ชวนคุย New Friends 4 หนุ่ม อัลเทอร์เนทีฟป็อปมาแรงจากแคนาดา

สายฟังเพลงแนว Alternative Pop อาจจะคุ้นหูกับเพลง “Purple Candy” ของวง New Friends ที่ตอนนี้ยอดสตรีมทะลุ 4 ล้านครั้งบน Spotify ไปแล้ว แถมยังชนะรายการ “It’s Your Shot” รายการประกวดดนตรีสุดฮิตของแคนาดาเมื่อปี 2019 อีก และการกลับมาครั้งนี้พวกเขาก็ได้ปล่อยเพลงความหมายดีๆ พร้อมกับบีทสุดมันกระแทกใจอย่างเพลง Right Here ที่สื่อว่า “พวกเราอยู่ที่นี่เพื่อคุณ”

แม้ภาพหนึ่งเราจะเห็นว่าเส้นทางดนตรีของ New Friends เติบโตอย่างรวดเร็วจากไวรัลบนโลกออนไลน์  แต่ในอีกด้านหนึ่งเส้นทางนี้ก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบไปซะทีเดียว พวกเขายังเจอกับความท้าทายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความสัมพันธ์ การจากบ้านเกิดมาไกล เรื่องที่ชวนให้จมอยู่กับความคิดของตัวเอง ซึ่งอัลบั้ม “The Pilot” ใหม่ที่พวกเขาปลุกปั้นกันขึ้นมานี้ก็ถ่ายทอดจากความรู้สึกทั้งหมดที่เคยได้เจอ แต่เล่าผ่านมุมที่พวกเขาฉลองและสนุกไปกับประสบการณ์ทั้งหมดนั้นมากกว่า

NYLON ชวน 4 หนุ่มมากพลังและอารมณ์ดีอย่าง  Cole, Stefan, Conrad และ Ayden แห่งวง New Friends มาพูดคุยแลกเปลี่ยนตั้งแต่จุดเริ่มต้นจนถึงตอนนี้ ให้เราได้รู้จักพวกเขาลึกซึ้งกว่าเดิม ทั้งการรวมตัว การฟอร์มวง การหาจุดโฟกัส หรือแม้กระทั่งการบอกเล่าประสบการณ์ต่างๆ ที่พวกเขาได้เรียนรู้และเติบโตขึ้นมาจากเส้นทางนี้

 

เล่าย้อนถึงการรวมตัวกันเป็นวงดนตรีขึ้นมาหน่อย

Stefan: พวกเราเจอกันที่ออนเทอริโอ แคนาดา ตอนที่พวกเราเป็นนักศึกษาวิชาดนตรี ซึ่งเป็นกิจกรรมหนึ่งของหลักสูตร ผมว่าจริงๆ แล้วพวกเรามาเรียนที่นี่ด้วยจุดมุ่งหมายที่แตกต่างกัน อย่างผมที่จริงอยากเป็นคนทำเพลง EDM ผมเลยก็เข้ามาเรียนที่นี่ ได้ร่วมการแสดงดนตรีชุดหนึ่งกับ Cole แล้ว Cole กับ Ayden ก็เข้ามาชวนผมว่า นี่ นายต้องอยู่ทำ “Purple Candy” ต่อนะ ผมเลยไม่มีทางเลือก ตอนนี้ผมเลยได้อยู่ในวงกับพวกเขา (ทุกคนหัวเราะ) พวกเราก็แค่เจอกันแล้วความรู้สึกมันได้ แล้วพวกเราก็ชอบเล่นดนตรีด้วยกัน เลยได้มารวมตัวกันเป็นวง

Ayden: มันเป็นการรวมเอารสนิยมทางดนตรีของแต่ละคนเข้าด้วยกันอย่างเต็มที่ ผมว่าพวกเราแต่ละคนต่างก็มีแรงบันดาลใจในการทำดนตรีอย่างมาก เราเลยมาหาจุดตรงกลางของทุกคนให้เจอ

Stefan: มันเป็นไปเองตามธรรมชาติเลยด้วยครับ เราแค่ลองเริ่มเล่นดูแล้วดูว่าอะไรที่จะเข้ากับวงครับ

สิ่งที่ท้าทายเสมอสำหรับ New Friends คืออะไร

Conrad: ผมว่าสิ่งที่ท้าทายคือการที่พวกเราทั้ง 4 เป็นคนสร้างสรรค์ เมื่อคุณเอาคนสร้างสรรค์ 4 คนมารวมกัน แน่นอนว่ามันต้องเกิดความคิดที่แตกต่างอยู่แล้ว แต่ทุกๆ ความท้าทายมันเหมือนพรจากฟ้า ให้พวกเราได้เรียนรู้และเติบโตจากมัน หากเกิดข้อผิดพลาดอะไรขึ้น ไม่ว่าจะเป็นในสตูดิโอหรือบนเวทีแสดงสด พวกเราก็รับมือกับมันเสมอ มันทำให้พวกเราเก่งขึ้น แล้วก็สนิทกันมากขึ้นอีกด้วย

