Lyudmilla Pavlichenko… สุดยอดสไนเปอร์หญิงแห่งกองทัพแดง

  • ลุดมิลลา พาฟลิเชนโกเกิดที่ยูเครน สมัครเข้าชมรมยิงปืนเพราะได้ยินเด็กผู้ชายข้างบ้านคุยอวดฝีมือการยิงปืนของตนเอง เธอจึงอยากพิสูจน์ว่าผู้หญิงก็ทำได้
  • เมื่อกองทัพนาซีเยอรมันบุกสหภาพโซเวียตในปี 1941 ลุดมิลลาที่กำลังเรียนมหาวิทยาลัยอยู่ได้เข้าร่วมเป็นพลซุ่มยิงของกองทัพแดงและทำผลงานในฐานะพลซุ่มยิงหรือสไนเปอร์ได้อย่างยอดเยี่ยม สถิติโดยรวมที่ทำไว้คือสังหารฝ่ายตรงข้ามได้ถึง 309 ราย
  • หลังได้รับบาดเจ็บในสนามรบ ลุดมิลลาก็ได้เดินทางไปทำหน้าที่ประชาสัมพันธ์ของกองทัพโซเวียตที่แคนาดาและสหรัฐอเมริกา โดยเล่าประสบการณ์และตอบคำถามสื่อมวลขนในที่ต่าง ๆ และเมื่อสิ้นสุดสงคราม เธอก็กลับไปเรียนต่อจนสำเร็จ และได้รับรางวัลเกียรติยศจากผลงานที่เคยสร้างไว้มากมาย

ในภาพยนตร์หรือนิยายว่าด้วยสงคราม บุคคลหนึ่งที่มีบทบาทสำคัญและเป็นตำแหน่งที่ดูลึกลับและเท่มาก ๆ สำหรับหลายคน คือ สไนเปอร์หรือพลซุ่มยิง (sniper) ซึ่งส่วนมากแล้วจะเป็นผู้ชาย แต่ความจริงแล้ว ตำแหน่งนี้ไม่ใช่เพียงแต่ผู้ชายเท่านั้นที่ทำได้เพราะสุดยอดสไนเปอร์ที่มีชื่อเป็นตำนานเล่าขานในสงครามโลกครั้งที่สองเป็น ‘ผู้หญิง’

ยอดหญิงมือสังหารที่ทำสถิติสูงสุดในบรรดาพลซุ่มยิงหญิงผู้นี้ คือ ลุดมิลลา พาฟลิเชนโก (Lyudmilla Pavlichenko, 1916-1974) โดยสถิติการซุ่มยิงสำเร็จของเธออยู่ที่ 309 ราย โดย 36 คนในนั้นเป็นสไนเปอร์ของฝ่ายกองทัพเยอรมัน ไม่ว่าจะมีผู้ตั้งข้อสงสัยว่า วีรกรรมในสงครามของเธอเป็นจริงหรือเป็นแค่คำร่ำลือหรือโฆษณาชวนเชื่อของสหภาพโซเวียตในขณะนั้น ที่มาที่ไปและบทบาทในสงครามของเธอก็ยังน่าสนใจอยู่ดี

ลุดมิลลา มีนามสกุลเดิมว่าเบโลวา เกิดที่ยูเครน ในยุคที่ยังเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพโซเวียต เธอเป็นเด็กหญิงห้าว ๆ และไม่ใช่นักเรียนที่ทำตัวเรียบร้อยในชั้นเรียนสักเท่าไหร่ และสนใจพวกกีฬามากกว่า เธอย้ายที่อยู่จากบิลาเซอร์ควาไปที่เคียฟ และเข้าร่วมเป็นสมาชิกของชมรมยิงปืนใน OSOAVIAKhIM หรือสมาคมอาสาสมัครเพื่อความร่วมมือกับกองทัพบก กองทัพเรือ และกองทัพอากาศ ซึ่งเป็นหน่วยกีฬาพลเรือนกึ่งกองกำลังทหาร (paramilitary) ของสหภาพโซเวียต เหตุที่เธอเข้าร่วมชมรมยิงปืนเพราะสมัยเธอได้ยินเด็กชายข้างบ้านคุยอวดเรื่องความสามารถในการยิงปืนของตัวเอง ลุดมิลลาพัฒนาฝีมือของตัวเองจนได้เป็นนักกีฬาแม่นปืนสมัครเล่นของชมรม

