“บีม ปภังกร” กับบทนำครั้งแรกใน “เคว้ง” ซีรีส์ไทยกระแสแรงของ Netflix

หลายคนคงคุ้นหน้า “บีม-ปภังกร ฤกษ์เฉลิมพจน์” กับบทใสๆ ในซีรีส์วัยรุ่นวัยเรียน แต่เมื่อต้องมาสวมวิญญาณเป็น “คราม” เด็กหนุ่มชาวเกาะที่เติบโตมากับพ่อซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกันทางสายเลือด ทั้งยังต้องนำพาเพื่อนร่วมห้องกว่า 30 คนต่อสู้ดิ้นรนเอาชีวิตรอดจากเกาะร้าง ใน “เคว้ง” ซีรีส์ Original Netflix ไทยเรื่องแรกที่มาพร้อมกับความคาดหวังสูงลิ่ว ไม่ใช่เรื่องง่ายที่บีมจะเอาชนะความท้าทายครั้งนี้ได้ ทว่าเขากลับถ่ายทอดความเคว้งในมุมมองของคนที่ขาดออกมาได้อย่างลุ่มลึก จนเราต้องขอจับเข่าคุยว่า กว่าจะเป็นครามในแบบที่เห็นต้องผ่านอะไรมาบ้าง และสำหรับเขาแล้วความเคว้งนั้นน่ากลัวแค่ไหน

 

การรับบท “คราม” มีความยากง่ายอย่างไรบ้าง

“บทของ ‘คราม’ เป็นนักเรียนคนเดียวในกลุ่มที่เป็นคนพื้นที่ เป็นลูกชาวประมง ฉะนั้นเขาจึงมีทักษะในการเอาตัวรอดบนเกาะดีกว่าเพื่อนๆ ที่เป็นลูกคุณหนูเสียส่วนใหญ่ เลยกลายเป็นเหมือนกำลังหลักของกลุ่มที่ต้องปีนผา ดำน้ำ ว่ายน้ำ จับปลา เพื่อความอยู่รอดของทุกคน ซึ่งหากให้เปรียบเทียบกับตัวเอง ผมมองว่าครามเป็นคนง่ายๆ สบายๆ มีความเข้าอกเข้าใจคนอื่นเหมือนกับผม แต่ในขณะที่ครามเป็นคนสุขุมและค่อนข้างนิ่ง ตัวจริงของผมกลับ Hyperactive (สมาธิสั้น) เลยยากที่จะปรับอารมณ์ระหว่างถ่ายทำให้นิ่งเป็นครามได้จริงๆ อีกอย่างคือผมไม่เคยดำน้ำและปีนเขามาก่อน ซึ่งทักษะเหล่านี้ติดตัวครามมาตั้งแต่เด็ก ผมจึงต้องไปเรียนดำน้ำให้คล่องเพื่อให้สวมบทเป็นครามได้สมจริงที่สุด หลังถ่ายทำเรื่องนี้จบเลยได้ใบอนุญาตดำน้ำมาเป็นของแถม (ยิ้ม) ส่วนเรื่องปีนเขาเป็นอะไรที่ยากมาก เพราะผมเป็นคนกลัวความสูง แต่ก็สู้กับความกลัวไปฝึกปีน จนตอนนี้กลายเป็นว่าเหมือนจะไม่กลัวความสูงไปแล้ว” 

บีมมองว่าความ “เคว้ง” ของตัวละคร “คราม”คืออะไร

“ผมมองว่าครามมีความเคว้งในเรื่องของครอบครัวครับ ด้วยความที่แม่ของเขาเสียชีวิตตั้งแต่เขายังเด็ก ปล่อยให้ครามโตมากับพ่อเลี้ยง โดยที่ไม่เคยรู้เลยว่าพ่อที่แท้จริงของตัวเองเป็นใคร เขาจึงต้องการหาความจริงว่า จริงๆ แล้วเขาเป็นใครมาจากไหน คือต่อให้พ่อเลี้ยงจะเลี้ยงดูมาเป็นอย่างดี ให้ความอบอุ่นมากแค่ไหน แต่ลึกๆ ในใจเขาก็ยังมีความเคว้งที่ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใครอยู่ดี ครามเลยอยากจะค้นหาความจริงนั้นให้เจอ เพื่อที่จะได้ลบความรู้สึกเคว้งในใจของเขาเอง”

 

แล้วสำหรับบีม คำว่า “เคว้ง” หมายความว่าอย่างไร

“น่าจะเหมือนคำว่า Lost ครับ คือไม่มีจุดยืน ไม่มีอะไรให้จับยึดเป็นหลักเป็นแหล่ง หมายถึงทางความคิดและความรู้สึกนะครับ อย่างตัวผมเองก่อนหน้านี้ประมาณปีสองปีเป็นช่วงที่งานน้อยมาก เลยไม่รู้ว่าจะจับยึดทางนี้แบบจริงๆ จังๆ ได้ไหม ยังหาทางของตัวเองไม่เจอว่าจะทำอะไรดี ไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วเราชอบทางไหนกันแน่ มีความสุขกับสิ่งที่ทำอยู่หรือเปล่า อยากจะไปลองทำอย่างอื่น แต่ก็กลัวทำแล้วไม่ดี ไม่ชอบ ก็เลยรู้สึกเคว้ง แต่ด้วยความที่ผมเป็นคนชอบสังสรรค์ ชอบปาร์ตี้กับเพื่อนๆ พอได้เจอคนเยอะๆ ได้พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดและมุมมองกับคนอื่น ก็เลยเก็บประสบการณ์และแนวคิดของคนนั้นคนนี้มาตกตะกอนว่า จริงๆ แล้วเราสนใจทางไหนและน่าจะเหมาะกับทางไหนที่สุด อีกอย่างคือตอนนั้นพอสนใจอะไรผมจะหาข้อมูลแบบค่อนข้างลึก ว่าเราชอบสิ่งนี้จริงหรือเปล่า ถ้าทำแล้วจะอยู่กับมันได้นานแค่ไหน เป็นการหาข้อมูลประกอบการตัดสินใจครับ”

