ค่อยๆ ก้าวไปทีละขั้น และเติบโตไปด้วยกันกับวง Mints

ถึงแม้ว่าจุดเริ่มต้นอาจจะไม่ได้มาจากเรื่องของการเล่นดนตรี หรือภาพจำไม่ได้อยู่ในจุดที่เรียกว่าศิลปิน แต่ด้วยพัฒนาการในด้านดนตรีที่ดีขึ้นเรื่อยๆ ทำให้พวกเขาก้าวผ่านภาพเหล่านั้นมาอยู่ในพื้นที่ของการเป็นศิลปินกันได้ ด้วยจำนวนแฟนคลับและแฟนเพลงที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ อัด—อวัช รัตนปิณฑะ และ ตน—ต้นหน ตันติเวชกุล กลายเป็นที่รู้จักมากขึ้นในฐานะของ Mints อดีตศิลปินอิสระสู่ศิลปินน้องใหม่ในสังกัดของ What The Duck ที่ตอนนี้กลับมามีผลงานให้ได้ติดตามกันอีกครั้งหลังจากหายไปเตรียมตัวกับผลงานใหม่กว่า 1 ปี NYLON เลยขอชวน 2 หนุ่มมาคุยกันถึงเรื่องงานและผลงานเพลงใหม่เพื่อที่จะได้ให้แฟนๆ เตรียมตัวไปสนุกด้วยกันกับพวกเขาในงานช่วงปลายปีแบบนี้

ตอนนี้อาจจะเรียกได้ว่าเป็นศิลปินเต็มตัวแล้ว รู้สึกอย่างไรกันบ้าง

ตน : จริงหรือเปล่าครับ คนมองอย่างนั้นใช่มั้ย (หัวเราะ)

อัด : ดีใจๆ ไม่ค่อยกล้าพูดอย่างนั้นเลย (หัวเราะ)

ตน : เหมือนกันๆ ถ้าใครจะมองว่าเราเป็นศิลปินก็ดีใจนะ แต่เรามองตัวเองก็รู้สึกว่า เราอาจจะเขยิบขึ้นมานิดหนึ่ง ถ้าถามว่าเราอยากจะเป็นมั้ย เราก็อยากจะเป็นศิลปินเต็มตัวที่มีผลงานให้ทุกคนยอมรับ แต่ถ้าถามว่าตอนนี้ก้าวไปถึงจุดนั้นหรือยัง ผมว่าก็ยังไม่ขนาดนั้นนะ

อัด : ผมไม่อยากไปคิดว่าคำนั้นมันจะนิยามเราในวันนี้ ผมรู้สึกว่าเดี๋ยววันหนึ่งถ้าคนทั้งหมดยอมรับ ผมว่ามันก็จะรู้สึกถึงคำนั้นไปเอง แต่ผมไม่อยากไปคิดเองว่าวันนี้ฉันเป็นศิลปินเต็มตัวแล้วนะ ปล่อยให้มันเป็นหน้าที่คนอื่นที่มองเราดีกว่า หน้าที่ของผมสองคนตอนนี้คือทำยังไงก็ได้ให้เราเก่งขึ้นไปอีก ทำยังไงให้เราทำงานที่ดีออกมาได้ ที่แฟนๆ หรือคนที่ติดตามเราเขาจะชื่นชอบ ตอนนี้เราก็คิดกันเท่านี้เนอะ

ตน : ครับ

ตน : เราอาจจะไม่ได้ก้าวสูงในก้าวเดียว แต่ว่ามันคือการค่อยๆ ก้าวอย่างมีคุณภาพและเข็งแรง

พูดถึงการทำงานกับ What The Duck หน่อยว่าเป็นอย่างไรบ้าง แตกต่างจากตอนที่ทำเพลงกันเองไหม