พูดถึงอัลบั้มกันบ้างดีกว่า – เราได้เห็นอะไรจากอัลบั้มนี้บ้าง

Conrad: อัลบั้มนี้เป็นการรวบรวมเอาเพลงที่พวกเราทำขึ้นในช่วงปีแรกของการทำวง แล้วเนื้อหาก็จะเป็นการพูดถึงสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับพวกระหว่างที่เราโตขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความสัมพันธ์ การจากบ้าน เพราะพวกเราต้องเข้าเรียนวิทยาลัย ความห่างไกลจากบ้านเกิดเมืองนอน หลายๆ สิ่งที่ทุกคนก็รู้สึกว่าพวกเขาต้องเผชิญ หลายครั้งที่จะรู้สึกว่าเราตัวคนเดียว แล้วเราก็จมอยู่กับความคิดของตัวเอง แบบว่า โอ้ เราต้องเผชิญสิ่งนี้ด้วยตัวคนเดียว อัลบั้ม “The Pilot” จะพูดแทนทุกคนที่ต้องผ่านพ้นความท้าทายในชีวิต เราอยากเฉลิมฉลองให้กับประสบการณ์ที่ท้าทายและสนุกสนานเหล่านั้น มากกว่าจมไปกับมัน

แล้วเพลง “Right Here” ต่างกับเพลงที่ผ่านมาอย่างไร แล้วอะไรคือสเน่ห์ของเพลงนี้

Stefan: ผมคิดว่าสำหรับเราเพลง “Right Here” เป็นเหมือนเพลงปิดส่งท้ายของช่วงเวลานั้น มันล้อไปกับเพลงอื่นๆ ในอัลบั้ม 

Cole: เพลงนี้มีกลิ่นอายของดนตรีร็อคอยู่ด้วย ผมว่ามันเลยทำให้เพลงนี้ต่างจากเพลงอื่นอย่างเห็นได้ชัด เพลงอื่นๆ จะออกแนวป็อปเสียส่วนใหญ่นะผมว่า

Conrad: เราเริ่มแต่งเพลง “Right Here” หลังจากที่พวกเรารวมตัวเป็นวงกันได้แล้วสักพัก แล้วก็หลังจากที่แต่างเพลงอื่นๆ ไปแล้วด้วย เพลง “Right Here” เหมือนจะเป็นเพลงสุดท้ายที่เราทำกัน มันให้ความรู้สึกว่านี่เป็นครั้งแรกที่เราเข้าใจว่าการเป็นวงดนตรีมันคืออะไร แล้วพวกเราทุกคนก็ต้องจากบ้านมาเป็นเวลานาน จนเราเริ่มรู้สึกถึงความยากลำบาก เลยเอาเพลงนี้เลยเป็นเพลงฟินาเล่ของ ณ ช่วงชีวิตนั้น ว่าเราจะทำสิ่งนี้นะ เราจะไปให้ถึงจุดที่เราฝัน เรายิ้มสู้ไปทำด้วยกัน โดยที่รู้ว่าเรายังมีครอบครัวและเพื่อนคอยให้กำลังใจอยู่ที่บ้าน ให้เพลงนี้บอกพวกเขาว่าสิ่งพวกเราอยู่ เราทำเพื่อพวกเขา เพื่อครอบครัวและเพื่อนๆ ของเรา รวมถึงตัวพวกเราเองด้วย มันเป็นการปิดจบแบบฟินาเล่ให้กับช่วงเวลานั้น

ขั้นตอนไหนระหว่างที่ทำเพลง “Right Here” ใช้เวลานานที่สุด แล้วทำไมถึงเป็นแบบนั้น

Conrad: ขั้นตอนที่ใช้เวลานานที่สุดคือตอนจบเลย เราชอบวิธีที่เพลง ดำเนินไป ชอบทิศทางของดนตรีของเพลง แล้วก็ถึงจุดที่เราต้องตัดจบเพื่อจะเตรียมปล่อยเพลง นั่นคือตอนที่พวกเราต้องมานั่งจี้ในรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ต่างๆ พยายามหาข้อบกพร่องเล็กๆ น้อยๆ นั่นเป็นขั้นตอนที่กินเวลาที่สุด เพราะเราอยากแน่ใจว่าเพลงจะออกมาดีที่สุด

Ayden: เราทำเพลงนี้กันมากว่าปีครึ่งแล้วเพลง พอเวลาผ่านไปเพลงมันก็ให้ความหมายที่ต่างไปด้วย ตอนที่เราแต่งเพลงนี้ขึ้นเราอาจจะหมายถึงสิ่งหนึ่ง แต่พอผ่านขั้นตอนต่างๆ ไปได้ปีครึ่ง เพลงมันกลับมีความหมายแตกต่างไปจากเดิม เรารู้สึกว่านี่คือช่วงเวลาที่ถูกต้องในการจะปล่อยเพลงนี้ให้ทุกคนได้ฟัง ร่วมกับเพลงอื่นๆ ในอัลบั้ม

