เปิดใจแอดมินผู้ก่อตั้งกลุ่ม มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และการฝากร้าน

เพื่อนๆ พี่ๆ น้องชาว ม.ธ. ที่อยู่ในเฟซบุ๊คตอนนี้หลายคนน่าจะกำลังพัลวันอยู่กับการไถฟีดในกลุ่ม มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และการฝากร้าน กลุ่ม Facebook Group อายุสัปดาห์กว่าๆ แต่มียอดสมาชิกทะลุหกหมื่นคนเป็นที่เรียบร้อย

อาหารนานาชาติ ขนมนมเนย บ้านละคอนโด เรื่อยไปถึงของแปลกอย่างหมูป่าและจระเข้ก็มีให้ซื้อในกรุ๊ปนี้ทั้งนั้น และบรรยากาศคึกคักและเงินสะพัดแบบที่แอปช็อปออนไลน์ต้องเหล่มอง

มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และการฝากร้าน เริ่มจากความตั้งใจง่ายๆ ของ แซน-ภาวรินทร์ รามัญวงศ์ ศิษย์เก่าคณะศิลปศาสตร์ ที่อยากจะจับให้เพื่อนที่ขายของกับเพื่อนที่มีกำลังซื้อมาเจอกัน เพื่อช่วยเพื่อนๆ ในช่วงเวลาที่ธุรกิจส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบ 

การชวนกันปากต่อปากทำให้กรุ๊ปขยายตัวไปเร็วมากจนเลขสมาชิกแตกหลักหมื่นคนในเวลาไม่กี่วัน ล่าสุดที่เราเช็คคือทะเล 6 หมื่นคนไปเป็นที่เรียบร้อย ทำให้แซนต้องชวนเพื่อนๆ มาช่วยเป็นแอดมิน เพื่อพยายามทำให้บรรยากาศของกลุ่มเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ซึ่งเคล็ดลับอย่างหนึ่งที่แซนเลือกใช้ คือให้เพื่อนช่วยสอดส่องเพื่อที่ตัวเองชวนเข้ามาผ่านความสนิทและความเชื่อใจ 

“การ Invite แปลว่าอย่างน้อยจะต้องมีหนึ่งคนที่รู้จักกันอยู่ในกลุ่มนี้ มันเหมือนการ prove รอบแรกแล้วว่าเขาต้องไว้ใจคนคนนี้แล้วประมาณหนึ่ง ว่าคนคนนี้จะไม่ทำเรื่องที่เลวร้าย หรือถ้าคนคนนี้ทำเรื่องที่เลวร้ายก็จะมีเพื่อนเขาที่อยู่ในกรุ๊ปเห็น  ดังนั้นต่อให้เกิดก็คงไม่เยอะมาก”

แซนเล่าให้เราฟังว่า การนอกจากการซื้อขายที่เกิดขึ้นจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้หลายร้านค้าที่เงียบเหงามานาน และส่งต่อรายได้ไปยังคนที่อยู่ปลายทางแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่กรุ๊ป มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และการฝากร้าน มอบให้ทั้งแอดมินและสมาชิกคือรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ ซึ่งเป็นกำลังใจที่หลายคนต้องการในช่วงเวลานี้ 

“คนไม่ได้เข้ามาซื้อหรือเข้ามาขายอย่างเดียว ตอนนี้แซนว่าคนโหยหาความรู้สึกดีๆ ทุ พอมันมีอะไรสักอย่างที่ทำให้ยิ้มได้ หรือใช้เวลาว่างที่เขามีทำให้เกิดรอยยิ้มและเสียงหัวเราะได้เลยทำให้กลุ่มนี้มันขยายตัวไปเยอะ กำลังใจเป็นสิ่งสำคัญในช่วงเวลาที่ยากลำบาก”