อัด : ต่างครับ ต่างในบางเรื่อง บางเรื่องก็ยังเหมือนเดิม คือต้องบอกว่า What The Duck เขาให้อิสระตัวศิลปินมาก ในแง่โปรดักชั่น เรื่องของเพลงอะไรพวกนี้ครับ เรายังใช้วิธีการเดิม เหมือนตอนที่เรายังทำกันเองอยู่ คือเรายังสามารถที่จะยังแต่งเพลง ขึ้นเพลงทุกอย่างเองโดยที่ไม่มีกรอบใดใดเลย เวงอยากทำเพลงแบบไหนก็ทำเลย ค่ายจะไม่บอกว่าต้องทำแบบนี้ ต้องเปลี่ยนเป็นแบบนี้ แค่ทำเดโม่มาส่ง แล้วจะคอมเม้นต์มากกว่าว่ารู้สึกยังไง สมมติเรามี 3 เพลงไปส่ง เราก็ถามว่าควรปล่อยเพลงไหนดี อะไรพวกนี้ มันจะเป็นการช่วยกันตัดสินใจมากกว่า แต่จะไม่มีการตีกรอบว่าคุณต้องเปลี่ยนมาทำเพลงเร็วก่อนนะ เพลงช้าก่อนนะ ผมรู้สึกว่าวิธีการทำงานส่วนโปรดักชั่นของเรื่องเพลงมันยังเหมือนเดิม

ตน : แค่เหมือนกับว่าได้คนที่ช่วยให้คำปรึกษามากกว่า ซึ่งคำปรึกษานอกจากเรื่องเพลงก็ยังมีเรื่องการโปรโมต การทำ mv ซึ่งมันก็แตกต่างอยู่แล้วครับ เหมือนว่าทางค่ายก็ให้การสนับสนุนเราในจุดนี้ได้ จากที่เมื่อก่อนเราทำกันเอง พูดตรงๆ ว่าเราก็ต้องลงทุนกันเอง ออกเงินเอง เหนื่อยกันเอง

อัด : ทั้งใช้แรงกาย แรงสมอง  ทุกวันนี้เราก็ยังมีการโยนไอเดียกัน แต่ค่ายก็จะมีการช่วย input มาด้วย มันก็เลยเหมือนมีหลายหัวที่ช่วยกันมากขึ้น 

ตน : เหมือนกับว่าข้างหลังพวกเราไม่ได้โล่งอีกแล้วครับ หมายถึงว่ามีคนที่คอยซัพพอร์ตเราอยู่ จากตอนแรกที่เคยเคว้งคว้าง กดดัน มีความเครียดเพราะต้องตัดสินใจกันเอง ตอนนี้ก็มีผู้ใหญ่คอยช่วยพวกเราแล้ว ดีใจ

หลังจากที่ปิด EP แรกไป กระแสเป็นอย่างไรบ้าง คิดว่า Mints ได้แฟนเพิ่มมากขึ้นจาก EP แรกด้วยไหม

ตน : ผมว่าเราได้แฟนเพิ่มแหละครับ ทั้งจาก EP แรก แล้วก็เพลงล่าสุดด้วย แต่ถ้าพูดถึง EP แรกก็รู้สึกว่าผมก็ค่อนข้างแฮปปี้นะกับผลตอบรับ ถ้าย้อนกลับไปตั้งแต่ปล่อยเพลงแรกเลย คือเพลงเหลือ เราไม่ได้คาดหวังว่าจะถึงหนึ่งแสนวิว ผมจำได้เลยว่าหมื่นวิวก็หรูแล้วอะ เพราะเราก็รู้สึกว่าสิ่งที่เราทำมันก็คือสิ่งที่เราชอบ เราก็เข้าใจว่ามันไม่ใช่สิ่งที่ตลาดหลักต้องการขนาดนั้น แต่ ณ วันนั้น เราแค่ทำสิ่งที่เรารัก ทำแพสชั่นของเราให้มันเกิดเป็นรูปเป็นร่าง ลงมือทำ ผลตอบรับจะมีคนชอบหรือไม่ชอบ มันเป็นโบนัสมากกว่า ซึ่ง EP แรกที่ปล่อยออกมามันก็ได้โบนัสนะครับ มีคนติดตามเราจากผลงานเพิ่มมากขึ้นจริงๆ บางคนไม่เคยดูการแสดงของพวกเรามาเลยด้วยซ้ำแต่ได้มาฟังเพลงของเรา