ถ้าสมมติว่ามีคนมาปรึกษาเรื่องการจัดการความ “เคว้ง” จะให้คำแนะนำอย่างไร

“ผมคิดว่าต้องถามตัวเองก่อนว่าต้องการอะไร เพราะคนที่รู้สึกเคว้งส่วนใหญ่จะไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วตัวเองต้องการอะไรกันแน่ บางคนอาจจะบอกว่าต้องการประสบความสำเร็จ ก็ต้องถามอีกว่า แล้วความสำเร็จของคุณคืออะไร เพราะสำหรับบางคนเริ่มต้นจากพนักงานจนได้เป็น CEO แล้วก็ยังไม่คิดว่าตัวเองประสบความสำเร็จ เพราะถึงจะมีตำแหน่งใหญ่โต มีเงิน มีอำนาจ มีทุกอย่าง แต่ไม่มีความสุข สุดท้ายก็ต้องมองย้อนกลับไปว่า จริงๆ แล้วความสุขและความสำเร็จของตัวคุณเองคืออะไร คือต้องตั้งคำถามให้กับตัวเองเยอะๆ แล้วถ้ายังไม่ได้คำตอบก็ต้องออกไปเที่ยว ออกไปเจอผู้คน ไปแลกเปลี่ยนความคิดกับคนอื่น เพราะสำหรับผม ถ้ายิ่งจมอยู่กับตัวเองมากๆ บางทีอาจจะทำให้เรารู้สึกดาวน์ลงไปเรื่อยๆ ก็ได้นะครับ”

 

เคยจิตนาการบ้างไหมว่าถ้าต้องติดเกาะเหมือนครามจะเป็นอย่างไร

“ผมคงจะอยู่ไปวันๆ (หัวเราะ) อาจจะหาอาหารแบบวันต่อวัน ทำโน่นทำนี่ไปเรื่อย เพราะถ้าจะออกจากเกาะก็ต้องดูความเสี่ยง ดูสภาพอากาศด้วยว่าเป็นอย่างไร ทิศทางลมไปทางไหน คือต้องมีความรู้มากพอที่จะออกไปกลางทะเลไม่อย่างนั้นก็คงจะไม่รอด ผมเลยเลือกที่จะอยู่บนเกาะดีกว่า เพราะตัวผมเองก็มีร่างกายที่ค่อนข้างแข็งแรง เป็นนักกีฬาเทควันโดตั้งแต่เด็ก เลยคิดว่าน่าจะพอเอาตัวรอดได้ แต่ก็ไม่แน่ว่าวันหนึ่งถ้าเราเก๋าพออาจจะลองออกทะเลดูก็ได้ครับ”

รู้สึกอย่างไรกับการได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของ Original Netflix ไทย เรื่องแรก

“รู้สึกโชคดีครับ แล้วก็รู้สึกว่าเราต้องทำให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะมีอีกหลายคนมากที่ต้องการจะมาอยู่ตรงนี้ และมีอีกหลายคนที่พยายามมากกว่าเรา อาจจะเก่งมากกว่า ประสบการณ์มากกว่า ฉะนั้นเมื่อเราได้รับโอกาสนี้มาก็ต้องทำให้ดีที่สุด เหมือนเป็นตัวแทนของคนที่อยากได้โอกาสนี้เช่นกัน ให้พวกเขาได้เห็นว่าผมพยายามสุดความสามารถจริงๆ ไม่ให้เสียแรงที่คว้าโอกาสของพวกเขามา”

ทำไมแฟนๆ Netflix ถึงไม่ควรพลาดความ “เคว้ง” ครั้งนี้

“สำหรับผม สิ่งที่ทำให้ ‘เคว้ง’ น่าสนใจไม่ใช่แค่เป็น Original Netflix ไทยเรื่องแรก แต่นี่เป็นครั้งแรกที่นำบทไทย นักแสดงไทย วัฒนธรรมไทย และทุกอย่างเป็นที่ไทยไปนำเสนอให้คนต่างชาติได้ดู ดังนั้นวิธีการถ่ายทอดเรื่องราวในซีรีส์เรื่องนี้จึงไม่เหมือนละครหรือซีรีส์ไทยทั่วไป แต่จะมีชั้นเชิงการเล่าให้สากลเข้าใจมากกว่า มีวิธีการนำเสนอวัฒนธรรมไทยในอีกรูปแบบหนึ่งที่แปลกใหม่กว่าเดิม ซึ่งผมมองว่า พี่จิม (โสภณ ศักดาพิศิษฏ์ – ผู้กำกับ) ทำออกมาได้ดีมากๆ ยังไงก็ฝากซีรีส์เรื่อง เคว้ง” ด้วยนะครับ 15 พฤศจิกายนนี้ ร่วมลุ้นไปกับพวกเราทาง Netflix เท่านั้นครับ”

 

Models: @thebeamishere

Clothes: Prada, Club 21 (Thailand)

Stylist: @styletoon