เมื่ออายุ 16 ปี ลุดมิลลาก็แต่งงานกับอเล็กเซ พาฟลิเชนโก มีลูกชายด้วยกันหนึ่งคน ระหว่างนั้นเธอก็ทำงานและเรียนหนังสือไปด้วย โดยเธอทำงานเป็นพนักงานในโรงกลึงของหน่วยทหารปืนใหญ่ หลังจากอยู่ด้วยกันมาห้าปี เธอก็หย่ากับสามี และเข้าเรียนสาขาประวัติศาสตร์ในมหาวิทยาลัยเคียฟ

กลางปี 1941 ขณะที่กำลังเรียนมหาวิทยาลัย กองทัพเยอรมันก็บุกเข้ามาในสหภาพโซเวียต ลุดมิลลาซึ่งในเวลานั้นมีอายุ 24 ปีได้เข้าร่วมกองทัพตั้งแต่ทางการเรียกระดมอาสาสมัครรอบแรกที่เมืองโอเดสซา เธอสมัครเข้ากองทหารราบแต่ได้สังกัดหน่วยปืนยาวของกองทัพแดง (The Red Army) เพราะในเวลานั้นมีทางเลือกให้เธอเพียงสองทาง คือ ถ้าไม่เข้าสังกัดหน่วยปืนยาวก็ต้องไปอยู่หน่วยพยาบาล และเธอเลือกที่จะเป็นทหาร โดยในเวลานั้นมีพลซุ่มหญิงอยู่ราวสองพันคน ซึ่งเป็นจำนวนเพียงร้อยละ 2 ของกำลังทหารทั้งหมดเท่านั้น

ในระยะเวลาเพียงสองเดือนครึ่ง ลุดมิลลาซึ่งอยู่ในสนามรบใกล้กับเมืองโอเดสซาสามารถซุ่มยิงฝ่ายตรงข้ามได้ถึง 187 ราย และในช่วงปลายปี 1941 หน่วยของเธอถอนกำลังจากโอเดสซาไปยังเซวาสโตโปลบนคาบสมุทรไคเมียและประจำการอยู่ที่นั่นถึงแปดเดือน

ถึงจะเป็นสาวแกร่งและสไนเปอร์มือดี แต่ลุดมิลลาก็เจอปัญหาด้วยเช่นกัน เพราะเธอได้รับบาดเจ็บจากการสู้รบสี่ครั้งและมีภาวะเครียดและได้รับความกระทบกระเทือนด้านจิตใจจากสงคราม แต่เธอเลือกที่จะพาตัวเองกลับไปทำหน้าที่ในสนามรบต่อ และในเดือนพฤษภาคมปี 1942 เธอก็ได้เลื่อนยศเป็นร้อยโท และทำสถิติการซุ่มยิงฝ่ายนาซีได้ถึง 297 ราย ต่อมามีการยืนยันสถิติของเธออีกครั้งว่า เธอซุ่มยิงฝ่ายตรงข้ามได้ทั้งหมด 309 ราย โดยมี 36 รายในจำนวนนั้นที่เป็นพลซุ่มยิง

หลังจากได้รับบาดเจ็บจากสะเก็ดระเบิดที่ใบหน้า หัวหน้าหน่วยตัดสินใจถอนตัวเธอจากแนวหน้า และมอบหน้าที่ใหม่ให้เธอคือการประชาสัมพันธ์ผลงานและแสวงหาความร่วมมือจากประเทศอื่น งานนี้ทำให้เธอได้เดินทางไปเยือนทั้งแคนาดาและสหรัฐอเมริกา โดยลุดมิลลาถือเป็นคนจากสหภาพโซเวียตคนแรกที่ได้ไปเยือนทำเนียบขาวในสมัยของแฟรงคลิน ดี โรสเซอเวลท์ และสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งคือเอลีเนอร์ โรสเซอเวลท์ก็ให้นำเธอเดินทางไปยังสถานที่ต่าง ๆ ในสหรัฐเพื่อเล่าถึงประสบการณ์การเป็นสไนเปอร์หญิงด้วย

ในขณะที่การถ่ายทอดประสบการณ์ในสนามรบของลุดมิลลา พาฟลิเชนโกเป็นเรื่องสำคัญ แต่สื่ออเมริกันบางส่วนกลับสนใจเรื่องของเธอมากกว่า เพราะลุดมิลลาเลือกที่จะใส่เครื่องแบบของเธอมากกว่าที่จะแต่งตัวสวยแบบผู้หญิงอเมริกัน ยิ่งไปกว่านั้นเธอยังไม่แต่งหน้าด้วย โดยสื่อบางคนวิจารณ์ว่ากระโปรงของเธอยาวเกินไปทำให้เธอดูอ้วน