อัด : บางคนเริ่มรู้จักจากเพลง ได้ยินเพลงก่อนโดยที่ไม่รู้ว่าเป็นพวกเรา แล้วมารู้ทีหลังก็เหมือนว่าเซอร์ไพรส์ว่า เฮ้ย ร้องเพลงได้ ทำดนตรีกันได้นะ มันเลยรู้สึกว่า EP แรกที่เราปล่อยไปมันก็ทำให้เราเป็นที่รู้จักในอีกมุมหนึ่ง ในมุมของศิลปินนักร้อง ก็ค่อนข้างเกินคาด พอมันจบอันแรกไปแล้วเหมือนมีกำลังใจ เราเริ่มเดินเส้นทางนี้ แล้วเกิดสิ่งที่เราไม่ได้คาดหวังเลยมันทำให้เรามีกำลังใจ มีพลังที่อยากจะเดินต่อ อยากจะพัฒนาตัวเอง มันเป็นความรู้สึกแบบนี้มาตลอดตั้งแต่เริ่มต้นทำ เพราะเราไม่ได้หวังว่าจะมีคนมาเชียร์ มีคนมาซัพพอร์ต  มีคนมาดูแล้วรู้สึกว่าเราจะโตไปด้วยกัน ผมรู้สึกว่าสิ่งนี้คือความน่ารักของแฟนเพลงที่เขาส่งมาให้เราตั้งแต่เราเริ่มทำเพลงแรก ทุกคนเหมือนมองเด็กฝึกหัดเนอะ

ตน : ใช่ๆ คำว่าเติบโตมันใช้ได้เลยนะ เหมือนกับค่อยๆ ไปทีละก้าวครับ คือเราอาจจะไม่ได้ก้าวสูงในก้าวเดียว แต่ว่ามันคือการค่อยๆ ก้าวอย่างมีคุณภาพและเข็งแรง

อัด : คือผมรู้สึกว่าทุกวันนี้แฟนๆ ที่เขามาดูเราเล่นสดหรือเวลาเราโชว์ เราก็จะมีข้อผิดพลาดในทุกโชว์ แต่คนที่เขายังตามเราอยู่ เขาก็คอยให้กำลังใจ และเขาก็ค่อยๆ รู้สึกว่าแต่ละโชว์มันค่อยๆ ดีขึ้น ค่อยๆ พัฒนาขึ้นนะ ซึ่งเราแฮปปี้กับสิ่งนี้มากที่ทุกคนยังเอาใจช่วยกับศิลปินมือใหม่ที่เพิ่งเริ่มต้น มันดีมากครับ

อัด : ถ้ามันจะต้องเจ็บก็ให้มันเจ็บไป ถ้ามันจะต้องเสียใจก็ปล่อยให้เสียใจไป

ถ้าอย่างนั้นช่วยเล่าถึงเพลงใหม่ Lovephobia หน่อยว่า คอนเซปต์คืออะไร ทำไมถึงเป็นชื่อที ทำไมถึงกลายมาเป็นเพลงนี้ออกมา

ตน : จริงๆ ไอเดียแรกของเพลงนี้คือเราอยากทำเพลงเกี่ยวกับงานพรอม เป็น prom night หมายถึงฟังแล้วให้ความรู้สึกว่าเป็นงาน prom night ของฝรั่งครับ

อัด : ซึ่งมันมาจากตัวผมเป็นคนชอบซีน high school prom ในหนังฝรั่ง ชอบอะไรแบบนั้นมากๆ ชอบ vibe ของมัน ก็เลยรู้สึกว่าถ้าทำเพลง ก็อยากให้มีเพลงแบบนี้อยู่ในอัลบั้มของตัวเอง ก็เลยเป็นโจทย์นี้มาก่อน

ตน : เพลงนี้เป็นเพลงที่สนุกที่สุดของ Mints เลยมั้ง เป็นเพลงที่เร็วที่สุดด้วย พอได้โจทย์ เราก็ทำเดโม่กัน เริ่มจากทำคอร์ด แล้วต่อด้วยเมโลดี้เหมือนกับปกติ คือเราก็จะมีการทำเดโม่กันอยู่เรื่อยๆ ครับ เป็น 10 ดราฟท์เลย แล้วในเดโม่ตรงนี้มันมีทั้งที่ผมร้องและพี่อัดร้อง ในท่อนที่ทุกคนเห็นในเพลงจริงที่เป็นผมร้อง ก็คือเป็นท่อนที่ผมร้องในเดโม่ เจตนาแรกของการทำแบบนี้คือเราไม่ได้ตั้งใจจะให้ร้องทั้ง 2 คนนะ จริงๆ เป็นแค่ไอเดียแรกเฉยๆ