ไม่ใช่แค่สมาชิก แต่แซนและเพื่อนแอดมินเองที่ได้รับผลกระทบจาก Covid-19 ไม่แพ้กัน ก็ได้รับความสุขจากพลังบวกในกรุ๊ปด้วย แอดมินทุกเลยเลยจริงจังในเรื่องความพยายามให้มีแต่พลังบวกอยู่ในกรุ๊ป 

“อะไรที่เป็นพลังลบแซนจะคุยหลังไมค์แล้วลบหมด แซนรู้ว่าบางครั้งอาจจะมีอะไรไม่ถูกใจ แต่ขอว่าคิดแล้วเก็บไว้อย่าพิมพ์ออกมา อย่าพยายามปล่อย hate speech หรือ bad vibe ออกมาได้ไหม เพราะแซนเองใช้พลังบวกเยอะมากในการทำให้คนมีความสุข ขออย่างเดียวอย่าส่งพลังลบมาสู้กัน แซนไม่ไหว เหนื่อย ซึ่งส่วนใหญ่ก็น่ารัก ขอโทษ และเข้าใจ”

แซนบอกเราว่า จริงๆ แล้วถ้ามองอีกด้านหนึ่ง Covid-19 ก็เหมือนจะกำลังให้บทเรียนเราทุกคนอยู่เหมือนกัน “อะไรที่มากจนเกินไปมันต้องหยุด ต้องพัก ทุกคนต้องกลับมาตระหนักเรียนรู้ว่าจริงๆ แล้วเราทำอะไรกันอยู่ แซนเองก้ได้เรียนรู้หนักมาก ปกติแซนเป็นคนใช้เงินไม่คิด แต่พอมีเรื่องแบบนี้แซนกลับมาคิดว่าวันนี้ใช้เงินไปเท่านี้ทำไมอยู่ได้ แล้วก่อนหน้านี้ใช้เงินวันละสองพันได้ยังไงนะ หรือนั่งมองกระเป๋าที่เคยซื้อมาตั้งเยอะที่บ้าน แล้วรู้สึกแบบ.. ทำไปทำไม ได้อะไร เคสนี้ไม่เคยเกิดขึ้นกับแซนแล้วอยู่ๆ มันมาเกิดขึ้น แล้วแซนด์ก็รู้สึกว่า เออ เราก็อยู่ได้นี่นา ถ้าตอนนั้นเราใช้เงินเหมือนตอนนี้เราก็คงรวยไปแล้วมั้ง คือมันก็สอนว่าจริงๆ แล้วเรากำลังทำอะไรกัน แล้วสิ่งที่เรากำลังทำอยู่มันจำเป็นหรอ ซึ่งแซนคิดว่าไม่ใช่แซนคนเดียวที่รู้สึก แล้วแซนคิดว่า Covid-19 มันจะเปลี่ยนพฤติกรรมของหลายคนไปอีกพอสมควร ว่าอะไรก็ตามที่ทุนนิยมจนเกินไป มันจะถูกโทนดาวน์ลงมา”

ลึกๆ แล้วแซนหวังอีกว่า กรุ๊ปนี้จะเป็นมากกว่ากรุ๊ปฝากร้านและขายของ แต่เติบโตเป็นจุดนัดพบของศิษย์เก่าธรรมศาสตร์ในธุรกิจต่างๆ กัน เพื่อการต่อยอดต่างๆ ในอนาคต 

 

“แซนรู้ว่าในทุกธุรกิจมันต้องมีสักคนที่เป็นเด็กธรรมศาสตร์ เลยอยากรวมกลุ่มนี้ไว้ตรงนี้เพื่อที่ว่าเวลาจะซื้อหรือต่อรองกัน มันจะมีสายใยบางๆ ที่ทำให้เรารู้สึกว่า เขาเป็นพี่น้องเรา ต้องไว้ใจได้ ฉันต้องหวังดีกับเขา ฉันต้องไม่โกง ฉันต้องไม่โขกสับ”