไม่แปลกใจที่บทนางรองในละครเรื่อง รักได้ไหม ถ้าหัวใจไม่เพี้ยน ผลงานการแสดงชิ้นแรกของเธอจะถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่า ‘แข็งเป็นหิน’ แต่หลังจากนั้นไม่นาน ปูก็ได้เป็นนางเอกเต็มตัวในเรื่อง สาวน้อยในตะเกียงแก้ว ภาค 2 ซึ่งถือเป็นละครที่ทำให้เธอเป็นที่รู้จักในฐานะนางเอกวิกเจ็ดสีนับตั้งแต่ตอนนั้นจนถึงตอนนี้ ล่าสุดเธอเพิ่งเปิดกล้องละครเรื่องใหม่ สะใภ้หัวแดง ที่ต้องบินไปถ่ายทำถึงประเทศรัสเซีย

 

ในทางทฤษฎีของหนุ่มเพลย์บอย สาวเซ็กซี่กับกฎหมายเป็นสองสิ่งที่อยู่ตรงกันข้าม แต่เจ้าของตำแหน่ง ‘ผู้หญิงที่เซ็กซี่ที่สุดในไทย’ จาก FHM สองปีซ้อน (2012-2013) คนนี้เพิ่งคว้าปริญญาตรี คณะนิติศาสตร์มาจากมหาวิทยาลัย Oxford Brookes ประเทศอังกฤษ หลังจากเล่าเรียนมาสี่ปี “ข้อดีที่ปูได้ ตอนไปเรียนคือได้อยู่กับคนธรรมดาที่ต้องกระตือรือร้น หางาน หาเงิน หาเรื่องดีๆ ให้ชีวิต มันทำให้ปูให้เกียรติคนมากขึ้นเวลาทำงาน ถ้าเทียบกับเมื่อ 4-5 ปีที่แล้วก่อนปูไปเรียน ปูอาจจะจุ้นจ้าน เรื่องมาก แต่พอกลับมาเราเริ่มรู้สึกว่าต้องตรงต่อเวลาและให้เกียรติทุกคน อย่างช่างไฟ ช่างกล้อง เขาต้องมาก่อนแต่กลับทีหลัง มันทำให้เราได้คิดถึงตรงนี้มากขึ้น” ปูพูดอย่างตรงไปตรงมา “เป็นดาราน่ะง่าย ต่อให้ถ่ายละครเหนื่อยแค่ไหน แต่เสื้อผ้าหน้าผมรวมถึงอาหารก็มีคนจัดให้ ไม่ต้องทำอะไรเลยด้วยซ้ำ”

 

ในช่วงเดือนที่ผ่านมา ปู-ไปรยาถูกสื่อมวลชนตั้งฉายา ‘เจ้าแม่อีเวนต์’ ให้ แต่เธอก็ยอมรับอย่างเต็มปากว่าดาราหาเงินง่าย “ก็มันจริง จะไปโกหกทำไม” เธอยิ้ม “ดาราเป็นอาชีพที่ถือว่าโชคดี ยิ่งอยู่ในประเทศไทยยิ่งเห็นได้ชัดเลยว่าเราโชคดีแค่ไหน มีคนตั้งหลายกลุ่มที่ต้องทำงานหนักมาก แต่ยังหาเงินไม่ได้ครึ่งหนึ่งของเราเลย อีกอย่างเราไม่ต้องวิ่งหางานเองด้วย งานวิ่งเข้าหาเราเอง” แต่เงินทองและชื่อเสียงก็ต้องแลกกับบางสิ่งที่หายไปในชีวิต “ปูเข้าวงการตั้งแต่อายุ 13 เลิกเรียนก็ต้องไปกองถ่าย มันเหมือนช่วงวัยเด็กหายไปหมด เราเลยเก็บกด ตอนปีแรกๆ เลยมีรูปหลุดออกมา เพราะเราอยากเที่ยวเฮฮา อยากมีเพื่อน” ดาราสาววัย 24 ปีสารภาพอย่างไม่อาย “ปูเจอมาทุกแบบ ทั้งหลอก ทั้งด่า ทั้งพูดลับหลัง หรือกระทั่งเฟคต่อหน้า จนสิบปีผ่านไปมันเริ่มนิ่ง ไม่ตื่นเต้นแล้ว แต่มันกลับทำให้เราสุขุมขึ้น รู้จักระวังตัวมากขึ้น ปูจะสำนึกในความโชคดีที่ได้มายืนจุดนี้อยู่ตลอดและจะไม่ทำให้มันพัง”

 

