The Book Women: บรรณารักษ์บนหลังม้า
เราอาจเคยได้ยินเรื่องของวีรบุรุษขี่ม้าขาวในนิทาน แต่ในชีวิตจริงยังมีผู้หญิงบนหลังม้ากลุ่มหนึ่งที่กล้าหาญและมหัศจรรย์ไม่แพ้กัน พวกเธอไม่ได้จับดาบสู้กับมังกรและเหล่าร้าย แต่เหล่าบรรณารักษ์สาวสุดแกร่งแห่งรัฐเคนตักกีมีหน้าที่ขี่ม้าไปยังสถานทื่ที่การเดินทางแสนลำบากเพื่อนำเอาหนังสือไปส่งให้แก่ผู้คนในพื้นที่ห่างไกล แน่นอนว่า งานนี้ไม่ง่ายเลยสักนิด
โครงการห้องสมุดบนหลังม้า (Pack Horse Library Initiative) ซึ่งจัดตั้งขึ้นใน ค.ศ. 1933 จากมาตรการเพื่อแก้ปัญหาการว่างงานของประธานาธิบดีแฟรงคลิน ดี รูสเซอเวลต์ (Franklin D. Roosevelt) โดยการตั้งหน่วยงานใหม่ขึ้นมาและเปิดตำแหน่งเพื่อรับคนเข้ามาทำงานสาธารณประโยชน์ เนื่องจากช่วงทศวรรษ 1930 เป็นช่วงที่สหรัฐอเมริกาเผชิญภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ (The Great Depression) อุตสาหกรรมต่าง ๆ ต้องลดการผลิตลงและส่งผลให้เกิดอัตราการว่างงานเพิ่มขึ้น
สิ่งที่ทำให้โครงการห้องสมุดบนหลังม้าของรัฐเคนตักกีต่างจากโครงการอื่นที่เป็นส่วนหนึ่งของนโยบายแก้ปัญหาคนว่างงานก็คือ คนที่ได้รับการว่าจ้างให้มาทำงานเกือบทั้งหมดเป็นผู้หญิง บรรณารักษ์ในโครงการนี้จึงได้ฉายาว่า ‘Book Women’
เหตุผลของการจัดตั้งโครงการนี้ขึ้น เพราะคนที่อาศัยอยู่ในแถบแอพพาลาเชียน (Appalachian) ทางตะวันออกของรัฐเคนตักกีซึ่งเป็นพื้นที่ห่างไกลและเข้าถึงลำบากขาดทรัพยากรทางการศึกษาและมีอัตราการอ่านออกเขียนได้ต่ำ จึงเป็นโอกาสอันดีในการจ้างงานและส่งเสริมการรู้หนังสือไปพร้อมกันแบบยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว
งานของเจ้าหน้าที่ห้องสมุดเคลื่อนไม่ใช่แค่นำหนังสือไปให้คนในพื้นที่ขาดแคลนได้อ่าน แต่ยังมีงานผลิตหนังสือและสื่อต่าง ๆ เพื่อให้มีทรัพยากรที่เพียงพอต่อความต้องการ โดยนำนิตยสารและหนังสือพิมพ์ที่ได้รับบริจาคมาตัด คัดแยกหมวดหมู่ และเข้าเล่มเป็นสมุดรวมข่าว (scrapbook) เพื่อให้สะดวกต่อการขนย้าย สามารถให้ยืมไปอ่านได้ง่ายกว่า และนำเอาพวกการ์ดอวยพรทั้งหลายที่เหลือใช้มาสอดเป็นที่คั่น เพื่อป้องกันไม่ให้คนอ่านพับมุมหนังสือ (คนรักหนังสือทั้งหลายสบายใจได้)
เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้ว เหล่า Book Women ก็จะนำหนังสือและสื่อสำหรับอ่านต่าง ๆ ไปให้ชาวบ้านและเด็ก ๆ โดยการเดินทางแต่ละครั้ง พวกเธอจะเดินทางบนหลังม้า (และลงเดินเป็นบางครั้ง) รวมเป็นระยะทางเกือบ 200 กิโลเมตร ในเส้นทางต้องผ่านทั้งภูเขา ผ่านทั้งป่า และอาจพบความเสี่ยงสารพัดระหว่างเดินทาง แต่อุปสรรคทั้งหลายก็ไม่สามารถยับยั้งเธอเหล่านี้ได้ และนับว่าสิ่งที่ลงแรงกายแรงใจทำนั้นคุ้มค่า จากบันทึกของบรรณารักษ์บนหลังม้าคนหนึ่งบอกว่า ผู้คนในเขตแอพพาลาเชียนมีความกระตือรือร้นที่จะอ่านและอยากเรียนรู้ให้อ่านเขียนได้ โดยเมื่อไปถึงจุดหมาย พวกเธอได้พบผู้คนที่เฝ้ารอจะยืมหนังสือไปอ่านและรอให้พวกเธออ่านหนังสือให้ฟังอย่างใจจดใจจ่อ และพวกเด็ก ๆ ก็ขอร้องให้พวกเธอนำหนังสือใหม่ ๆ มาให้อ่านอีก จะเป็นหนังสืออะไรก็ได้ที่พวกเขายังไม่เคยอ่าน
ในช่วงระยะเวลา 5 ปีแรกของโครงการ มีบรรณารักษ์บนหลังม้าถึง 274 คน และขยายพื้นที่ทำการไปในรัฐอื่น ๆ ใกล้เคียงด้วย โดยในปี 1943 ซึ่งเป็นปีสุดท้ายของโครงการที่ต้องยกเลิกไปเพราะใกล้เข้าสู่ภาวะสงครามโลกครั้งที่สอง มีคนทำงานนี้ถึงเกือบพันคน และเรื่องราวของเธอเหล่านี้ก็ทำให้คำพูดว่า ‘ฮีโร่ไม่จำเป็นต้องมีผ้าคลุม’ (แต่มีม้ากับหนังสือ) เป็นจริงเลยละ
References
- Horse-Riding Librarians Were the Great Depression’s Bookmobiles
- Pack Horse Library Project
- The Women Who Rode Miles on Horseback to Deliver Library Books
- Horseback librarians during the Great Depression
Written by Piyarak
Illustration by Nipaporn Vattanasiriporn
Leave a Reply
Want to join the discussion?Feel free to contribute!