นอกจากทำวงแล้ว เวลาว่างชอบทำอะไรกันบ้าง

Cole: ผมชอบอยู่ในห้องเฉยๆ แล้วเล่นกีต้าร์ครับ นั่นเป็นงานอดิเรกของผม

Stefan: สำหรับผม ผมชอบไปเที่ยวกับเพื่อนๆ  แต่เอาดีๆ ผมพูดแทนพวกเขาทุกคนได้เลยว่าพวกเราชอบเล่นวิดีโอเกมกัน เกมเลยเป็นกิจกรรมที่เราทำกันบ่อยๆ เวลาที่พวกเราว่างจากการเล่นดนตรี

Conrad: ของผมแน่นอนว่าเป็นเล่นวิดีโอเกมครับ แม้แต่เวลาที่พวกเราอยู่ในสตูดิโอ ระหว่างที่อัดเครื่องดนตรี หรือลงเสียงร้องอยู่ เราก็จะวิ่งไปเปิดเครื่องเกมอีกห้องนึงเล่นรอ แม้จะมีเวลาแค่ 2 นาทีก็ตาม

Stefan: ถ้าเราว่างสัก 30 นาที เราจะแบบเร็ว ทุกคน เร็วๆๆ

Ayden: แล้วเราก็สั่งอาหารมากินกันเยอะ เยอะมาก เยอะจนน่ากลัวเลยแหละ แต่เราได้ราคาดีมากเลยนะ ผมซื้อนักเก็ต 40 ชิ้นมา 10 เหรียญเองนะ

Stefan: เมื่อวันก่อนเราสั่งนักเก็ตมา 100 ชิ้น ราคา 40 เหรียญได้

Conrad: (หัวเราะ) เราสั่งอาหารกันบ่อยอยู่

ถ้ามีเพื่อนใหม่ [‘New Friends’] ที่อยากรู้จักพวกคุณมากขึ้น จะแนะนำเขาให้รู้จักพวกคุณผ่านบทเพลงไหน

Ayden: เรื่องมันเป็นแบบนี้ครับ เพลงที่เราทำตอนนี้มันมีเพลงสำหรับทุกคนอยู่ในอัลบั้ม มันไม่ได้มีแค่เพลงใดเพลงเดียวที่เรารู้สึกว่า เอ้ย ต้องไปฟังเพลงนี้นะ แน่นอนว่ามันอาจจะมีบางเพลงที่รู้สึกว่าดีกว่าเพลงอื่น แต่เรารู้สึกว่าทุกเพลงควรค่าแก่การฟัง ถ้าชอบเพลงร็อคก็ลองฟัง “Right Here” ดู ถ้าชอบแนว Heavy Pop ก็ลองฟัง “Coming Back For You” หรือ “Lovestruck Energy” ถ้าชอบเบาๆ หน่อยก็ลอง “Ivory Tower” แล้วก็มีเพลง “Little Fires” ที่จะหนักๆ ตอนท้าย มีเพลงทุกแนวให้ทุกคนได้ฟังครับ

เราได้ดึงเอาแรงบันดาลใจมาจากเรื่องราวต่างๆ ในชีวิต หลายครั้งที่เราถูกถามว่าอะไรคือแรงบันดาลใจ เราไม่รู้ มันคือบางอย่างที่เราได้รับมาจากหลากหลายผู้คน เราแค่พยายามจะทำเพลงในแบบของเราให้ทุกคนได้ฟัง

ฝากอะไรถึงแฟนเพลงชาวไทยหน่อย

Stefan: สวัสดีครับแฟนชาวไทย เรารักพวกคุณมาก และขอบคุณสำหรับการสนับสนุนจริงๆ

Conrad: ขอบคุณครับ เราอยากไปหาพวกคุณ

Ayden: เราเองก็อยากทำความรู้จักพวกคุณเหมือนกันเพราะเราได้การสนับสนุนมากมาย อย่างเพลง “Lovestruck Energy” ก็ขึ้นบนชาร์ตเพลงไทย มันมีความหมายมากๆ กับพวกเรา ขอบคุณมากเลยครับ มันพิเศษมากเลย

Conrad: เข้ามาทักทายพวกเราได้เสมอเลยนะครับ เรารออ่านและคอยตอบคอมเมนต์แฟนๆ อยู่ตลอด

Ayden: อีกอย่างหนึ่งครับ ส่งวงดนตรีของไทยวงโปรดมาให้เราฟังที เรารอฟังอยู่นะครับ ช่วยส่งมาทีนะครับ