ไปรยา สวนดอกไม้ คือชื่อที่ใช้ในวงการบันเทิง โดยชื่อ ‘ไปรยา’ เป็นชื่อที่เอ-ศุภชัยตั้งให้ ส่วนนามสกุล ‘สวนดอกไม้’ คือนามสกุลเดิมของคุณแม่เธอ ชื่อ-นามสกุลจริงของปูคือ นาตยา ลุนด์เบิร์ก “ปูเป็นดาราที่เจอข่าวแรงๆ เยอะมาก” เธอเน้นคำว่า ‘มาก’ “จนทุกคนติดภาพว่าปู-ไปรยา เป็นคนแรง แต่จริงๆ แล้วปูเป็นคนตรง ไม่ใช่คนแรง ปูไม่เคยจิก กัด แขวะ หรือด่าใคร” ถึงจะตกเป็นข่าวบนนิตยสารกอสซิปดาราไม่เว้นวัน (และเป็นข่าวฉาวเสียส่วนใหญ่) แต่ปูยังติดตามอ่านข่าวบันเทิงและคอมเมนท์ต่างๆ ในโลกออนไลน์อยู่เสมอ เมื่อเราถามว่าชอบแก้ข่าวไหม ปูส่ายหน้าก่อนจะบอกว่า “อะไรที่ไม่จริงก็ไม่จริงอยู่วันยังค่ำ ปูคิดแบบนี้ ถึงตีโพยตีพายไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้น เราต้องแยกแยะว่าข่าวลือก็คือข่าวลือ ส่วนข่าวจริงจะทำยังไงได้ เราตัดสินใจก่อเรื่องนี้เอง ก็ต้องยอมรับผลที่จะตามมา” เธอพูดอย่างฉะฉาน “เราต้องมองว่าคนปกติเขาอ่านข่าวซุบซิบดาราแล้วเขาก็วางไว้ เขาไม่สนใจหรอก เดี๋ยวก็ลืม อย่าไปใส่ใจมาก”

 

หากเข้าไปดูภาพในอินสตาแกรม @prayalundberg ที่มีจำนวนผู้ติดตามกว่า 3 แสนคน จะเห็นว่าเธออัพภาพอยู่ตลอดเวลา ทั้งการทำงาน ชีวิตส่วนตัว รวมถึงภาพของแฟนหนุ่มนอกวงการ “ปูมองว่าความรักของปูเป็นเรื่องส่วนตัว บางเรื่องก็เปิด ถามก็ตอบ แต่การที่จะนำไปใช้เพื่อหาประโยชน์มันไม่ใช่ ปูสังเกตว่าจรรยาบรรณของนักข่าวสมัยนี้เปลี่ยนไป นักข่าวคืออาชีพที่น่านับถือนะ แต่ก็มีนักข่าวที่ชอบหาข่าวจากโซเชียลมีเดีย ซึ่งมันไม่ใช่ข่าวจริงๆ” ความสัมพันธ์ระหว่างนางเอกสาวคนนี้กับไฮโซหนุ่มโน้ต-วิเศษ รังษีสิงห์พิพัฒน์ ดำเนินมาได้สองปีแล้ว ปูบอกว่าสิ่งที่ทั้งสองคนเหมือนกันคือเป็นคนที่นิ่ง สบาย และไม่เรื่องมาก “โน้ตเป็นคนดี จริงจังกับงานเหมือนกับปู แต่เขาโตกว่าปูเยอะ คนมองว่าเขาเป็นพวก High-maintenance (คนที่ชอบทำตัวหรูหรา) อาจเป็นเพราะเขาเคยคบแต่คนแบบนั้น แต่ความจริงเขาเป็นคนที่ชิลมาก” ชิลของทั้งคู่ในที่นี้คือการชอบไปเดินเล่นที่สวนจตุจักร ไม่ชอบเดินห้าง “ปูไม่ชอบเดินห้างเลย” เธอพูดย้ำประโยคนี้สองรอบ แต่เมื่อถามถึงการแต่งงาน “ปูอยากแต่งนะ ถ้าเจอคนที่ใช่แบบ Fall in love น่ะ” เธอเน้นคำว่า ‘Love’ บนใบหน้าพริ้ม “แต่ปูว่า 24 ยังไม่ใช่วัยที่เหมาะในการแต่งงาน คงต้องรอสัก 26-27 มั้ง แต่ก็ไม่ใช่ 30 กว่า ปูว่าร่างกายเราผ่านอะไรมาเยอะ ทำงานหนัก อดหลับอดนอน กินสารพัด ปูกลัวว่าจะไม่สามารถเป็นแม่ที่ดีได้” อย่างนี้หมายความว่าอยากมีลูกน่ะสิ “อยากมีมาก” เธอสวนกลับทันทีและหัวเราะ “จริงๆ ปูเป็นคนแบบแฟมิลี่นะ อยากมีครอบครัว ชอบอยู่บ้าน ถ้าอยู่บ้านปูจะไม่คุยเรื่องงาน ไม่ใส่ใจเสื้อผ้าหน้าผมด้วย ไม่ได้เป็นปู-ไปรยาแบบที่ทุกคนเห็น”