อัด : แบบว่าเก็บไปเลยว่าใครร้องอะไรได้ เพราะคนที่สื่อสารเมโลดี้นั้นออกมามันจะจำได้ดีกว่า ถ้าให้ตนร้องแล้วผมร้องตามทันทีมันจะยากกว่า ถ้าอย่างนั้นนก็ให้เขาร้องไปเลย

ตน : ตอนแรกก็ตั้งใจให้พี่อัดร้องคนเดียวนั่นแหละ แต่พอฟังไปฟังมา พี่ยิ้ม วงสมเกียรติ ที่เป็นโปรดิวเซอร์ของพวกเราเขาก็รู้สึกว่ามันก็น่าสนใจ แล้วโจทย์แรกของเราก็อยากจะให้คนเซอร์ไพรส์ด้วยประมาณนึง กับลุคใหม่ แม้กระทั่งโลโก้ก็เปลี่ยน 

อัด : เราหายไปปีนึงด้วย กว่าจะมีเพลงใหม่

ตน : อยากให้มันมีอะไรใหม่ๆ ไม่ใช่ว่าเปิดมาแล้วเป็นเหมือนเดิม งั้นก็ร้อง 2 คนไปเลยมั้ย มันก็เซอร์ไพรส์ดี 

อัด : ส่วนเนื้อร้อง ตอนแรกยังไม่รู้ว่าจะเขียนเกี่ยวกับอะไรด้วยซ้ำ พอเรามีไอเดียแต่ไอเดียมันกว้างมาก มันเป็นไปได้ทุกอย่าง ซึ่งตอนนั้นผมก็ไม่ได้มีเรื่องที่ผมอินอะไรมาก

ตน : จนผมเล่าเรื่องตัวเองให้ฟัง ปรึกษาพี่ๆ ตามปกติเวลาเจอกัน เรื่องความสัมพันธ์ในชีวิตของผม เอาง่ายๆ ก็อกหักมานั่นแหละครับ ก็เลยมาปรึกษา มันก็อยู่ในช่วงที่เพิ่งอกหักมา อยากจะเริ่มใหม่แต่ก็ไม่กล้า หรือแบบก็อยากจะกลับไปหาเขาอีก เป็นลูปครับ เหมือนในเพลง (หัวเราะ) เลยมาปรึกษาพี่อัดกับทีม 

อัด : ในมุมของผมก็เคยผ่านช่วงการก้าวผ่านไม่ได้ การกลัวว่าจะเริ่มใหม่แล้วจะต้องเจ็บ เราผ่านมาแล้ว พอตนมาเล่าให้ฟังผมก็รู้สึกว่า เออ ช่างมันเถอะ ถ้ามันจะต้องเจ็บก็ให้มันเจ็บไป ถ้ามันจะต้องเสียใจก็ปล่อยให้เสียใจไป ดีกว่าไปปิดตัวเองแล้ววันนึงมันอาจจะไม่ได้เจอคนที่ดีกว่าหรือเจอคนที่ใช่กว่าก็ได้ เหมือนให้คำแนะนำเป็นแบบนั้นไป จนมันก็รู้สึกว่าเพลงนี้ไหนๆ ก็ร้องกัน 2 คนแล้ว แล้วทัศนคติทั้ง 2 คนมันไม่ได้เหมือนกันเลยอะ เราจะทำยังไงให้ความต่างตรงนี้มันอยู่ในเพลงได้ ให้มันยังเป็น Mints อยู่ จนเราเบลนด์มาอยู่ในเนื้อเพลงนี้เหมือนกับคน 2 คนคุยกัน ท่อนที่เป็นตนพูดก็จะเป็นอินเนอร์ เป็นทัศนคติของตน 

ตน : ตอนนั้นที่กลัวนู่นนี่ พี่อัดก็จะบอกว่า เออ ไม่ต้องไปกลัว เหมือนเป็นพี่คุยกับน้อง