ในการตอบคำถามสื่ออเมริกันเกี่ยวกับการแต่งหน้า ลุดมิลลาบอกว่า กองทัพไม่ได้ห้ามไม่ให้ผู้หญิงแต่งหน้า และเป็นเรื่องน่าขำมากที่พวกเขาคอยถามเธอว่า เธอมีแป้งใช้หรือเปล่า เธอเคยดัดผมบ้างไหม และยังบอกด้วยว่า ผู้หญิงอเมริกันสวมกระโปรงที่สั้นกว่านี้ และเครื่องแบบที่เธอแต่งทำให้เธอดูอ้วนเกินไป เธอยอมรับว่าเธอเคือง เพราะการสวมเครื่องแบบคือเกียรติยศของเธอ และชาวอเมริกันควรได้เรียนรู้ว่า เครื่องแบบมีความหมายอย่างไร

นอกจากนี้ เธอยังกล่าวด้วยว่า เธอได้รับการปฏิบัติอย่างเสมอภาคในฐานะพลเมือง นักสู้ และทหารคนหนึ่งที่ต่อสู้เพื่อประเทศของตัวเอง และความเสมอภาคนี้ทำให้ผู้หญิงอย่างเธอสามารถต่อสู้แบบเคียงบ่าเคียงไหล่กับผู้ชายในสนามรบได้

คำพูดของเธอได้รับความสนใจและได้รับเสียงสนับสนุนจากชาวอเมริกันที่มาฟังการตอบคำถามของเธอ และมีนักแต่งเพลงชาวอเมริกันคือ วู้ดดี้ กูธรีแต่งเพลงให้เธอโดยใช้ชื่อเพลงว่า “Miss Pavlichenko” ด้วย จากสหรัฐอเมริกา อาจเรียกว่าได้นอกจากซุ่มยิงในสนามรบได้อย่างแม่นยำแล้ว ลุดมิลลายังทำหน้าที่ของประชาสัมพันธ์ของกองทัพได้อย่างตรงเป้า

เมื่อสงครามโลกครั้งที่สองสิ้นสุด ลุดมิลลา พาฟลิเชนโกได้กลับไปเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยเคียฟจนจบปริญญาตรี และศึกษาต่อในระดับปริญญาโทด้านประวัติศาสตร์ เธอยังคงทำงานให้กองทัพ แต่เปลี่ยนสถานะจากพลซุ่มยิงเป็นนักประวัติศาสตร์ประจำกองทัพเรือโซเวียต เธอเสียชีวิตที่มอสโคเมื่ออายุได้ 58 ปี โดยตลอดชีวิตที่ผ่านมา เธอได้รับรางวัลเกียรติยศต่าง ๆ มากมาย รวมถึงมีภาพปรากฏบนแสตมป์ของสหภาพโซเวียตถึงสองครั้งอีกด้วย

ผู้ที่สนใจสามารถติดตามอ่านอ่านประวัติของเธอเพิ่มเติม ได้ในหนังสือ Lady Death: The Memoirs of Stalin’s Sniper และฟังเพลง Miss Pavlichenko ของ Woody Guthrie ได้ที่นี่: youtube.com/watch?v=IEmOalZOyjU

 

References

  1. Meet the world’s deadliest female sniper who terrorized Hitler’s Nazi army https://www.independent.co.uk/news/world/world-history/lyudmila-pavlichenko-female-sniper-deadliest-hitler-nazi-a8262241.html
  2. Eleanor Roosevelt and the Soviet Sniper https://www.smithsonianmag.com/history/eleanor-roosevelt-and-the-soviet-sniper-23585278/
  3. The life and myths of Lyudmila Pavlichenko, Soviet Russia’s deadliest sniper https://www.pri.org/stories/2018-03-09/life-and-myths-lyudmila-pavlichenko-soviet-russias-deadliest-sniper
  4. Lady Death: Lyudmila Pavlichenko, the Greatest Female Sniper of All Time http://mentalfloss.com/article/565151/retrobituaries-lyudmila-pavlichenko
  5. Lyudmila Pavlichenko (1916-1974) The Deadliest Female Sniper in History https://www.rejectedprincesses.com/princesses/lyudmila-pavlichenko
0 replies

Leave a Reply

Want to join the discussion?
Feel free to contribute!

Leave a Reply