 

ใบหน้าบางมุมของไปรยา สวนดอกไม้ ดูคล้ายลานา เดล เรย์ โดยเฉพาะดวงตาคู่สวยคมแฝงความเย้ายวน บวกกับคิ้วโก่งยาวที่ดูดุดัน แต่ผู้หญิงที่ทุกคนมองว่าเป็นสาวมั่นเผยว่าเธอเป็นคนอ่อนไหวและร้องไห้ง่าย “ก่อนขึ้นเวทีในงานอีเวนต์ทุกครั้ง ปูจะเครียดมาก เหงื่อแตกเต็มมือ บางครั้งเครียดจนเป็นโรคกระเพาะและผมร่วงเลยก็มี เพราะปูจะจริงจังกับงานและทุกอย่างในชีวิตมาก”

 

แม้จะทำงานแบบไม่หยุดตั้งแต่ 10 โมงเช้าจนถึงขณะที่นั่งคุยกันนี้เป็นเวลา 4 โมงเย็น ปูก็ยังดูกระฉับกระเฉงและมีชีวิตชีวา “ช่วงนี้ปูบ้าเข้ายิมมาก เข้ายิมอาทิตย์ละ 4 หนได้” เธอเปรยว่าหลังจากเสร็จงานกับ NYLON ก็ต้องรีบกลับบ้านเพราะจะมีดัมเบลที่สั่งซื้อไว้มาส่ง ไม่แปลกใจที่เธอจะเป็นเจ้าของเรือนร่างที่ผู้หญิงทั้งประเทศพากันอิจฉา นอกจากเรื่องการออกกำลังกายแล้ว ปูยังเผยเคล็ดลับดูแลสุขภาพที่น่าเซอร์ไพรส์ไม่น้อย “ตอนนี้ปูกินออแกนิก ไม่กินของที่ใส่ในกระป๋อง ถุง กล่อง ไม่ดื่มน้ำอัดลม กินน้ำผึ้งแทนน้ำตาล กินผัก ผลไม้ ปลา เนื้อ ไม่กินอาหารที่ผ่านกรรมวิธี จะกินสิ่งที่เป็นธรรมชาติ” แอปเปิลและน้ำเปล่าคือพยานปากเอกที่เราเห็นเธอกินตลอดการทำงานในวันนี้ “นักข่าวชอบถามว่าแล้วจะโป๊ะไหม” หมายถึงอดีตสาวปาร์ตี้คนนี้จะทำได้จริงๆ หรือ “ปูเป็นคนนะ มันก็ต้องมีเที่ยวบ้าง แต่จะให้ทุกวันศุกร์ก็คงไม่ไหว อายุ 24 แล้ว มันเบื่อ ชีวิตมันเปลี่ยน” นอกจากเข้ายิมแล้ว ปูยังชอบนั่งตากแดดอ่านหนังสืออยู่ข้างสระว่ายน้ำ มิน่าล่ะ เธอถึงเลือกนั่งสัมภาษณ์กลางแจ้งแทนที่จะเป็นในห้องพักที่มีแอร์เย็นฉ่ำ

 

“ปูไม่อยากหลอกลวงใคร ไม่อยากให้คนมาชื่นชอบเราแค่ภาพ อยากให้เขาชอบเพราะตัวเราจริงๆ เราจะได้ไม่ทำให้เขาผิดหวัง” เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงไม่จริงจัง แต่ฟังดูจริงใจ “ถ้าเกิดปูแบ๊วหรือเฟค มันต้องมีสักวันที่ปูโป๊ะนะ” สาวสวยเซ็กซี่คนนี้กลั้นหัวเราะไม่ได้ทุกครั้งที่พูดคำว่า ‘โป๊ะ’ “ปูเชื่อว่าวันนึงต้องโป๊ะชัวร์”

 

เรื่อง: ณัฐวุฒิ แสงชูวงษ์

 

0 replies

Leave a Reply

Want to join the discussion?
Feel free to contribute!

Leave a Reply