แล้วในเพลงนี้ที่ได้ร้องกันทั้ง 2 คน มันต่างกันจากตอนที่ทำคนละหน้าที่กันยังไงบ้าง

ตน : ส่วนตัวผมต่างมากๆ เลย เพราะว่ามันเป็นอีกพาร์ทหนึ่งที่เราไม่เคยได้ทำ คือผมเป็นคนที่ไม่มั่นใจเรื่องการร้องเพลงอยู่แล้ว ตั้งแต่มัธยม ผมก็เคยพยายามร้องอยู่ ก็อยากร้องเพลงเล่นๆ ปกติกับเพื่อน แค่ร้องเล่นๆ ก็โดนเพื่อนแซวว่า เออ เล่นกีต้าร์ก็พอแล้ว (หัวเราะ) เราก็เสียเซล์ฟ แต่เราก็แอบร้องตลอด บางทีอยู่บ้าน เปิดคอร์ดนั่งร้องขำๆ ผมรู้สึกว่าก็เป็นการปลดปล่อยอย่างหนึ่งครับ ทีนี้พอได้มีโอกาสมาร้องก็ยิ่งรู้สึกว่าเป็นสิ่งที่ยากมาก อย่างที่บอกครับ เราไม่ได้เป็นนักร้องมาตั้งแต่แรก ตอนแรกเลยที่พี่อัดร้องของเพลงนี้ พี่อัดอัดเสียงนานมาก เครียดมาก เพราะมันกดดันครับ เราก็ไม่เคยทำ แล้วเราก็ไม่อยากทำให้คนอื่นเสียเวลาด้วย สิ่งที่ทำให้เรียนรู้อีกอย่างคือการรักษาเสียง คือผมเป็นคนปล่อยตัวมากๆ เราก็ต้องดูแลตัวเองมากขึ้น เป็นเรื่องใหม่สำหรับผมมาก ปกติผมจะเป็นคนที่ชอบโหวกเหวกโวยวาย ทีนี้เราก็ต้องรู้แล้วว่าถ้าวันไหนเราไปคอนเสิร์ต วันต่อมาจะมีงานต่อไหม ก็ต้องรักษาเสียงนะ มันเป็นเรื่องใหม่มาก

มีความคิดที่อยากจะทำอัลบั้มเต็มบ้างไหม

ตน : จริงๆ เพลงนี้ก็เป็นอัลบั้มเต็มครับ

อัด : เป็นเป้าหมายที่เรากำลังทำอยู่ เป็นอัลบั้มเต็มชุดแรกของเพลงนี้ Lovephobia ก็เป็น 1 ในเพลงที่จะอยู่ในอัลบั้มเต็ม ช่วงที่เราหายไปปีหนึ่ง จริงๆ เราก็ไปงมไอเดียกันแหละ เรามีเป้าหมายว่าเราอยากทำอัลบั้มเต็ม แล้วเราก็หายไปในการหาไอเดีย หาคอนเซปต์ของอัลบั้มว่าอยากจะทำอะไร เราอยากได้บิ๊กไอเดียที่พอได้มาจะได้มายึดในการทำทุกเพลงในอยู่ในกรอบนี้ได้ แต่ยังมีความสนุกอยู่นะ จะเป็นอะไรก็ได้แต่ยังอยู่ในบิ๊กไอเดียตรงนี้อยู่ เราเลยใช้เวลาในการหาสิ่งนี้อยู่สักพักเลยจนได้ออกมา แล้วก็ออกมาเป็น Lovephobia ที่เป็นเพลงแรก หลังจากนี้คิดว่าเพลงที่เหลือน่าจะปล่อยออกมาเรื่อยๆ คงไม่หายไปนานแล้วครับ

แล้ววางแผนไว้ไหมว่าจะปล่อยช่วงไหน

ตน : อัลบั้มเต็ม ถ้าวางคร่าวๆ ก็ช่วง Cat Expo ปีหน้าเลยครับ ช่วงเดือนพฤศจิกายนปีหน้า

อัด : ถ้าทันนะครับ (หัวเราะ) 

ตน : ตอนนี้ไม่แน่ใจเหมือนกันแต่อยากให้เป็นอย่างนั้น

อัด : ถ้าทุกอย่างมันลงตัวได้จริงๆ ก็อยากให้มันเป็นปีหน้าช่วงปลายปี

ถ้ามีโอกาสได้ร่วมงานกับศิลปินคนอื่น อยากจะร่วมงานกับใคร

ตน : จริงๆ ผมอยากทำงานกับวงสมเกียรติเหมือนกันนะ กับวงที่เป็นโปรดิวเซอร์ของเรา แล้วก็โมเดิร์นด็อก  อย่างสมเกียรติที่อยากก็เพราะว่าผมว่าการโปรดิวซ์กับการมาฟีทเจอร์ริ่งมันคนละเรื่องกัน อย่างพี่ยิ้มเขาก็ต้องแยกพาร์ท พอมาทำให้ Mints เขาก็ต้องสวมบทบาทความเป็น Mints เหมือนเป็นสมาชิกอีกคนหนึ่ง แต่เรายังไม่ได้สัมผัสความเป็นสมเกียรติของเขาเลย อันนี้ก็น่าตื่นเต้นเหมือนกัน

อัด : ผมว่าน่าจะเป็นอะไรที่แตกต่างกันสุดๆ ผมอยู่ตรงนั้นผมคงเอ๋อไปเลย อ๊องไปเลย 

ตน : น่าจะสนุกดีนะ

อัด : แต่จริงๆ กับโมเดิร์นด็อกนี่ผมก็อยาก (ตน : ผมกับพี่อัดชอบโมเดิร์นด็อกมาก) ชอบมาก ผมชอบเพลงของพี่ๆ เขามาก เป็นแฟนเพลง แล้วรู้สึกว่าถ้าวันหนึ่งเรามีโอกาสได้ร้องเพลง แค่ร้องคัฟเวอร์เขาแบบจริงจัง หรือว่ามีโอกาสได้ทำเพลงร่วมกัน มันคงฟินมาก จริงๆ คือเพลงพวกพี่เขามาก่อนยุคพวกผมด้วยซ้ำ แต่ผมดันมารู้จักในยุคที่เพลงเขากลับมา มันก็เลยรู้สึกเหมือนกับว่าโตมาด้วยกัน พอเรารู้จักเราก็ไปไล่ฟังเพลง อินมาก ก็เป็นอีกศิลปินที่ชื่นชอบ

ตน : ส่วนผมก็เต้นเพลงโมเดิร์นด็อกตั้งแต่เด็ก หมายถึงว่าผมเคยมีคลิปด้วย แบบเป็นเทป สมัย 2-3 ขวบที่ยืน เดินได้แล้ว พ่อแม่ก็เปิดเพลงโมเดิร์นด็อก ในคลิปผมก็เต้น ฟังตั้งแต่เด็กจริงๆ ครับ

เตรียมตัวยังไงกับงาน Siam Music Fest 2019 ที่กำลังจะถึงนี้

ตน : ปีนี้เป็นปีแรก เราก็เล่นกันที่ BTS Stage ตรงทางเชื่อมสยามสแควร์วัน วันที่ 14 ธันวาคม เวลา 18.15น. 

อัด : ครั้งนี้เราก็เล่นเป็นแบบ Acoustic Session ซึ่งก็ไม่ค่อยได้เล่นแบบนี้ นานๆ จะได้เล่นสักที ก็คงจะได้เจอเพลงในรูปแบบที่มันชิลล์ขึ้น อาจจะไม่เหมือนเวลาไปดู Mints ในงานอื่นๆ ก็เป็นอีกฟีลหนึ่งที่ถ้าใครยังไม่เคยมีโอกาสได้ดูก็อยากเชิญไปดู น่าจะชิลล์ๆ สบาย รับลมหนาวกัน

ตน : แล้วก็อยากฝากเพลง Lovephobia ที่ปล่อยไปแล้ว มี mv ด้วยนะครับ ทาง Youtube : Whattheduck แล้วก็อยากจะฝากติดตามพวกเรา วง Mints นะครับ ใน Facebook : mints, Intagram : @wearemints แล้วก็ Twitter : @wearemints ครับ แล้วก็ช่องทางการติดตามของ What The Duck ทุกช่องทางเลย ไม่ว่าจะเป็น Instagram, Twitter, Facebook และ Youtube 

อัด : รวมไปถึงเพลงก็ฟังได้ทุกช่องทางสตรีมมิ่งที่มีอยู่ตอนนี้ ทั้ง Joox, Spotify, Apple Music, Itune, Youtube Music, Fungjai

ตน : แล้วก็อยากจะฝากอัลบั้มเต็มของพวกเราด้วยนะครับ คาดว่าเพลงใหม่ก็น่าจะได้ฟังกันต้นปีหน้า

อัด : ฝากไว้ก่อนล่วงหน้าครับ